“เฮอะ! ไม่รู้จักกลัวตาย!”
ราชันค้างคาวดำแค่นเสียงหัวเราะ สีหน้าเปี่ยมแววเหยียดหยาม
หากเป็นก่อนหน้าที่จะกางค่ายกลคุกโลหิตกลืนมาร เขาอาจกริ่งเกรงต่อการมาของหลินสวินอยู่สามส่วน แต่ยามนี้เขาแทบรอให้หลินสวินมาตายจนทนไม่ไหว
“มาๆๆ เจ้า หลินสวิน มาตายให้พวกเราดูหน่อย”
“สวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันโร่มาเองซะจริงๆ ในเมื่ออยากตายนัก วันนี้ก็จะทำให้เจ้าสมหวัง!”
ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างหัวเราะผสมโรงไม่สิ้น
ทั้งบนล่างเขาผีเผ่นอันกว้างใหญ่ อสูรมารบำเพ็ญพวกนั้นล้วนระเบิดหัวเราะลั่นตามมาด้วย ต่างพากันมั่นใจหายห่วง สายตาที่มองทางหลินสวินราวกับจ้องคนตาย
ถึงขนาดมีราชันอสูรมารเริ่มกังวล “เจ้าเด็กนั่นคงไม่หวาดกลัวจนหนีเตลิดไปหรอกกระมัง”
“ทุกคนเบาเสียงหน่อย เดี๋ยวทำลายความบ้าดีเดือดของเด็กนั่นเข้า”
ราชันค้างคาวดำโพล่งเอ็ดเสียงดัง กลับเรียกเสียงหัวเราะครืนระลอกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัวสิ่งใดและหยิ่งผยองอย่างที่สุด
พวกชีชานที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ ทุกคนสังหรณ์ใจถึงความไม่เข้าที
อสูรมารพวกนั้นมั่นใจเกินไป เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ แค่รอให้หลินสวินโจนเข้าไปในกับดักเอง!
“ครูฝึก ต้องเตือนผู้อาวุโสหลินสักหน่อยหรือไม่”
มีคนเป็นกังวล
คนอื่นๆ ต่างพากันเอ่ยปากเช่นกัน นั่นเป็นกับดักที่เตรียมไว้ดิบดีอย่างหนึ่งชัดๆ พวกเขาไม่อยากเห็นหลินสวินเอาชีวิตไปทิ้ง
“ของที่แม้แต่พวกเจ้ายังมองออก เขาจะมองไม่ออกเชียวหรือ”
คำตอบของชีชานเรียบง่ายยิ่ง กลับทำให้ความตึงเครียดและร้อนรนในใจทุกคนคลายลงไม่น้อย
ใช่แล้ว จากฝีมือและความฉลาดของผู้อาวุโสหลิน มีหรือจะมองเรื่องแค่นี้ไม่ออก
ในเมื่อเขากล้าทำเช่นนี้ ก็ต้องมั่นใจอย่างแน่นอน!
“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลใหญ่นี่จะคุ้มกะลาหัวพวกเจ้าได้”
ไกลออกไปหลินสวินหยุดเท้า นัยน์ตาดั่งสายฟ้า ริมฝีปากเหยียดแสยะ
“โง่งม! รอให้เจ้าลิ้มรสชาติค่ายกลนี้ก่อนเถอะ จะดูว่าเจ้ายังพูดจาโง่เง่าเบาปัญญาเช่นนี้อีกหรือไม่!”
ราชันค้างคาวดำแค่นเสียงเย็น เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
วู้ม!
เหนือเวิ้งฟ้า จันทร์เพ็ญสีเลือดพลันแผ่แสงสีแดงฉานหาใดเปรียบออกมา ตามมาด้วยพยับหมอกสีเลือดคละคลุ้งพุ่งกระหน่ำออกไปบนภูผาธาราพันลี้
ชั่วพริบตาเดียวไอชั่วร้ายพวยพุ่ง เสียงร้องคำรามมารอสูร ประกายแสงสีเลือดไหลเวียนกลางฟ้าดิน สะท้อนลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงมากมายอย่างภูเขาศพทะเลเลือด กระดูกกองพะเนิน เทพมารโหยไห้เป็นต้น
ก็เหมือนนรกสีเลือดปรากฏสู่โลกหล้า!
