สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1471 พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 1471 พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
สายตาของจักจั่นทองมองไปยังพวกจ้าวหยวนจี๋ จักรพรรดินี จ้าวไท่ไหล และเจ้าสำนักมฤคมรกต
หลินสวินก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าตอนนี้ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิที่ยังกระจายอยู่ในนรกหมื่นเคราะห์ ยังมีบุคคลทรงพลังสิบกว่าคนอย่างบรรพจารย์บัวโลหิต ผีเสื้อราตรีสีเลือด อูจิ่วฉง และจวี้เทียนสิง
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เคราะห์พิฆาตมรรคครั้งนั้นถูกสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิเหล่านี้ต่างกำลังรักษาบาดแผล
ไม่ได้สังเกตเลยว่านอกจากพวกเขา บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ต่างถูกดูดดึงและทำให้สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว
“ผู้อาวุโส ท่านจะพาพวกเขาไปไหนหรือ”
หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
“ทางเดินโบราณฟ้าดารา”
ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าว “จ้าวหยวนจี๋ผู้นั้นฝ่าเคราะห์พิฆาตมรรคได้แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็จะบรรลุระดับจักรพรรดิที่แท้จริง หากเขาทะลวงระดับที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ไม่แน่ว่าจะถูกทาบทามให้เข้าร่วม ‘พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ’
“พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณประกอบขึ้นโดยเหล่าคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิ ระดับจักรพรรดิแต่ละคนที่เข้าร่วม สามารถนำกึ่งจักรพรรดิติดตามไปได้สามถึงห้าคน”
“ในนามเป็นผู้ติดตาม แต่หากสามารถเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ติดตามบำเพ็ญข้างกายระดับจักรพรรดิได้ ภายหน้าโอกาสที่จะฝ่าด่านเคราะห์บรรลุเป็นจักรพรรดิก็จะง่ายขึ้นมาก”
พอฟังมาถึงตรงนี้หลินสวินก็สะท้านในใจ “พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณหรือ”
ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มน้อยๆ “รอภายหน้ายามเจ้าเหยียบย่างไปในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็จะได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ”
หลินสวินจึงเข้าใจว่าการกระทำนี้ของชายหนุ่มจักจั่นทองเรียกได้ว่าเป็นเรื่องดียิ่งเรื่องหนึ่งต่อทั้งจ้าวหยวนจี๋ หรือพวกจักรพรรดินีและจ้าวไท่
“แต่เจ้าพวกนั้น…” สายตาของหลินสวินมองไปที่พวกบรรพจารย์บัวโลหิต อูจิ่วฉงและจวี้เทียนสิง ในใจออกจะกังขา
“สำหรับเจ้าแล้วพวกเขาเป็นศัตรู แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายพวกเขาก็เป็นกึ่งจักรพรรดิอยู่ดี ทั้งภายหน้ายังมีความหวังที่จะบรรลุระดับจักรพรรดิมากนัก ข้าพาพวกเขาไปด้วยก็เป็นเพราะอยากให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง และเป็นการให้โอกาสดินแดนรกร้างโบราณครั้งหนึ่งด้วย”
ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย “อีกทั้งตอนนี้เมธีของพวกเขาแต่ละเผ่าอยู่ที่พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณไม่น้อย ข้าพาพวกเขาไปด้วยกัน เมธีของพวกเขาแต่ละคนย่อมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณข้า”
ถึงตรงนี้หลินสวินก็เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของชายหนุ่มจักจั่นทองโดยสมบูรณ์ การกระทำแต่ละอย่างของเขาต่างมีความหมายลึกซึ้งยิ่ง กำลังวางแผนเพื่ออนาคต!
“เช่นนั้นกึ่งจักรพรรดิที่ถูกผู้อาวุโสกำราบเหล่านี้…”
ไม่ทันรอให้หลินสวินเอ่ยถาม ชายหนุ่มจักจั่นทองก็ยิ้มพูดแล้วว่า “การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขามีฐานะเป็นกึ่งจักรพรรดิ ย่อมต้องลงแรงเพื่อดินแดนรกร้างโบราณ นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากไหว้วานเจ้า”
เขาพูดพลางส่งใบหิมะน้ำแข็งใบนั้นให้หลินสวิน เอ่ยกำชับว่า “รอเจ้าไปที่สมรภูมิเก้าดินแดน หากมีโอกาสก็นำสิ่งนี้ไป ‘สนามรบแนวหน้า’ ที่ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิประจำการ ถึงตอนนั้นกึ่งจักรพรรดิที่ถูกผนึกไว้เหล่านี้จะหลุดพ้นโดยสมบูรณ์ เลือกได้เพียงเส้นทางชดใช้บาป รับใช้ดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้น”
หลินสวินเกิดความเคารพขึ้นในใจ มือทั้งสองรับใบหิมะน้ำแข็งอัศจรรย์ใบนี้มา
แผนการแต่ละอย่างของชายหนุ่มจักจั่นทองต่างมีดินแดนรกร้างโบราณเป็นจุดเริ่มต้นทั้งนั้น ปณิธานและจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดหย่อน
นี่ทำให้หลินสวินนึกถึงเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน อริยพุทธซิงเจีย จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง พวกเขาต่างมีปณิธานเดียวกัน ใช้พลังของตนเองช่วยเหลือใต้หล้า เพื่อให้ดินแดนรกร้างโบราณผาสุก!
ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยว่า “จะถึงเวลาแล้ว ไปบอกลาพวกเขาเถอะ”
หลินสวินจิตใจสั่นไหว เก็บความรู้สึกไว้ในใจ ทอดสายตามองไปยังพวกจ้าวหยวนจี๋และจ้าวไท่ไหลในชามหมื่นเคราะห์แปรนภา
ที่เหนือความคาดหมาย พวกจ้าวหยวนจี๋คล้ายได้รับการชี้แนะจากชายหนุ่มจักจั่นทองมาก่อนแล้ว ต่างเหมือนรู้สึกขึ้นได้ในตอนนี้ ส่งเสียงออกมา
“ข้าทะลวงเคราะห์พิฆาตมรรคในวันนี้ได้ก็หนีไม่พ้นการชี้แนะของลู่ป๋อหยาในตอนนั้น หลินสวิน ข้าติดค้างไมตรีของลู่ป๋อหยา ภายหน้าจะค่อยๆ ทดแทนให้ หลินสวิน เจ้าก็ต้องหมั่นฝึกปราณ รีบเหยียบย่างบนทางเดินโบราณฟ้าดาราให้ได้ในเร็ววัน”
จ้าวหยวนจี๋สีหน้าเจือความอ่อนโยน คล้ายทอดถอนใจ “คำพูดที่เหลือข้าก็ไม่พูดแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่คำอยากมอบให้ มหามรรคมีแต่ความยากลำบาก จงก้าวไปข้างหน้า เจ้าหนู รักษาตัวด้วย!”
หลินสวินรู้สึกอบอุ่นใจ
หลายปีมานี้ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ที่เข้าสู่นครต้องห้ามเป็นครั้งแรกจวบจนปัจจุบัน แม้เขาได้พบหน้ากับบุรุษผู้กุมอำนาจสูงสุดในจักรวรรดิผู้นี้น้อยครั้งนัก
แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายติดตามดูตนอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด
ตอนนั้นเป็นเพราะการฝากฝังของจ้าวหยวนจี๋ ราชันกระหายเลือดจ้าวไทไหลจึงช่วยเหลือเขากับตระกูลหลินที่อยู่เบื้องหลังเขาหลายครั้ง!
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่สอนสั่ง”
หลินสวินตอบกลับอย่างจริงจัง
“สำนักศึกษามฤคมรกตก็มีเลือดดวงใจของลู่ป๋อหยาส่วนหนึ่ง หลินสวิน หากเจ้าอยากเสาะหาความจริง ต้องเตรียมตัวให้เต็มที่”
เจ้าสำนักศึกษามฤคมรกตก็เอ่ยปากอย่างอ่อนโยน
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนู หวังว่าภายหน้าตอนพบกันอีกครั้ง พวกเราจะออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กัน สู้จนสาแก่ใจได้!”
