พรูด!
ลั่งเชียนเหิงรู้สึกเพียงร่างกายปวดแปลบ ริมฝีปากกระอักเลือด
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าการโจมตีนี้ของหลินสวินจะน่ากลัวเช่นนี้
ประทับปี้อั้นที่ใหญ่มหึมานั้นราวมั่นคงไม่เสื่อมสูญ พลังกฎเกณฑ์ที่อัดแน่นก็สั่นสะเทือนใต้หล้า แข็งแกร่งอย่างไม่อาจจินตนาการได้
ตูม…
ในที่สุดยามประทับปี้อั้นแตกระเบิด ร่างของลั่งเชียนเหิงก็ซวนเซ เกือบจะถูกซัดร่วงกลางอากาศ ดูน่าอนาถหาใดเปรียบ
ในที่นั้นละอองแสงตลบอบอวล
นอกลานก็เงียบสงัดไปทั้งแถบ
ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังสูดหายใจเย็นเยียบ สีหน้าตื่นตระหนก
กระบวนท่าแรก พลังที่หลินสวินเผยให้เห็นเกิดเป็นภาพกดกำราบ ไม่ว่าลั่งเชียนเหิงจะปะทะอย่างไร สุดท้ายก็ถูกทำให้บาดเจ็บ!
ต้องรู้ว่าในบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ลั่งเชียนเหิงมีพลังที่เจิดจรัสและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นคงไม่มีทางดึงดูดความสนใจจากทั่วหล้าด้วยการประลองนี้ได้
แต่บุคคลชั้นยอดแห่งยุคคนหนึ่งเช่นนี้ กลับเพลี่ยงพล้ำในกระบวนท่าแรก!
เวลานี้แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็ยังตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง ในความเข้าใจของพวกเขา ลั่งเชียนเหิงคือคนที่สามารถทำให้บุคคลขอบเขตมกุฎคนใดก็ตามให้ความสำคัญ ถึงขั้นทำให้หวาดกลัว
แต่ตอนนี้พลังที่หลินสวินเผยออกมากลับกำราบลั่งเชียนเหิงได้โดยตรง!
คนที่เข้าใจได้อย่างสุดซึ้งคือพวกองค์ชายเซ่าเฮ่าและเทพธิดารั่วอู่ พวกเขาล้วนก้าวเข้าสู่มกุฎมรรคา ด้วยเหตุนี้จึงรู้ดีว่าการที่หลินสวินเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสิ้นเชิงในกระบวนท่าเดียว เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงแค่ไหน
เหวยหลิงเคออึ้งงันไปแล้ว
นางมาครานี้เดิมเพื่อให้กำลังใจหลินสวิน ไหนเลยจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจแต่แรก
“เขาแข็งแกร่งมาก…” นางจิตใจเคลิบเคลิ้ม
ด้านมู่ไจซิง จู๋อิ้งเสวี่ยและแขกจากต่างดินแดนทั้งหมด สีหน้ายังแปลกใจไม่หยุดอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้จิตใต้สำนึกของพวกเขาดูถูกทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณอย่างสิ้นเชิง มีความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีที่สูงส่งเหนือผู้อื่น
ถึงขั้นที่ว่าก่อนเปิดศึก พวกเขายังโมโหกับคำว่า ‘สามกระบวนท่า’ ที่หลินสวินกล่าวออกมาเป็นอย่างยิ่ง คิดว่านี่คือการท้าทายศักดิ์ศรีของพวกเขา
แต่ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างบื้อใบ้
ต่อให้เป็นคนโง่เขลาอย่างไรก็รู้ว่า หลินสวินไม่ใช่คนที่บุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไปสามารถเทียบได้อย่างสิ้นเชิง
ในความเงียบสงัดร่างของหลินสวินนิ่งไม่ไหวติง เพียงแต่สายตาที่มองไปยังลั่งเชียนเหิงกลับเผยแววปรามาสเสี้ยวหนึ่ง “ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้ความยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้อยู่บ้าง”
ลั่งเชียนเหิงสีหน้าอึมครึมในชั่วขณะเดียว
กระบวนท่าแรกถูกทำให้บาดเจ็บ เดิมทีก็ทำให้เขาเสียหน้าอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหลินสวินเยาะเย้ยเช่นนี้อีก จึงพาให้โกรธจัดทันที
ทว่าหลินสวินไม่ใส่ใจเขาอีกแล้ว
“ทะยาน!”
