ไม่นานยานสำเภาก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ รวดเร็วถึงที่สุด
หลินสวินนั่งอยู่ตรงนั้น หลับตาบำรุงจิต หวนนึกถึงประสบการณ์สลักรูปปั้นหินเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
‘ไม่บกพร่องอะไรแล้ว ขาดแค่จุดเปลี่ยนอย่างเดียว!’
เวลานี้หลินสวินมีความเข้าใจต่อการบรรลุมกุฎอริยะอย่างชัดเจนหาใดเปรียบ
มรรคาของเขาต่างจากคนอื่น ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่พึ่งพาตนเองไปเสาะหาทีละก้าว บุคคลอย่างท่านเซิ่นก็ยังไม่อาจให้การชี้แนะ
‘ด้วยสภาวะจิตและพลังปราณของข้าตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงระดับอริยะลงไป ต่อให้เป็นระดับอริยะขึ้นไปก็มีพลังพอที่จะต่อสู้แล้ว’
หลินสวินชี้ชัดได้อย่างหนึ่ง
การตัดสินนี้เกิดจากความเข้าใจที่แม่นยำต่อพลังของตัวเขา และความเชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดที่อภินิหารพรสวรรค์ของตนนำมาให้
สาเหตุที่ครั้งนี้รับคำท้าไปตามนัด ความจริงหลินสวินไม่ได้มุ่งหวังปรารถนาอย่างเด่นชัดเท่าไรนัก แค่ไม่ชอบความเย่อหยิ่งกำเริบเสิบสานของศัตรูต่างดินแดนพวกนั้นก็เท่านั้น
ในหอยานสำเภา ผู้ฝึกปราณมากมายต่างกำลังพูดคุยกัน สีหน้าตื่นเต้น เนื้อหาที่สนทนาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการประลองนี้ของหลินสวินและลั่งเชียนเหิง
และในการพูดคุยนี้ก็ทำให้หลินสวินรู้ว่า ที่แท้สำนักกระบี่เทียมฟ้าก็ถูกแรงกดดันของกระแสในใต้หล้าบีบบังคับ ไม่อาจไม่ก้มหัวประกาศว่าจะไม่ขวางการมาเยือนของตน
นี่ทำให้หลินสวินเข้าใจในที่สุดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากระแสแนวโน้มทั้งใต้หล้า อย่างน้อยที่สุดสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็ยังต้องข่มกลั้นเอาไว้
นี่ก็เพียงพอแล้ว
จากจุดนี้ภายหน้าต่อให้ต้องสู้กับสำนักกระบี่เทียมฟ้า หลินสวินก็จะไม่ทำเกินงาม
ยามหลินสวินกำลังใคร่ครวญ ข้างๆ พลันมีเสียงกระจ่างหนึ่งดังขึ้น “คุณชาย ข้าชื่อเหวยหลิงเคอ ท่านก็ไปชมการประลองด้วยรึ”
หลินสวินลืมตา ก็เห็นสาวงามที่นั่งติดกันกำลังยิ้มมองมา เรียวขาคู่ยาวของนางไขว้ขัดสมาธิ แผ่นหลังตรงดิ่ง ขับเน้นให้เนินเนื้อดูน่าชม กระดูกไหปลาร้าส่วนหนึ่งที่โผล่ออกมาตรงช่วงไหล่ขาวกระจ่างเรียบเนียน
“อืม” หลินสวินพยักหน้า ถอนสายตากลับ
เห็นท่าทีของหลินสวินเย็นชาอยู่บ้าง รอยยิ้มของเหวยหลิงเคอค้างไปเล็กน้อย
แต่ด้วยนิสัยร่าเริงเปิดเผยของนางจึงไม่ใส่ใจสักนิด กลับชะโงกศีรษะเข้ามากล่าวเสียงเขาข้างหูหลินสวิน “คุณชาย ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าท่านไม่ธรรมดายิ่ง แต่ข้าจะไม่บอกใครหรอก”
นางพูดพลางขยิบตาให้หลินสวิน อากัปกิริยาเหมือนกล้วยไม้ กลิ่นอายน่าค้นหา
ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มชุดหยกเดิมทีก็ไม่พอใจที่หลินสวินนั่งอยู่ข้างเหวยหลิงเคออยู่บ้าง เมื่อเห็นภาพนี้ก็ไม่อาจฝืนทนทันที “หลิงเคอ!”
