ต้องจากไปแล้ว…
ใต้ท้องฟ้ายามราตรี หลินสวินเอนตัวบนยอดต้นสนโบราณกร้านโลกบนหน้าผายอดเขาต้นหนึ่งเพียงลำพัง ศีรษะหนุนแขนทั้งสอง ท่าทางเกียจคร้าน ลมภูเขาพัดมาตีสาบเสื้อกับผมยาวสีดำขึ้นไป
ไกลออกไปทะเลเมฆกำลังแปรปรวนพลุ่งพล่านใต้แสงดาวรัตติกาล บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด
สองขุมอำนาจใหญ่อย่างทัพพ่อมดเถื่อนกับพันธมิตรหมื่นเผ่าล่มสลายไม่ฟื้นคืนไปนานแล้ว
จุดเปลี่ยนใหญ่ที่อยู่ในป่าต้นหม่อนก็ปิดฉากลงแล้ว พวกจ้าวหยวนจี๋ต่างได้ในสิ่งที่ปรารถนา จากไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมกับชายหนุ่มจักจั่นทอง
แม้แต่สองอริยะหนิวเจิ้นอวี่และพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยังถูกปลิดชีพ
และสำหรับหลินสวินแล้ว มรรคาทั้งสามสายอย่างหลอมกาย หลอมปราณและหลอมจิตต่างทะลวงถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ทั้งทำลายเคราะห์มรรคตัดขาดไปได้อย่างราบรื่น ขจัดอุปสรรคทั้งหมดก่อนบรรลุอริยะได้โดยสมบูรณ์
พอตรองดู การเดินทางมาสมรภูมิกระหายเลือดคราวนี้ก็ได้เวลาจากไปแล้วจริงๆ
ทว่าในใจหลินสวินกลับกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
เขาหยิบเอาน้ำเต้าสุราออกมา นอนจิบเบาๆ อึกหนึ่งบนยอดต้นไม้ที่หน้าผา
หลินสวินออกจะพะวงกับญาติมิตรตระกูลหลินภูเขาชำระจิตเหล่านั้น
จากไปคราวนี้ก็ต้องไปดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง เข้าร่วมการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ภายหน้ายังไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับไปอีกครั้ง
‘ยังดีที่ก่อนมาสมรภูมิกระหายเลือดคราวนี้ เรื่องที่ควรฝากฝังก็จัดการไว้แล้ว ภายหน้าขอเพียงข้าหลินสวินไม่ตาย ตระกูลหลินก็ไม่มีทางสูญสิ้นล่มสลาย…’
ครู่ใหญ่หลินสวินเอ่ยพึมพำในใจ
ในส่วนลึกของดวงตาเขามีแววสงบนิ่งหนักแน่นไหวเคลื่อน
นี่ก็คือหนทางแห่งการแสวงมรรค
ยิ่งเดินสูงขึ้นไปก็ยิ่งห่างออกมาจากสิ่งเหนี่ยวรั้งในอดีตบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ในค่ายภูเขาเมฆาครามแสงโคมสว่างไปทั่ว เสียงอึกทึกจอแจเซ็งแซ่ไปในอากาศ ผู้คนมากมายรวมตัวกันดื่มสุราสนทนาพาที
“คราวนี้หากไม่มีคุณชายหลินต้านทานคลื่นคลั่ง ทัพจักรวรรดิของเราจะมีโอกาสกวาดล้างขุมอำนาจ เหยียบย่ำอีกสองทัพให้มลายหายไปได้อย่างไร”
“สาแก่ใจจริงเชียว รอกลับไปจักรวรรดิคราวนี้ ข้าจะต้องเอาเรื่องใหญ่ที่คุณชายหลินทำป่าวประกาศออกไปให้ทุกคนในใต้หล้าจารึกนามอันยิ่งใหญ่ของคุณชายหลินไว้!”
“ใช่ คุณชายหลินเป็นถึงผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของพวกเราจริงๆ ภายหน้าในจักรวรรดิ ใครกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหลินบนภูเขาชำระจิต คนผู้นั้นก็ต้องเห็นดีกับพวกเราแล้ว!”