เพียงชั่วอึดใจเงาร่างของหลินสวินก็ถูกกลืนหายเข้าไปในนั้น ถูกพยับหมอกสีเลือดที่เดือดพล่านแผ่ครอบ ไม่อาจมองเห็นได้อีก
แม้ว่าพวกชีชานจะมั่นใจในตัวหลินสวินเต็มเปี่ยม แต่เมื่อภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าแปรผันปุบปับ ในใจก็ยังบีบรัด หน้าเปลี่ยนสีทันควัน
ส่วนบนเขาผีเผ่น ราชันค้างคาวดำพ่นเสียงหัวเราะเยาะออกมาคราวหนึ่ง “ดูเหมือนว่าการฆ่าราชันเกราะทองได้จะทำให้เจ้าเหลิงไปหน่อย แต่ว่าได้ตายภายใต้ค่ายกลนี้ก็ไม่ถือว่าเสียศักดิ์ศรีเจ้าแล้ว”
ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างหัวเราะครืน ในใจก็มั่นใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน บอกว่าพวกเขาไม่หวาดเกรงคงโกหก อย่างไรเสียแม้แต่ราชันเกราะทองยังถูกฆ่าทิ้ง นี่ก็สามารถทำให้พวกเขาเกิดความหวาดหวั่นได้แล้ว
แต่ยามนี้จู่ๆ พวกเขาก็ค้นพบว่าข่าวลือไม่เป็นความจริงอย่างเห็นได้ชัด เพียงชั่วพริบตาเจ้าคนบ้าดีเดือดนั่นก็ถูกขังในค่ายกลใหญ่ ช่างง่ายดายเกินไปแล้ว!
“เป็นเพราะเจ้าหมอนี่อ่อนแอเกินไปอย่างนั้นหรือ”
มีราชันอสูรมารคลางแคลงใจ
“ไม่ ได้แต่พิสูจน์ว่าค่ายกลใหญ่ที่บรรพจารย์อสูรมารมอบให้นี้แข็งแกร่งเกินไป ในค่ายกลนี้ ปราณต่ำกว่าระดับอริยะหน้าไหนก็ไม่มีทางรอด นี่มีหรือที่ของทั่วไปจะเทียบชั้นได้”
ราชันค้างคาวดำสีหน้าเหยียดหยัน อิ่มอกอิ่มใจ
เขาถึงขั้นที่คิดไว้เสร็จสรรพ รอให้สังหารหลินสวินเสร็จค่อยปล่อยข่าวออกไป อยากให้ผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ทั่วหล้าได้เห็น ว่าหลินสวินที่พวกเขาฝากความหวังกันนักหนานั้นอ่อนปวกเปียกปานใด!
ครืน!
ภูเขาแม่น้ำพันลี้ แสงโลหิตระฟ้ากู่ก้องกระหึ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง พริบตาเดียวฟ้าดินแถบนั้นพลันมืดสลัว ภูตผีโหยไห้หมาป่าเห่าหอน สัญลักษณ์สีเลือดแปลกประหลาดแน่นขนัดนับไม่ถ้วนไหลเวียน กลิ่นอายน่าสะพรึงที่แผ่กว้างออกมาทำให้พวกอสูรมารบนเขาผีเผ่นต่างใจหล่นวูบ เนื้อหนังกระตุก
พวกชีชานเองก็หายใจไม่ทั่วท้อง ในใจเกิดความหวาดกลัว จิตวิญญาณบีบรัด มองไม่เห็นภาพเหตุการณ์ภายในค่ายกลใหญ่นั่นเลยสักนิด
นี่ทำให้พวกเขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจยังร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
ราชันค้างคาวดำสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ “หลอมกันเถิด หลังจากสังหารเด็กนั่นได้ บรรพจารย์อสูรมารต้องตกรางวัลให้ข้าอย่างงามแน่ จะบรรลุอริยะเป็นบรรพจารย์ในภายภาคหน้าก็แค่รอเวลาเท่านั้น!”
ราชันอสูรมารคนอื่นๆ ต่างก็ตั้งตาคอยเช่นกัน
ตูม!
ทันใดนั้นกลางค่ายกลใหญ่พลันเกิดเสียงกึกก้องรุนแรง
ตามมาด้วยภาพสะท้านสะเทือนปรากฏขึ้นในสายตาพวกอสูรมารทั้งหมดที่อยู่บนเขาผีเผ่น
เงาร่างสีเขียวอ่อนสายหนึ่งก้าวออกมาจากแสงโลหิตท่วมฟ้า ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ราวกับเทพมารเยือนโลก รอบกายแผ่แสงเจิดจ้านับไม่ถ้วน
“นี่…”
พริบตาที่ได้เห็นเงาร่างสายนั้น ดวงตาของพวกราชันค้างคาวดำเกือบกลิ้งหลุดออกมา แทบไม่อยากจะเชื่อ
หลินสวินนี่ยังไม่ตายเชียวหรือ
……
หลินสวินเงยหน้าขึ้น ส่วนลึกกลางนัยน์ตาดำเจือไอสังหารน่าสะพรึง
อยู่ในค่ายกลใหญ่ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งเข้าใจกลไกที่สร้างค่ายกลนี้ ถึงกับใช้เลือดพิสุทธิ์ของผู้ฝึกปราณจำนวนหลายแสนหลอมสร้างขึ้นมา!
หลายแสนเชียว!
นี่เป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้!
“พวกเจ้าทุกคนสมควรตายให้หมด!”
มองพื้นที่มืดทึบทะมึนบนเขาผีเผ่น
ไอสังหารในใจหลินสวินคุกรุ่น แสงมรรคบนร่างพุ่งกระฉูด พาดขวางกลางฟ้าราวกับแสงเทพสายหนึ่ง
……
“เขาถึงกับยังไม่ตายจริงๆ!”
“หนำซ้ำยังไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์