“ทำไม ข้าพูดคุยเจ้าก็ต้องเข้ามายุ่งด้วยรึ”
เหวยหลิงเคอกลอกตาใส่ กล่าวไม่สบอารมณ์ “หรั่นซิง เจ้าสนแต่เรื่องตัวเองก็พอแล้ว เรื่องของข้าทางที่ดีเจ้าอย่ามาชี้นิ้วสั่ง”
สีหน้าของชายหนุ่มชุดหยกพลันชะงักค้าง แทบแขวนหน้าเอาไว้ไม่อยู่ เขาไม่พูดมากอีก แต่สายตาที่มองไปยังหลินสวินกลับไม่เป็นมิตรยิ่งกว่าเดิมแล้ว
เหมือนกับมองพวกขวางหูขวางตาคนหนึ่ง
หลินสวินเห็นดังนี้ก็เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้รางๆ คาดว่าฝ่ายชายคงชอบหญิงสาวอยู่ฝ่ายเดียว แต่ฝ่ายหลังกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
เหวยหลิงเคอไม่ใส่ใจชายหนุ่มชุดหยกนั่นอีก มองมาที่หลินสวินอย่างสนอกสนใจ “คุณชาย เช่นนั้นท่านคิดว่าการประลองนี้ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ “เจ้าหวังให้ใครชนะ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นเทพมารหลิน”
เหวยหลิงเคอกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าแทบอยากให้เขาซัดลั่งเชียนเหิงอะไรนั่นให้คว่ำ รู้ไหม ครั้งนี้ข้าไปนครหยกขาวก็เพื่อให้กำลังใจเทพมารหลิน!”
หลินสวินยิ้มแล้ว ถูกคนพูดถึงตัวเองต่อหน้า ความรู้สึกนี้ดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง
“แต่ความรู้สึกส่วนความรู้สึก ข้ายังเป็นห่วงอยู่บ้างว่าหากเขาแพ้แล้วจะทำอย่างไร” เหวยหลิงเคอมุ่นคิ้วกล่าว ท่าทางเป็นกังวล
“ถึงตอนนั้นรอดูก็รู้แล้ว ตอนนี้กังวลไปก็เกินความจำเป็น” หลินสวินกล่าว
“ฮึ พูดไปพูดมาก็พูดแต่เรื่องไร้สาระ”
ชายหนุ่มชุดหยกนั่นทนต่อไปไม่ไหวแล้ว กล่าวเหน็บแนม “วิเคราะห์ไม่ได้ก็หุบปากเงียบๆ ไม่ได้หรือ ทำให้คนหยามเหยียดเปล่าๆ”
หลินสวินเหลือบมองเขาเล็กน้อยแต่ไม่ใส่ใจ
เหวยหลิงเคอกลับไม่พอใจอยู่บ้าง “หรั่นซิง เจ้านั่นแหละหุบปาก!”
ทันทีที่สาวงามเช่นนี้มีโทสะ ท่าทางจะน่ากลัวอย่างยิ่ง ชายหนุ่มชุดหยกอ้ำอึ้งทันที สีหน้าแม้จะอักอ่วน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก
เมื่อถูกกวนเช่นนี้ เหวยหลิงเคอก็หมดอารมณ์พูดคุย
เพียงแต่ระหว่างทางนางนำหลินสวินมาเทียบกับหรั่นซิง ก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
หรั่นซิงคือคู่ครองที่คนในตระกูลของนางแนะนำให้ แต่เหวยหลิงเคอไม่รู้สึกอะไรด้วยสักนิด ออกจะรำคาญมากด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงตัดสินใจหนีไปแก้เซ็งที่นครหยกขาว
ใครเล่าจะคาดคิด เจ้าหรั่นซิงนี่กลับตามติดไม่ปล่อยเหมือนยาพอกผิว นางย่อมหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเป็นธรรมดา แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลจึงได้แต่อดทน
แต่หลังจากเจอหลินสวิน ไม่เปรียบเทียบยังพอว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบขึ้นมา บุคลิกที่เงียบสงบเฉยชาไม่ตื่นตระหนกตกใจนั้นของหลินสวิน ก็เอาชนะหรั่นซิงได้ในชั่วขณะเดียว
ผ่านไปหนึ่งวัน หลังจากถึงเขตแดนนครหยกขาว หลินสวินเดินลงจากยานสำเภาเพียงลำพัง ขณะกำลังจะจากไปเหวยหลิงเคอก็ตามมา ใบหน้างามเจือความหวัง กล่าวว่า “คุณชาย ไปด้วยกันไหม”
“พวกเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่”
หลินสวินโบกมือ เอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไป
ใช่ว่าเขาไร้น้ำใจ หากแต่รู้ชัดว่าในนครหยกขาวนี้ ถ้าให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าเห็นตนอยู่กับเหวยหลิงเคอ ภายหน้าไม่แน่ว่าอาจจะมีคลื่นลมอะไรกระทบไปถึงฝ่ายหลังได้
เห็นหลินสวินยิ่งเดินยิ่งห่างออกไป ในใจเหวยหลิงเคอพลันหดหู่อย่างอดไม่อยู่ นางเชื่อในสายตาของตนมากว่าไม่มีทางดูผิด หลินสวินต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
นึกถึงตรงนี้นางพลันตบหน้าผากร้องเสียใจ “จบกันๆ ข้าลืมถามชื่อของเขาไปได้อย่างไร…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์