อ่านสรุป ตอนที่ 1403 อานุภาพหนึ่งเดียวกดข่มเหล่าราชัน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1403 อานุภาพหนึ่งเดียวกดข่มเหล่าราชัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตูม!
เสาน้ำต้นหนึ่งผุดขึ้นกลางทะเลสาบวาโยอสนีพร้อมกับไอชั่วร้ายแห่งยอดวาโยอสนี ยกเงาร่างหนึ่งให้สูงขึ้น
เพียงแค่เสียงกึกก้องนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบางคนสั่นสะท้านจนเลือดลมปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด
คนผู้นั้นสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนเสาน้ำ
หลังเขามีปีกสีเงินเจิดจรัสคู่หนึ่ง หัวมีเขาหนึ่งงอกอยู่ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ
“ใครบุกรุกที่นี่ ตาย!”
พอเอ่ยทั้งหกคำนี้ออกมา แต่ละคำประหนึ่งอสนีบาตสะท้านให้เมฆแปดทิศให้ถล่ม หินผาระเบิดกระจุย คลื่นน้ำถั่งโถมซัดสาด
คนที่พลังปราณอ่อนแอหลายคนเลือดกบปากจมูก แทบขวัญหนีดีฝ่อ!
“ราชันกระเรียนเงิน!”
พวกสวีซานชีจำฐานะของอีกฝ่ายได้ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
แม้ราชันกระเรียนเงินตนนี้จะไม่แข็งแกร่งเท่าราชันผึ้งขาว แต่ก็อยู่ในกลุ่มราชันอสูรมารสามสิบหกตน ศักยภาพน่าหวาดหวั่นมาก
พอราชันกระเรียนเงินออกมา บรรยากาศในที่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นกดดัน สายตาของผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิหลายคนต่างเจือความหวาดหวั่น
“ราชันอสูรมารชั้นนี้ช่างน่ากลัวนัก แม้จักรวรรดิของพวกเราเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ ไม่ขาดผู้มีระดับราชัน แต่พูดถึงกำลังพลชั้นยอดแล้วกลับมีเพียงหยิบมือ”
ในบริเวณใกล้เคียงผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างอกสั่นขวัญแขวน
“วางใจเถอะ มีคุณชายหลินอยู่ ต้องกำราบที่แห่งนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ของจักรวรรดิเราได้แน่” บางคนกล่าวปลอบ
“ราชันกระเรียนเงิน ที่นี่เป็นถึงดินแดนจักรวรรดิข้า พวกเจ้าเข้ายึดครองโดยพลการแล้วยังกล้ามาข่มขี่ คิดว่าจักรวรรดิข้าไม่มีคนหรือ”
ทันใดนั้นผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิคนหนึ่งคำรามยาว เสียงดังกังวานดุจระฆัง
ราชันกระเรียนเงินสีหน้าเย็นชา ไม่ต่อปากต่อคำสักนิด ทำเพียงยื่นมือฟาดออกไปครั้งหนึ่ง
ฉึบ!
ห้วงอากาศราวกับถูกดาบแหลมคมผ่าลากลงจนเกิดรอยแยกเรียวยาวหลายพันจั้งพาดผ่านห้วงอากาศรอยหนึ่ง แล้วฟันไปยังผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิผู้นั้น
คนผู้นั้นเป็นแม่ทัพที่ควบคุมกองทัพในพื้นที่หนึ่ง นิสัยใจคอดุดัน มีนามว่าจ่างซุนเลี่ย ช่วงที่ฟ้าดินแปรผันฉับพลันหลายปีมานี้ ศักยภาพของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้มีพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว
แต่ขณะนี้ยามเผชิญหน้ากับกระบวนเฉือนนี้ของราชันกระเรียนเงิน กลับถูกซัดจนร่างกายถอยหลังโซซัดโซเซ สองแขนมีเลือดหลั่งริน ปากก็พ่นเลือดออกมาอย่างอดไม่ได้
จ่างซุนเลี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเดียว!
ทันใดนั้นพื้นที่ใกล้เคียงก็เงียบสงัด
ทุกคนกำหมัดแน่น สายตาจ้องเขม็งไปที่ราชันกระเรียนเงินซึ่งยืนมือไพล่หลังอย่างหยิ่งผยองอยู่เหนือเสาน้ำ สีหน้ามีทั้งความขุ่นเคืองและหวาดกลัว
“ไม่รู้จักประมาณตน!”
ราชันกระเรียนเงินเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “หากไม่ต้องต่อกรกับหลินสวินคนนั้น อย่างพวกเจ้ากล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็ต้องตายไร้ที่ฝังร่าง”
“น่าขัน ถ้าราชันกระเรียนเงินอย่างเจ้าไม่กลัวหลินสวิน เหตุใดถึงหนีหางจุกก้นไปจากรังจนต้องมาซ่อนตัวที่นี่เล่า”
จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยปากเย็นชา
“ฮ่าๆ กลัวหรือ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ งั้นข้าบอกเจ้าก็ได้ว่าถ้าหลินสวินมาคราวนี้ จะต้องถูกสังหารที่นี่!”
ราชันกระเรียนเงินหัวเราะร่า แต่สีหน้ากลับเหี้ยมเกรียมผิดธรรมดา
เสียงพูดเขายังไม่ทันเงียบลง จู่ๆ เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็แว่วมาจากที่ไกลลิบ
“งั้นหรือ”
ราชันกระเรียนเงินหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่าแสงราวรัศมีดาราสายหนึ่งเคลื่อนมาจากห้วงอากาศ
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
ทุกคนแทบบรรยายไม่ได้ เพียงรู้สึกแสบตาไปครู่หนึ่ง จิตวิญญาณเกิดความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
“เวรเอ๊ย!”
ราชันกระเรียนเงินรับรู้ได้ถึงอันตราย สีหน้าแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง พอกระพือปีกที่อยู่เบื้องหลังก็เคลื่อนไปยังส่วนลึกของทะเลสาบวาโยอสนี
เพียงแต่สายไปแล้ว แสงราวรัศมีดารานั้นกลายเป็นดาบหักเล่มหนึ่ง แผ่ประกายคมไร้เทียมทานออกมากวาดเบาๆ ครั้งหนึ่ง
ฟุ่บ!
ก็เห็นว่าปีกทั้งสองของราชันกระเรียนเงินถูกดาบหักฟันร่วงทันที เลือดสดๆ สาดกระเซ็นเป็นน้ำตก ส่วนเงาร่างก็ตกลงมาใต้ห้วงอากาศอย่างสูญเสียการควบคุม
และในขณะเดียวกัน ดาบหักหมุนรอบกายราชันกระเรียนเงินราวกับมีชีวิตจิตใจ ตัวเขายังไม่ทันหลบหนี ร่างก็เหมือนเศษกระดาษ เลือดเนื้อหล่นตุ้บลงมา!
“นะ… นี่คือ?”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากจักรวรรดิเหล่านั้นยิ่งสั่นสะท้านจนดวงตาแข็งทื่อ
ก่อนหน้านี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวของราชันกระเรียนเงินก็ทำให้จ่างซุนเลี่ยที่มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านหกบาดเจ็บสาหัส
แต่ตอนนี้ดาบหักสายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า สังหารราชันกระเรียนเงินด้วยกระบวนเฉือนเดียว!
“เป็นคุณชายหลิน ใต้หล้าตอนนี้ก็มีแต่เขาที่มีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้”
ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต่างตื่นเต้นฮึกเหิม
เงาร่างยังไม่ทันมาถึง แต่กลับสังหารศัตรูกลางอากาศ ความสง่างามเช่นนี้ช่างล้ำเลิศเหนือกาลเวลา!
“เขามาแล้ว…”
จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้น เนตรกระจ่างเปล่งประกาย
ฟ้าดินมืดลงฉับพลัน
ที่ตามมาติดๆ นั้น เวิ้งฟ้าไกลลิบประหนึ่งมีดวงอาทิตย์สีเขียวเจิดจ้าดวงหนึ่งลอยสูงขึ้น แทบไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ แจ่มจรัสสะดุดตา ทำให้ภูผาธาราต้นหญ้าหินผาบริเวณนั้นล้วนดูเล็กจ้อย
“นั่นมัน…”
ทุกคนใจสั่นสะท้าน
ก็เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากกลางดวงอาทิตย์สีเขียวดวงนั้น
แขนเสื้อเขาพัดไปตามลม ผมดำปลิวไสว ดูโดดเด่นเกินปุถุชนคล้ายเซียนจุติลงมาองค์หนึ่ง แต่แสงมรรคและพลานุภาพที่สาดส่องออกมารอบกายกลับบังฟ้าเร้นสุริยัน
ชิ้ง!
ดาบหักบินกลับไปที่ฝ่ามือเขาอย่างฉับไวดุจแสงเคลื่อน
หลินสวินมาแล้ว!