……
พอได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ มุมปากของหลินสวินก็ยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นก็แหงนหน้าดื่มสุราในน้ำเต้าจนหมด ลุกขึ้นจากยอดต้นไม้แล้วลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อไม่ใช่การจากเป็นจากตาย ย่อมไม่ถือเป็นการจากลาอย่างแท้จริง
จากไปครั้งนี้ วันหน้าย่อมมีช่วงเวลาที่ได้พบกัน!
หลินสวินเอามือไพล่หลัง หันตัวเข้าไปในเรือนของตน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท่ามกลางสายตามองส่งของเหล่าผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิอย่างจ้าวซิงเย่ สืออวี่ หนิงเหมิง หลี่ตู๋สิง เย่เสี่ยวชี
อาหูขับเคลื่อนเรือบัวสีเขียวลำหนึ่ง พาหลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน และเจ้าคางคกทะลวงห้วงอากาศจากไป
“รักษาตัวด้วย!”
ในดวงตาของพวกสืออวี่มีแววเจ็บปวดและกังวลใจไหวเคลื่อนอย่างอดไม่ได้
จากกันคราวนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับมารวมตัวกันอีก
“รักษาตัวด้วย!”
สีหน้าจ้าวซิงเย่เจือแววตั้งตาคอย
นางเชื่อมั่นว่าด้วยรากฐานพลังและความสามารถของหลินสวิน ความสำเร็จในภายหน้าย่อมไม่มีที่สิ้นสุด
“รักษาตัวด้วย!”
ผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิในค่ายเหล่านั้นต่างมีอารมณ์ความรู้สึกมากมาย ใจหายยิ่งนัก
ได้ทำความรู้จักกับหลินสวิน ย่อมเป็นจุดสำคัญราวแต้มสีเน้นหนักในชีวิตการฝึกปราณของพวกเขา ไม่อาจลืมเลือนได้ดุจรอยประทับ
‘รักษาตัวด้วย!’
หลินสวินก็กำลังเอ่ยอยู่ในใจ
การไปดินแดนรกร้างโบราณคราวนี้ เขาขยับเพราะการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน เคลื่อนไหวเพื่อบรรลุมกุฎอริยะ!
……
ณ แดนชัยบูรพาในดินแดนรกร้างโบราณ
กลางภูเขาลูกใหญ่อันโอฬารลูกหนึ่ง
วิ้ง!
พร้อมๆ กับคลื่นห้วงอากาศอันพิสดารระลอกหนึ่ง ห้วงอากาศแถบนั้นพลันระเบิดออกราวกับผืนผ้าถูกฉีกขาด
จากนั้นเรือบัวสีเขียวลำหนึ่งก็ทะลุความว่างเปล่าออกมา
“ข้ากลับมาอีกแล้ว!”
สายตาเจ้าคางคกทอดมองไปไกลรอบทิศ รู้สึกถึงกลิ่นอายกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่ต่างจากโลกชั้นล่างโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็สีหน้ายินดีปรีดา หัวเราะร่าขึ้นมา
หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนยิ้มสบตากัน กลับมาแล้วจริงๆ
พอคิดดู เข้าไปยังโลกชั้นล่างคราวนี้ เดิมพวกเขาคิดจะใช้เวลาสิบปีตั้งใจฝึกปราณที่โลกชั้นล่าง แต่แผนการก็ไล่ตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปีเท่านั้น พวกเขาก็เหยียบย่างเขามาในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง
“ทุกคน ข้าทำได้เพียงส่งพวกเจ้าถึงตรงนี้”
อาหูเอ่ยปากในทันใด นางสวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนทั้งตัว คิ้วงามโค้งมน ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ดวงตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวากลมโตน่าเอ็นดู ในท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อันผุดผ่องมีเสน่ห์ดึงดูดจิตวิญญาณ
“เจ้ายังจะกลับไปโลกชั้นล่างหรือ”
หลินสวินประหลาดใจนัก
“ใช่ รอการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเปิดฉาก ข้าจะกลับมาพบกับพวกเจ้าอีก”
อาหูยิ้มละไมพยักหน้า
นางส่งป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน “ทุกคน ลาล่ะ”
พูดจบนางก็ขับเรือบัวสีเขียวลำนั้นทะลุอากาศออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์