Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1405

สรุปบท ตอนที่ 1405 เงามายาเทพเถื่อน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1405 เงามายาเทพเถื่อน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1405 เงามายาเทพเถื่อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เขาวายุดำ ทะเลสาบวาโยอสนี

ชั่วพริบตานั้นที่หลินสวินปรากฏตัวนอกทะเลสาบวาโยอสนี ก็ถูกราชันผึ้งขาวสังเกตเห็นแล้ว แต่เขาไม่ได้กังวลอะไร

ตอนนี้ในทะเลสาบวาโยอสนีแห่งนี้มีราชันอสูรมารรวมตัวอยู่ ทั้งยังมีราชันพ่อมดสิบสามคนมาร่วมเป็นพันธมิตร ราชันผึ้งขาวจึงมองว่าหลินสวินมาคราวนี้รอดยากแน่

มิหนำซ้ำยังมีราชันอาภรณ์ดำควบคุมที่นี่ด้วย

แต่หลังจากได้เห็นสถานการณ์การต่อสู้ที่หลินสวินคนเดียวสังหารราชันอสูรมารไปสิบกว่าตน ราชันผึ้งขาวพลันนั่งไม่ติดแล้ว หน้าเปลี่ยนสีทันตา

เขารับรู้ได้ว่าตนยังประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปมาก!

ไม่เพียงแต่ราชันผึ้งขาว เหล่าราชันอสูรมารที่รวมตัวอยู่ใกล้เคียงในตอนนี้ แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ กระวนกระวายไม่สงบ

“ทำไมเขา… ถึงน่ากลัวขนาดนี้ได้นะ”

ราชันอสูรมารเหล่านั้นเอ่ยปาก ต่างตกตะลึงไม่หยุด

“ร้ายกาจ!”

ข้างกัน ราชันพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งชื่นชม

คนผู้นี้ร่างสูงโปร่ง บนผิวหนังประทับสักสัญลักษณ์แน่นขนัด นัยน์ตาทั้งสองเป็นแนวตั้ง ดูพิสดารหาใดเทียบ

คนผู้นี้ก็คือ ‘ราชันพ่อมดภูเขา’ สายคนเถื่อนพสุธา!

ราชันพ่อมดสิบสามคนร่วมกันเคลื่อนไหวคราวนี้ ก็มีราชันพ่อมดภูเขาเป็นผู้นำ

“สหายยุทธ์ เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

ราชันผึ้งขาวสีหน้านิ่งขึง

“ยอมรับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย”

ราชันพ่อมดภูเขาเอ่ยเรียบเฉย “ถ้าไม่ทำเช่นนี้ จะยังมีโอกาสให้พวกเราได้ลงมือได้อย่างไร”

ราชันผึ้งขาวหัวเราะหยัน “พูดเช่นนี้ สหายยุทธ์มั่นใจว่าจะกำราบเด็กนี่ได้แล้วหรือ”

ราชันอสูรมารตนอื่นก็ทอดสายตามองมา สีหน้าไม่เป็นมิตร

“ถ้าไม่แน่ใจพวกเราจะมาทำอะไรที่นี่ มาหาที่ตายหรือ”

ราชันพ่อมดภูเขาหัวเราะขึ้นมา เขาดูอวดดีและมั่นใจนัก มองไปไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “ทุกคนอยู่รอก็พอ ตอนเด็กนี่มาถึงให้พวกข้าลงมือก็จะสังหารไอ้เวรนี่ได้!”

ราชันผึ้งขาวหวังใจให้ราชันพ่อมดเหล่านี้ลงมือ พอได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลว่า “เช่นนั้นพวกเราก็จะเช็ดตาคอยดูแล้ว หวังว่าสหายยุทธ์จะทำให้พวกเราประหลาดใจได้สักครั้ง ทั้งให้พวกเราได้เห็นฝีมือของพ่อมดเถื่อนเสียหน่อย”

ราชันพ่อมดภูเขายิ้มแต่ไม่พูดอะไร

ข้างกายเขา ราชันพ่อมดอีกสิบสองคนต่างสงบเยือกเย็น

ตั้งแต่เริ่มจนจบ ภายในถ้ำสถิตปิดเงียบแห่งนั้นราชันอาภรณ์ดำไม่ได้พูดจาสักคำ คล้ายไม่รับรู้เรื่องราวในโลกภายนอกเลย

“มาแล้ว!”

ราชันผึ้งขาวหรี่ตาลง

เหล่าราชันอสูรมารกับราชันพ่อมดต่างพากันทอดสายตามองออกไปไกล

เหนือทะเลสาบ หลินสวินเดินเหยียบย่างบนอากาศอยู่ผู้เดียว แขนเสื้อโบกสะบัด กลิ่นอายราบเรียบปลอดโปร่งผิดจากปุถุชน

“ดูท่าพวกเจ้าคงเตรียมรับความตายกันแล้ว ใครจะมาสู้ก่อน หรือพวกเจ้าจะมาเสียด้วยกัน”

หลินสวินเงยหน้าขึ้น สายตาทอดมองไปยังเขาวายุดำที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า น้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับดังไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบพิภพ

“หึ!”