จ้าวไท่ไหลหัวเราะร่า
“เรื่องของจักรวรรดิในภายภาคหน้า มอบให้ราชครูที่หอคอยดูดาวหลวงผู้นั้นมาดูแลก็พอแล้ว”
จักรพรรดินีพูดถึงตรงนี้ ฉับพลันสีหน้าแปลกไป “แล้วก็ต้องดูแลจิ่งเซวียนให้ดี ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ารังแกนาง ข้าคงไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้”
หลินสวินร้องเอ่อ ออกจะตั้งตัวไม่ทัน นี่จะฝากฝังจิ่งเซวียนไว้กับตนหรือ
“นี่เป็นคำตอบของเจ้าหรือ”
จักรพรรดินีออกจะไม่พอใจ
“ผู้อาวุโสวางใจ ข้าจะอุทิศทั้งชีวิตจิตใจดูแลจิ่งเซวียน ไม่ทำให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมขอรับ”
หลินสวินสูดหายใจเฮือกหนึ่ง กล่าวจริงจัง
“ยังเรียกว่าผู้อาวุโสหรือ”
จักรพรรดินีหัวเราะหยัน
หลินสวินอักอ่วน ในใจอึดอัดอยู่บ้าง แต่ยังพูดว่า “ท่านป้าวางใจได้ขอรับ”
จักรพรรดินีจึงพยักหน้าเหมือนพอใจ ทันใดนั้นหว่างคิ้วนางก็ปรากฏความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีก เอ่ยว่า “ที่จริงข้าอยากจัดการเรื่องแต่งงานให้พวกเจ้าทั้งสองค่อยจากไป…”
หลินสวินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว
ก็ในตอนนี้เองจ้าวหยวนจี๋เอ่ยปากว่า “พอแล้ว เรื่องของคนหนุ่มสาว ให้พวกคนหนุ่มสาวจัดการกันเองเถอะ ข้ากับเจ้าไม่ต้องไปยุ่มย่ามแล้ว”
ชายหนุ่มจักจั่นทองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “งั้นก็ระวังจะถูกมหาจักรพรรดิอีกามารมองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินใจสั่น รับรู้ได้ว่าบรรพบุรุษเผ่าอีกาทองผู้นี้ต้องเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวถึงที่สุดคนหนึ่ง
“ต้องไปแล้ว”
ชายหนุ่มจักจั่นทองเหมือนสังเกตอะไรบางอย่าง พลันเงยหน้าขึ้น
“สหายน้อย เจ้าก็ควรจากไปแล้ว รักษาตัวให้ดี”
จากนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองก็หันตัว เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาแล้วสะบัดแขนเสื้อ
สวบ!
ชั่วพริบตาดวงดาราหมุนเคลื่อนเบื้องหน้าหลินสวิน พอภาพในครรลองสายตากลับมาแจ่มชัดโดยสมบูรณ์ ตัวเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายมานอกตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์แล้ว
“ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา สหายน้อย รีบไปเถอะ”
เสียงกังวานของชายหนุ่มจักจั่นทองลอยออกมาจากประตูใหญ่ของตำหนักจักรพรรดิ
จากนั้นทั้งตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ก็สั่นโคลงอย่างรุนแรงขึ้นฉับพลัน ก็เห็นว่ารอยแยกรอยแล้วรอยเล่าปรากฏขึ้นบนเวิ้งฟ้า แผ่กลิ่นอายต้องห้ามน่ากลัวออกมา ส่งผลให้สิบทิศเปลี่ยนสี
นี่คือเคราะห์กักขัง!
เปลี่ยนดินแดนรกร้างโบราณเป็นกรงขังแห่งหนึ่ง ขัดขวางไม่ให้ผู้ฝึกปราณออกไปเสาะแสวงหามรรคในโลกภายนอกมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน!
ฉึบ!
ฉับพลันก็เห็นว่าบริเวณยอดตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ ชุดผ้าป่านของชายหนุ่มจักจั่นทองโบกปลิว เท้าเปลือยเปล่าเหยียบอากาศ ถือชามหมื่นเคราะห์แปรนภาไว้ในมือ มองห้วงอากาศเหมือนบันได ก้าวเดินขึ้นไปยังรอยแยกที่ปรากฏขึ้นเหนือเวิ้งฟ้านั้น
เขาสีหน้าสงบนิ่ง สุขุมเยือกเย็น อานุภาพกดข่มแห่งระดับจักรพรรดิอันน่าหวาดหวั่นไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมาทั่วกาย พุ่งทะลุเมฆา
พลังด่านเคราะห์ต้องห้ามเหล่านั้นยังไม่มาเยือนก็ถูกทำลาย บดขยี้ ป่นเป็นผง ขจัดไปในรอยแยกแห่งนั้น
หลินสวินตาเบิกกว้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด
ระดับจักรพรรดิ!
เขาเป็นมหาจักรพรรดิคนหนึ่งดังคาด!
ครืน…
ยามหลินสวินได้สติจากความตกตะลึง ก็เห็นว่าบนเวิ้งฟ้านั้นเงาร่างของชายหนุ่มจักจั่นทองแปรเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่หาใดเทียบ คับแน่นไปทั้งเวิ้งฟ้า
จากนั้นก็โผนทะยานจากไปราวมังกรซึ่งถูกกักขังทะยานฟ้า!
ภาพนี้ดุจดั่งนิรันดร์กาล ประทับอยู่ในก้นบึ้งจิตใจหลินสวิน มหาจักรพรรดิคนหนึ่งออกเดินทาง ทำให้พิบัติเคราะห์เต็มฟ้าไม่อาจกล้ำกราย!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์