Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1478

สรุปบท ตอนที่ 1478 ลั่งเชียนเหิง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1478 ลั่งเชียนเหิง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1478 ลั่งเชียนเหิง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หนึ่งในทูตดินแดนโบราณมารโลหิต มีบุคคลแห่งยุคนามว่าลั่งเชียนเหิง หมายจะท้าสู้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันมรรคาอมตะในดินแดนรกร้างโบราณทุกคน!

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกมา ดินแดนรกร้างโบราณก็สะเทือนโดยสมบูรณ์ ใต้หล้าต่างฮือฮาเพราะเรื่องนี้

“ไอ้คนบ้าระห่ำรนหาที่ตายคนหนึ่ง!”

นี่เป็นการตอบสนองแรกของหลายคน

ตัวคนเดียวกลับกล้าคุยโวว่าต้องการท้าสู้บุคคลขอบเขตมกุฎในปัจจุบันทั้งหมด วางมาดใหญ่โตเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเขาดินแดนรกร้างโบราณอยู่ในสายตา

“ในเมื่อข่าวนี้กระจายออกมาจากหอฤทธิ์เทพย่อมไม่ใช่เรื่องเท็จ และในเมื่อลั่งชิงเหิงผู้นี้กล้าโหวกเหวกใหญ่โตเช่นนี้ ต้องเชื่อถือได้แน่นอน”

“ข้ากังวลนัก ถ้าในการท้าสู้ บุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราแสดงความสามารถได้อ่อนแอนัก แพ้ด้วยน้ำมือของคนผู้นี้ เช่นนั้นไม่เพียงขายหน้าง่ายๆ แค่นั้น ยังเป็นไปได้สูงว่าจะกระทบขวัญกำลังใจของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณด้วย”

และมีหลายคนกังวลใจนัก

ด้วยฐานะทูตจากดินแดนโบราณมารโลหิต ลั่งเชียนเหิงผู้นี้จะเป็นคนธรรมดาจองหองไม่รู้เรื่องรู้ราวได้อย่างไร

ในเมื่อเขากล้าคุยโวเช่นนี้ ย่อมมีความแข็งแกร่งที่ทำให้มาดมั่นอย่างยิ่ง!

พอหลินสวินได้รู้ข่าวนี้เข้าก็ชะงักไป ในใจลอบเอ่ยว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนยังไม่ทันเริ่ม ทูตดินแดนโบราณมารโลหิตผู้นี้ก็แจ้นมาอวดศักดา ไม่ว่าจะมาด้วยจุดประสงค์อะไร พูดกันถึงต้นสายปลายเหตุแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะดูถูกบุคคลขอบเขตมกุฎในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น

ที่ทำให้หลินสวินสนใจก็คือ ลั่งเชียนเหิงผู้นี้เป็นคนอย่างไรกันแน่ และมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งปานไหนถึงกล้าท้าทายเช่นนี้

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น หลินสวินคงคร้านจะใส่ใจแม้สักนิด

แต่ลั่งเชียนเหิงผู้นี้ต่างออกไป เขามาจากดินแดนโบราณมารโลหิต ถือเป็นผู้แข็งแกร่งจากหนึ่งใน ‘แปดดินแดน’ สิ่งนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของหลินสวิน

เมื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้นในภายหน้าจะต้องเข่นฆ่ากับศัตรูเช่นนี้แน่ หากรู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเขาล่วงหน้าเสียหน่อยย่อมไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

‘ช่างเถอะ รออีกสักพักไปก่อน ดูหน่อยว่าเจ้าหมอนี่เก่งกล้าสามารถแค่ไหนก็ได้’

หลินสวินส่ายหัว แล้วไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้อีก

เขาเดินบนถนนลำพัง ท่องไปในใต้หล้าต่อ รู้สึกสบายใจผ่อนคลายและปลอดโปร่งนัก เปรียบดั่งนักพเนจรผู้หนึ่งกำลังสัมผัสความงดงามของสรรพสิ่งในใต้หล้า ความวิเศษของโลกปุถุชนหมื่นจั้ง

ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ มรรคาทุกอย่างในตัวเขาทะลวงถึงขั้นสูงสุดของมรรคาอมตะแล้ว ที่วางอยู่ตรงหน้าเขามีเพียงด่านเดียว…

บรรลุอริยะ!

เพียงไม่กี่คำกลับเหมือนกำแพงสวรรค์ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันไม่รู้ขัดขวางวิถีผู้ฝึกปราณให้หยุดก้าวเดินลงตรงนี้มากมายเท่าไร

และเส้นทางอริยมรรคที่หลินสวินเสาะหายังไม่เหมือนกับผู้อื่น เขาฝึกฝนมกุฎมรรคาทั้งสามสายไปพร้อมกัน ระดับมกุฎอริยะที่ต้องบรรลุก็ย่อมไม่เหมือนกับคนอื่น!