มีเพียงคำเดียวที่หลุดจากปากของหลินสวิน
จากนั้นปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายทะยานขึ้นสู่ฟ้าดังสวบสาบราวกับรุ้งเทพที่หนาแน่น วิวัฒน์เป็นค่ายกลกระบี่แน่นหนา ลึกลับ เคร่งขรึมดุดันค่ายหนึ่ง
ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินก็ถูกแหวกเป็นรอยแยกแคบยาวนับไม่ถ้วน เหมือนกับใยแมงมุมที่แตกระแหง
ทุกคนต่างมีความรู้สึกว่าถูกทำให้ตกตะลึง ในใจสั่นสะท้าน
นี่คือค่ายกลกระบี่อะไรกัน
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณในที่นั้น หรือผู้มาเยือนจากต่างดินแดนเหล่านั้น เวลานี้ล้วนกลั้นหายใจ จดจ่อแทบจะลืมหายใจ
“ฟัน!”
ค่ายกลกระบี่ราวเชื่อมจิต สำแดงลักษณ์ประหลาดอัศจรรย์ออกฟาดฟัน คล้ายผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานมากมายสร้างค่ายกลสังหารกลางอากาศ
“ทลาย!”
ลั่งเชียนเหิงสูดหายใจลึกทันที รอบกายพลันปรากฏประตูมารสามพันบาน ทุกบานประตูล้วนมีประทับของ ‘มาร’ ตนหนึ่ง
บ้างมีสามเศียรหกกร ใบหูมีอสรพิษเงินห้อยอยู่
บ้างเท้าเหยียบเพลิงมาร กลืนกินแสงดารา
บ้างยกภูผาสูงตระหง่านขว้างใส่ฟ้าดิน
ประตูมารแต่ละบานราวเชื่อมต่อไปยังแดนมารลี้ลับชวนประหวั่นแห่งหนึ่ง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาพาให้ฟ้าดินปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดกลัวชั้นหนึ่ง
แดนมารแปดร้อย!
นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ของลั่งเชียนเหิง ยอดวิชาแห่งยุคที่ถูกอริยะมรรคมารนับไม่ถ้วนในดินแดนโบราณมารโลหิตกล่าวถึงอย่างเพลิดเพลิน เทิดทูนถึงที่สุดอย่างหนึ่ง
พวกจู๋อิ้งเสวี่ยยังหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าลั่งเชียนเหิงจะใช้ไพ่ตายในเวลานี้ แค่คิดก็รู้ว่าแรงกดดันที่การโจมตีนี้ของหลินสวินสร้างให้กับเขานั้นมากแค่ไหน
ตูม!
พูดแล้วเหมือนเนิ่นนาน แต่ความจริงนั้นรวดเร็วนัก ค่ายกลกระบี่และแดนมารแปดร้อยปะทะกัน เสียงกัมปนาทชวนประหวั่นที่ดังขึ้นทำให้แผ่นฟ้าราวกับจะทรุดลง
บุคคลสำคัญของสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งปาดเหงื่อ หากไม่ใช่ว่าสำนักกระบี่เทียมฟ้าวางค่ายกลป้องกันไว้ใกล้หอหลอมจิตก่อนการประลองแล้วล่ะก็ แค่พลังทำลายล้างนี้ก็สามารถทำลายพื้นที่แถบนี้จนราบคาบได้ทั้งหมด!
ตูม! ครืน!
ค่ายกลกระบี่ที่ดุดันถือไพ่เหนือกว่า ซัดแดนมารแปดร้อยนั่นจนโอนเอนเซไปมา ส่งเสียงกัมปนาทอย่างต่อเนื่อง
เห็นว่าอภินิหารที่ตนภาคภูมิใจที่สุดได้ฝืนสกัดขวาง ทำให้นัยน์ตาของลั่งเชียนเหิงหดรัดไปวูบหนึ่ง
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ในใจของลั่งเชียนเหิงพลิกม้วนไม่หยุด ที่น่ากลัวกว่าคือค่ายกลกระบี่ทึบแน่นวิวัฒน์เป็นสิ่งอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด ปราณกระบี่แต่ละชั้นเหมือนย้ายเขาคว่ำสมุทร ทำให้แดนมารแปดร้อยของเขาใกล้จะพังทลาย
“ข้าไม่เชื่อ!”
ลั่งเชียนเหิงแผดเสียงคำราม อานุภาพของแดนมารแปดร้อยพลันยกระดับ ในความรางเลือนสามารถเห็นเงาร่างของเทพมารมากมายปรากฏขึ้นเย้ยฟ้าท้าดิน กำราบทั่วหล้า บดบังเวิ้งฟ้าจนสิ้น
พลังของทุกเงาร่างล้วนพอจะฉีกกระชากผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันทั่วไปในระดับอมตะเคราะห์ได้ แต่ภายใต้การฟาดฟันของปราณกระบี่ของหลินสวิน ไม่นานเงาร่างพวกนี้ก็ต้านไม่อยู่
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ปราณกระบี่นั้นดุดันเกินไป เหมือนไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ มายาเทพมารมากมายถูกฉีกผ่าแหวกออกกลายเป็นไอมารพร่างพราวทั่วฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์