พวกอสูรมารเช่นราชันผึ้งขาวแต่ละคนสีหน้าอึมครึม แค้นจนเข่นเขี้ยว พวกเขาเคยถูกคนอื่นปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

“หลินสวิน ความตายจะมาเยือนเจ้าอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ”

ทันใดนั้นราชันพ่อมดภูเขาก็ส่งเสียงเฉยชา เงาร่างทะยานขึ้นฟ้า

สวบๆๆ!

ราชันพ่อมดอีกสิบสองคนก็ทะยานขึ้นฟ้าตามไปด้วย มองไกลๆ เหมือนกับเทพเถื่อนสิบสามองค์ กลิ่นอายดูน่าครั่นคร้ามผิดธรรมดา

‘สวะพ่อมดเถื่อนหรือ’

หลินสวินคล้ายครุ่นคิด “ดูท่าพวกเจ้าก็คงนั่งไม่ติดแล้ว กังวลว่าหลังจากข้าฆ่าเดรัจฉานชั่วพวกนี้ไปแล้วจะไปก่อความยุ่งยากให้พวกเจ้าพ่อมดเถื่อนเก้าสาย ดังนั้นพวกเจ้าเลยแจ้นมาหาที่ตายก่อนใช่ไหม”

“หึ ปากคอเราะราย ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้ จะส่งเจ้าไปตายเสียตอนนี้เลย!”

ราชันพ่อมดภูเขาส่งเสียงหยันครั้งหนึ่ง พอสะบัดแขนเสื้อ รูปปั้นสีเลือดพิลึกพิลั่นตัวหนึ่งก็ทะยานขึ้นฟ้า

ขณะเดียวกันเขากับราชันพ่อมดอีกสิบสองคนสวดคาถาคลุมเครือและน่าพิศวง เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณดึกดำบรรพ์

ภาพที่น่าตื่นตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว…

ร่างกายของราชันพ่อมดทั้งสิบสามคนแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งเทพสายแล้วสายเล่า แทนพลังมหามรรคของธาตุทองไม้น้ำไฟดิน เมฆลมอสนี พุ่งเข้าไปในรูปปั้นสีเลือดแปลกประหลาดตัวนั้นด้วยกัน

ตูม!

ชั่วพริบตารูปปั้นนั้นพลันมีรุ้งเทพทะลวงเมฆาลอยสูงขึ้นแทงทะลุเวิ้งฟ้า เผยให้เห็นดวงดาราดวงแล้วดวงเล่า

กลิ่นอายน่าตื่นตะลึงนัก!

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดลง

ก็เห็นว่ารูปปั้นนั้นราวกับตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นมหึมาหาใดเทียบในทันใด กลายเป็นเงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่ง

เขาหน้าเขียวมีเขี้ยวงอก เท้าเหยียบวาโยอสนีหยินหยาง หูห้อยห่วงอสูร ที่คอยังสวมสร้อยกระดูกเส้นหนึ่ง บนผิวหนังเปลือยประทับไปด้วยสัญลักษณ์แน่นขนัด

ในสัญลักษณ์นั้นมีปรากฏการณ์อย่างปัญจธาตุ หยินหยาง รวมถึงสุริยันจันทราดวงดารา ตัวเขาคนเดียวกลับเหมือนเทพองค์หนึ่ง มีอานุภาพรองรับฟ้าดิน ควบคุมสรรพสิ่ง!

“ดี!”

เหล่าอสูรมารอย่างราชันผึ้งขาวดวงตาเปล่งประกาย แม้แต่พวกเขายังคิดไม่ถึงว่าราชันพ่อมดเหล่านี้จะเตรียมตัวมา ฝีมือที่สำแดงออกมายิ่งแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์

ด้วยพลังปราณของพวกเขา ให้ไปเผชิญหน้ากับเงาร่างสูงตระหง่านน่าหวาดหวั่นร่างนั้นยังรู้สึกกดดันหาใดเทียบ แข็งทื่อไปทั้งตัว

‘แม้สู้อริยะไม่ได้ แต่เกรงว่าคงจะไม่พร่องไปกว่ากันเท่าไรแล้ว’ ราชันผึ้งขาวลอบเอ่ย

เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเงาร่างดุจดั่งเทพร่างนี้รวบรวมพลังราชันพ่อมดสิบสามคนเอาไว้ พิศวงและน่ากริ่งเกรงถึงที่สุด

โครม!

กลางฟ้าดินสภาพอากาศเปลี่ยนไป สรรพสัตว์ล้วนมืดหม่น ในชั่วลมหายใจเข้าออก เงาร่างดั่งเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์นั้นก็สะเทือนห้วงอากาศจนยุ่งเหยิงเหมือนพายุฝนซัดสาด

พร้อมกับที่เขาปรากฏตัวขึ้นกลางฟ้าดิน ฤทธิ์เดชน่ากริ่งเกรงไม่มีที่สิ้นสุดแผ่กระจายออกมา ม้วนตลบไปสิบทิศ

“นี่มัน…”

“กลิ่นอายน่าสะพรึงชะมัด!”