ชั่วขณะนี้สายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างพากันรวมอยู่ที่ตัวเขา
ราชันอสูรมารแต่ละตนเอ่ยปาก แสดงท่าทีอย่างชัดเจน
ในระหว่างนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไปแต่ละคนหน้าเสียขึ้นมา บรรยากาศเงียบสงัด
พอเห็นราชันอสูรมารเหล่านี้ ไม่ว่าตนไหนก็มีท่วงท่าจองหองคับฟ้า พวกร้ายกาจที่เผด็จการเหนือดินแดนแถบหนึ่ง ใครจะไม่กลัวได้กัน
แม้มีเพียงสิบกว่าตน แต่พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างกลับกดข่มจนผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่แทบหายใจไม่ออก
ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือ ราชันอาภรณ์ดำซึ่งลึกลับที่สุดตนนั้นกับราชันพ่อมดสิบสามคนยังไม่โผล่หน้ามา!
“เผชิญหน้ากับราชันอสูรมารมากมายขนาดนี้ คุณชายหลินจะทำอย่างไร”
ทุกคนต่างทอดสายตาไปมองหลินสวินอย่างอดไม่ไหว
“หึ!”
และในตอนนี้เอง ที่เหนือห้วงอากาศหลินสวินที่ยืนเอามือไพล่หลังแค่นหัวเราะหยันขึ้นมา
ฉับพลันนั้นบนร่างเขาพลันแผ่อานุภาพราวมหาสมุทรไปทั่วเวิ้งฟ้า กระจายออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทะเลสาบวาโยอสนีที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้น ตกอยู่ในความเงียบสงัดแปลกประหลาดเหมือนหวั่นกลัว
ด้านราชันอสูรมารสิบกว่าตนนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายเหมือนถูกภูเขาใหญ่กดอัด จมลงจากห้วงอากาศไปหลายฉื่ออย่างเสียการควบคุม!
เหล่าราชันอสูรมารถูกอานุภาพของคนเพียงคนเดียวกดข่ม!
ปึง!
ราชันงูเทพทนไม่ไหวเป็นตนแรกเสียแล้ว พลานุภาพรอบกายปะทุออกมา ดุจดั่งคลื่นเตลิดเข้าไปต้านทานอานุภาพของหลินสวิน
ราชันอสูรมารตนอื่นก็ระเบิดพลังอย่างต่อเนื่องตามมาติดๆ ต่างมีพลานุภาพคับฟ้า
ตนมีฐานะเป็นราชันอสูรมาร จะทนถูกหลินสวินคนเดียวกำราบได้อย่างไร
ครืนโครม!
ฟ้าดินเปลี่ยนสี สุริยันจันทราอับแสง ราชันอสูรมารสิบกว่าตนร่วมกันสำแดงเดช ภาพเช่นนั้นช่างน่าครั่นคร้ามถึงที่สุด
เพียงเห็นว่าในบริเวณใกล้เคียงห้วงอากาศระเบิดป่นปี้ หินผ่าถล่มย่อยยับ ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆ นับไม่ถ้วนต่างต้องถอยหลังอย่างตกตะลึง ทั้งยังถอยออกไปเรื่อยๆ!
ต่อให้ห่างไปไกลลิบ ก็ยังคงรู้สึกหายใจลำบาก อึดอัดในทรวงอก ร่างกายแข็งทื่อดังเดิม
ชั่วขณะหนึ่งก็เห็นว่าพลังกดดันน่ากริ่งเกรงสายแล้วสายเล่าพุ่งขึ้นราวสัญญาณควันไฟกลางฟ้าดิน ค้ำจุนเวิ้งฟ้า ทำให้ลมเมฆถล่ม
เพียงทอดมองจากไกลๆ ก็สามารถทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสิ้นหวังได้!
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับเยือกเย็นไม่หวาดหวั่น แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ก้าวเดียว!
พลานุภาพทั้งร่างเขากลับเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง แสงมรรคไร้สิ้นสุดไหลวนอยู่รอบกายดั่งห้วงเหวลึกกำลังโคจร ไม่ว่าพลานุภาพของราชันอสูรมารเหล่านั้นจะแกร่งกล้าปานใด ก็ไม่อาจสั่นคลอนหลินสวินได้ดังเดิม ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีใครยอมใคร
ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิต่างอดหวั่นไหวไม่ได้ อานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าเหลือคณา!
ต่อให้เป็นราชันอสูรมารเหล่านั้นก็ยังเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เก็บงำความดูแคลนในใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดตั้งใจขึ้นไม่น้อย
พวกเขาต่างต้องยอมรับ ว่าคนที่พวกเขาเผชิญหน้าคราวนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวดคนหนึ่ง!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์