ทางเส้นนี้เดินได้ยากนัก ไม่ถึงกับเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่กลับเรียกได้ว่าต่างจากวิถีโลก ต่างจากปวงชน มีสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้มากมายยิ่งนัก

และสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้มักหมายถึงความน่าสะพรึงกลัวและภยันตรายใหญ่ยิ่ง!

แต่จิตใจของหลินสวินไม่ได้รับผลกระทบนี้ ประสบการณ์ฝึกปราณในอดีตขัดเกลาให้เจตจำนงและสภาวะจิตของเขาแกร่งกล้าดังศิลายักษ์ จิตมรรคราวกระบี่ สามารถเฉือนสุริยันจันทราเทพผี ย่อมไม่กลัวความยากลำบากและอันตรายเบื้องหน้า

วันนี้ หลินสวินเหมือนนักพเนจรธรรมดาคนหนึ่ง เดินเข้าไปในโรงน้ำชาที่คึกคักจอแจ เต็มไปด้วยกลิ่นอายเมือง สั่งชาร้อนหนึ่งกาแล้วเอาแต่สนใจลิ้มรสชา

ปุถุชนเป็นภาพแทนของสภาวะต่างๆ ของเหล่าสิ่งชีวิต มีกลิ่นอายโลกีย์หมื่นจั้งไหลเวียน มีเพียงเข้าสู่ทางโลกเท่านั้น จึงเข้าใจความหมายของ ‘สรรพชีวิต’

หลินสวินพลิกมือเอาหีบสำริดขนาดเท่าฝ่ามือออกมา สิ่งนี้ประหนึ่งกระบี่บินสำริดที่หนาหนักเล่มหนึ่ง แผ่กลิ่นอายเจนโลกและลึกลับ

สิ่งนี้ก็คือ ‘อริยะนำพา’ ที่หลินสวินได้มาจากแดนมกุฎ เป็นสิ่งที่จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนมอบให้ สิ่งที่ผนึกไว้ข้างในคือประสบการณ์และความเข้าใจของมกุฎบรรลุอริยะ!

ก่อนหน้านี้ไม่นานหลินสวินก็เริ่มศึกษาสิ่งนี้ ได้รู้ว่าอริยะนำพาที่ผนึกอยู่ในหีบสำริดนี้ ก็คือใจความความเข้าใจอันสมบูรณ์ยามบรรลุระดับด้วยขอบเขตมกุฎ ของคนใหญ่คนโตที่บรรลุจักรพรรดิตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์อย่างจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนกับจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง

แม้เป็นใจความและการหยั่งรู้ส่วนหนึ่ง แต่ความทรงค่านั้นเรียกได้ว่าเหลือประมาณ!

ถึงอย่างไรจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนก็ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘จักรพรรดิอันดับหนึ่งในยุคดึกดำบรรพ์’ เป็นบุคคลผู้สูงส่งหาใดเทียบที่นำทิศทางการเปลี่ยนแปลงในใต้หล้า

ด้านจักรพรรดิสงครามอู๋ยางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

ใจความบรรลุอริยะที่บุคคลระดับจักรพรรดิทั้งสองหลงเหลือไว้ชิ้นหนึ่ง หากถูกสำนักเก่าแก่ในดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นรู้เข้า ต้องคลั่งจนชิงไปจากมือหลินสวินอย่างไม่สนใจราคาที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น!

ในช่วงหลายวันมานี้ พอหลินสวินมีเวลาว่างก็จะหยั่งรู้และครุ่นคิดถึงใจความแก่นอัศจรรย์ในอริยะนำพา ตักตวงผลประโยชน์ได้อย่างยิ่งยวด

และยังทำให้เขายิ่งชัดเจนและแน่วแน่ในเส้นทางมกุฎบรรลุอริยะที่ตนต้องการเสาะแสวงขึ้นไปอีก

ยุคดึกดำบรรพ์มกุฎมรรคายังมีอยู่ อย่างจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนก็ผงาดขึ้นด้วยมรรคกระบี่ ใช้มรรคกระบี่และกลายเป็นมกุฎอริยะกระบี่

มรรคกระบี่ของเขา ก็อยู่ในคำว่า ‘ไท่เสวียน’

ส่วนจักรพรรดิสงครามอู๋ยางแผ้วทางอีกสายหนึ่ง ใช้พลังแจ้งมรรค ใช้การสังหารบรรลุมกุฎอริยะ มรรคอริยะของนางอยู่ที่ ‘สกัดง้าวด้วยการสังหาร’

สกัดง้าว หมายถึงหยุดการต่อสู้และระงับสงคราม มีนัยถึงไร้พินาศ (อู๋ยาง)

ได้เรียนรู้การหยั่งรู้และใจความบรรลุอริยะของพวกเขาทั้งสอง ทำให้หลินสวินรู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงอันดัง ได้เรียนรู้แก่นสารชั้นเลิศอยู่เนืองๆ

เช่นตอนนี้ หลินสวินเพิ่งรู้ว่าอริยะแท้ทั่วไป แม้มีพลังจัดวางมรรคในใต้หล้า เบิกสำนักตั้งพรรค แต่กลับไม่มีรากฐานพลังที่สามารถส่งเสริมค้ำจุนให้พวกเขาทำได้ถึงขั้นนี้!