นอกทะเลสาบวาโยอสนี ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิล้วนหายใจติดขัด อกสั่นขวัญแขวนไปครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายกดข่มปะทะหน้า

“มีพวกร้ายกาจที่แท้จริงปรากฏตัวแล้ว”

แม้ถูกเงาร่างเทพเถื่อนรับการโจมตีไว้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พลานุภาพของเขากลับยิ่งสู้ยิ่งแกร่งกล้า เหล่าอสูรมารอย่างราชันผึ้งขาวพวกนั้นดูจนขวัญฝ่อไม่หยุด

แน่ใจได้ว่าหากเปลี่ยนเป็นตนเข้าไปสู้ จะต้องประสบเคราะห์ไปนานแล้ว!

ชั่วพริบตาทั้งสองก็ประมือกันแล้วหลายร้อยครั้ง

หลินสวินท่วงท่าดุจสายรุ้ง พลานุภาพเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลับมาดูที่เงาร่างเทพเถื่อนนั้น แม้ไม่ชัดแต่ยังมีเค้าถูกกดข่ม!

“ความสามารถเพียงเท่านี้ ยังกล้าร้องว่าจะรับข้าเป็นทาสหรือ”

หลินสวินยิ้มหยัน

เขายกมือขึ้น พลังแห่งมรรคดับดารากลืนกินซึ่งบรรจุนัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวง หลอมรวมไว้ในหมัดเดียวแล้วซัดออกไปอย่างรุนแรง

ปึง!

หมัดนี้ซัดให้เงาเทพเถื่อนนั้นโซเซ กระเด็นสูงขึ้นไปบนฟ้า พลังที่ปกคลุมผิวกายถูกตีแตก ส่งเสียงร้องเจ็บปวด

“นี่…”

เมื่อได้เห็นภาพนี้พวกราชันผึ้งขาวหนังหัวชาหนึบไปครู่หนึ่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปอีกครั้ง

พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า ยามหลินสวินสังหารราชันอสูรมารอย่างพวกราชันเถาวัลย์เพลิงสิบกว่าคน ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดสักนิด!

“เจ้ามันสมควรตาย!”

ไกลออกไปเงาร่างเทพเถื่อนเดือดดาล ห่วงกระดูกที่ห้อยไว้ที่หูโฉบพุ่งออกมาดังหึ่ง กลายเป็นทวนยาวกระดูกขาวเล่มหนึ่ง

ทวนยาวเล่มนี้มีรังสีบริสุทธิ์ไหลวนอยู่ พอเห็นได้รางๆ ว่ายังมีบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นด้วย เห็นชัดว่าเป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!

กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นกระจายออกมาจากเงาร่างเทพเถื่อน

เห็นได้ชัดว่าเขาอับอายจนกลายเป็นโกรธ เริ่มทุ่มสุดตัวแล้ว

แต่นี่ก็ยังไร้ประโยชน์เช่นเคย

สมบัติอริยะหรือ

ในมือหลินสวินก็มี มีไม่น้อยเสียด้วย!

ชิ้ง!

กระบี่เทพสีแดงชาดดุจโลหิตเล่มหนึ่งโฉบออกไป ตัวกระบี่กว้างสองนิ้วมือปรากฏธารโลหิตสายหนึ่งออกมาอย่างคลุมเครือ น้ำในสายธารมีซากศพเทพมารจมอยู่ ภาพสะท้านโลกา

กระบี่ยอดสังหาร!

กระบี่ดุร้ายหายากเล่มหนึ่งที่ในยุคบรรพกาลสามารถทำให้อริยะพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสี ได้กินเลือดอริยะมากมายจนอิ่มเอม!

สมัยอยู่ที่แดนมกุฎ หลินสวินชิงกระบี่นี้จากมือบุตรนรกแล้วเก็บไว้กับตัวมาโดยตลอด เอาออกมาใช้น้อยครั้งยิ่งนัก

ขณะนี้เมื่อเรียกกระบี่นี้ออกมา บนตัวหลินสวินพลันเปล่งพลังฆ่าฟ้าฆ่าดินฆ่าเทพผีออกมา ไม่มีสิ่งใดสังหารไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดไม่มลาย

ปึงๆๆ!

ชั่วพริบตาหลินสวินซึ่งควบคุมกระบี่ยอดสังหารกับเงาร่างเทพเถื่อนที่มือถือทวนยาวกระดูกขาวก็เข้าห้ำหั่นดุเดือด กลิ่นอายที่สมบัติอริยะทั้งสองชิ้นแผ่ออกมา ทำให้ทั้งทะเลสาบวาโยอสนีตกอยู่ในความโกลาหลยุ่งเหยิง

ภูผาธาราแปดพันลี้สั่นระรัวไปหมด ประหนึ่งยอมก้มหัวศิโรราบ

ส่วนเหล่าอสูรมารอย่างราชันผึ้งขาวต่างสั่นสะท้านจนหน้าซีดขาว จิตวิญญาณไหวหวั่น

พวกเขาไม่เคยเห็นการประชันอันตรายหายากเช่นนี้มาก่อน ต่อให้มองดูอยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์