ที่สำคัญที่สุดก็คืออริยะแท้ทั่วไป ชั่วชีวิตแทบไม่อาจสัมผัสธรณีประตูของระดับจักรพรรดิได้!

มีเพียงขอบเขตมกุฎบรรลุอริยะ ถึงครอบครองรากฐานพลังเหล่านี้

กระทั่งสัตว์ประหลาดเฒ่าบางคนยังเริ่มทุกข์ใจ เพราะการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนกำลังจะมาถึง เพียงแค่ลั่งเชียนเหิงคนเดียวยังแข็งแกร่งปานนี้ เช่นนั้นหากบุคคลแห่งยุคจากแปดดินแดนอื่นต่างปรากฏตัวด้วยกัน ผู้แข็งแกร่งในดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้จะไปเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร

“แย่แล้ว ขนาดเยี่ยนจั่นชิวที่มีศักยภาพระดับอมตะเคราะด่านเก้าในขอบเขตมกุฎจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยังแพ้เลย!”

ตอนข่าวนี้แพร่ออกมา หลินสวินเพิ่งมาถึงเมืองพันกระแสในเขตแคว้นจันทราม่วงของแดนชัยบูรพา

ทันทีที่เข้าไปในเมืองก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายตามทาง

คราวนี้ในที่สุดหลินสวินก็เริ่มมีความสนใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว

เขารู้รากฐานพลังกับพรสวรรค์ของเยี่ยนจั่นชิวดี แม้กล่าวว่าไม่อาจเทียบได้กับบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ หยวนฝ่าเทียนหรือบุตรนรก แต่ก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นเลิศในขอบเขตมกุฎแล้ว

แต่เยี่ยนจั่นชิวกลับแพ้เช่นกัน หนำซ้ำยังแพ้ภายในสิบกระบวนท่า จากจุดนี้ก็อนุมานได้ว่าลั่งเชียนเหิงที่มาจากดินแดนโบราณมารโลหิตคนนี้ ก็คงเป็นบุคคลระดับยักษ์ใหญ่อหังการผู้หนึ่งในแง่การสำเร็จมกุฎมรรคา

ทว่า ก็เป็นเพียงความสนใจน้อยนิดเท่านั้น ความสามารถของลั่งเชียนเหิงยังไม่เพียงพอจะทำให้เขาหลินสวินกระหายจะไปทำความเข้าใจ

บนถนนพลุกพล่าน หลินสวินกำลังเดินเล่น เขาเคยมาเมืองพันกระแส งานชุมนุมพันกระแสตอนนั้นก็จัดขึ้นบนเขาพันกระแสในเมืองนี้

งานชุมนุมครั้งนั้นจัดขึ้นโดยหมีเหิงเจิน เชิญเหล่าผู้กล้ารุ่นเยาว์มาแลกเปลี่ยนถกมรรคร่วมกัน

เวลาผ่านไปหลายปี มาถึงเมืองนี้อีกครั้งหนึ่งก็ถือว่ากลับมาเที่ยวซ้ำที่เก่าแล้ว

“เอ๊ะ ที่นี่คึกคักจัง”

ตอนผ่านเขาพันกระแส หลินสวินก็เห็นว่าที่หน้าตีนเขามีเกี้ยวสมบัติงามหรูกับสัตว์พาหนะแข็งแรงเหนือธรรมดามากมายจอดอยู่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าของต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

บนเขามองเห็นว่ามีเงาร่างมากมายกำลังรวมตัวอยู่ตรงนั้น

พอเห็นหลินสวินหยุดยืนที่นี่ จู่ๆ หญิงสาวใบหน้างดงามที่อยู่หน้าเขาพันกระแสผู้หนึ่งก็เดินมาเอ่ยถามว่า

“คุณชาย ท่านก็มาร่วมงานชุมนุมพันกระแสหรือเจ้าคะ”

“งานชุมนุมพันกระแสหรือ”

หลินสวินอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายปี ดันมีงานชุมนุมนี้จัดขึ้นที่เขาพันกระแสอีกครั้ง

หญิงสาวใบหน้างดงามเอ่ยว่า “คุณชาย งานชุมนุมคราวนี้มีผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎอี้เทียนหลินจาก ‘ลัทธิเทพต้นกำเนิด’ เป็นหัวเรือใหญ่จัดงาน สิ่งที่จะหารือกันเป็นเรื่องของลั่งเชียนเหิง ท่านไม่เคยได้ยินหรือ”

หลินสวินไม่เคยได้ยินจริงๆ ในดินแดนรกร้างโบราณตอนนี้ งานชุมนุมทำนองนี้พบเห็นได้ทั่วไปหมด เขาจะใส่ใจได้อย่างไร

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์