เผชิญกับภาพนี้ หลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “นี่ถึงจะน่าสนใจหน่อย”
ตูม!
เงาร่างของเขาที่ยืนนิ่งกลางอากาศก้าวออกมาในตอนนี้ ผมยาวสีดำทั่วศีรษะพลิ้วไหว เสียงธรรมกึกก้องทั่วร่างกาย
บนมรรคาอมตะ เขาไร้คู่ต่อสู้มานานเกินไปแล้ว!
อย่าว่าแต่การต่อสู้ธรรมดา แม้เป็นการต่อสู้กับบุคคลอย่างลั่งเชียนเหิงก็ไม่สามารถกระตุ้นจิตต่อสู้ที่แท้จริงของหลินสวินได้
ตอนนี้ในที่สุดก็เขาก็เกิดความสนใจแล้ว
ครืนๆ
ในอากาศมีเสียงต่ำลึกสะเทือนราวกับฟ้าร้อง
หลินสวินที่เป็นฝ่ายลงมือก่อนเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์ เผยความสามารถที่มีออกมาทั้งหมด เย่อหยิ่งองอาจ มีอานุภาพผงาดกร้าวที่ก้มมองลงมายังโลกหล้า
หมัดหนึ่งของเขาซัดออกไป มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ทะยานไปเบื้องหน้าอย่างห้าวหาญเหนือใคร สามารถทำให้ภูผาธาราเปลี่ยนสี
“ลงมือ!”
มู่ไจซิงนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน ตระหนักได้ถึงความร้ายกาจ จึงลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด
ชิ้ง!
กระบี่เทพสีเงินยวงกรีดกวาดท้องฟ้า หมุนเบาๆ วาดเงาดาบเต็มวงในขนาดหลายสิบจั้ง เงามายาเทพมารองค์หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในเงากระบี่
กระบี่เทพแปรรุ้งดารา!
กระบี่ระดับนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าหลายคนยังไหวหวั่น
วู้ม…
จู๋อิ้งเสวี่ยยกมือขึ้น เรียกกระจกทองแดงสีม่วงบานหนึ่งออกมา ในกระจกปรากฏดวงตาที่แปลกประหลาดและเย็นชาข้างหนึ่ง ดวงตาสาดประกายแสงสีขาวดำกลุ่มหนึ่งออกมา
สีดำเป็นตัวแทนของกลางคืน
สีขาวเป็นตัวแทนของกลางวัน
ขาวดำผสมกันราวกับกลางวันและกลางคืนเกิดขึ้นพร้อมกัน หมายจะปกคลุมโลก แบ่งแยกความเป็นความตาย!
นอกจากนี้บุคคลแห่งยุคจากต่างดินแดนคนอื่นๆ ก็ลงมือพร้อมกัน บ้างเรียกสมบัติลับออกมา บ้างใช้มรดกสูงส่ง
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าสว่างไสวเรืองรอง เสียงธรรมกึกก้อง ปรากฏการณ์ประหลาดมากมายปรากฏขึ้น ทำให้ฟ้าดินยังสั่นสะเทือนไปด้วย ตกอยู่ท่ามกลางความสยดสยอง
ใครก็ดูออกว่าทันทีที่พวกมู่ไจซิงลงมือก็ไม่ออมมือสักนิด ใช้พลังที่แท้จริง เห็นได้ชัดว่ารู้ดีว่าไม่อาจเทียบหลินสวินกับคนทั่วไปได้ จึงไม่กล้าออมมือ
ตูมโครม!
ท่ามกลางการโจมตีเต็มฟ้า หลินสวินไม่ถอยกลับเดินหน้า เงาร่างราวกับสายฟ้า ดุจมายาและว่างเปล่า พุ่งโจมตีเข้าไป แกว่งหมัดเข่นฆ่า
นี่ดูบ้าคลั่งมาก!
แต่ก็เหิมหาญอย่างที่สุด มีท่าทีประหนึ่งข้าเพียงคนเดียวต้านคนนับหมื่น ทำเอาผู้คนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน!
เคร้ง!
เสียงก้องราวกับระฆังดังขึ้น
เหมือนกระบองเหล็กกระแทกใส่ระฆังอย่างแรง พลังหมัดของหลินสวินปะทะปราณกระบี่ของมู่ไจซิง ระหว่างทั้งสองปะทุแสงแสบตา
หลายคนแม้แต่ตายังลืมไม่ขึ้น จิตวิญญาณเจ็บปานถูกมีดกรีดเฉือน
ครึ่ก!
ท่ามกลางเสียงระเบิดสะเทือนหู เงากระบี่กลมนั่นถูกบดขยี้จนละเอียดทั้งอย่างนั้น
สีหน้าของมู่ไจซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความตะลึงแวบผ่านเข้ามาในสายตา
ฉัวะ!
ลำแสงขาวดำสายหนึ่งพุ่งออกจากกระจกสีม่วง เหมือนว่าราตรีกาลและทิวากาลแผ่ขยายมาเยือนด้วยกัน ทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศล้วนระเบิดออกราวกับเป็นกระจก
หลินสวินไม่มองด้วยซ้ำ ใต้เท้าเขาชือน้ำแข็งตัวหนึ่งแหงนหน้าพุ่งออกมา แกว่งหางตัดลำแสงขาวดำนั่นขาด
ในเวลาเดียวกัน คลื่นสีทองที่แปลงมาจากเสียงคำรามผูเหลาซัดสะเทือนดาบศึกสีทองเล่มหนึ่งที่โจมตีมาจากอีกด้าน
เงามายาฟู่ซี่โฉบเคลื่อน ชนแสงมรรคที่ทะยานเข้ามาจนแหลก
ดอกบัวสีดำดอกหนึ่งลุกโชนด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์หงส์ทมิฬ เข้าปกคลุมทวนวงเดือนทั้งเล่ม
…ชั่วขณะนั้นการจู่โจมจากแปดทิศล้วนถูกวิชามรรคของหลินสวินสลาย
ส่วนเขาไม่เคยขมวดคิ้ว ไม่เคยหันกลับ พุ่งโจมตีไปยังมู่ไจซิงต่อ
แม้เป้าหมายคือทุกคน แต่ต้องสยบทีละคน!
“ใช้กำลังทั้งหมด!”
ประกายศักดิ์สิทธิ์ในดวงตามู่ไจซิงราวกับคมดาบ น่ากลัวอย่างที่สุด
ไม่จำเป็นต้องเตือน ทุกคนต่างรู้ดีว่าขืนยังไม่ใช้พลังทั้งหมด อย่าว่าแต่เอาชนะหลินสวินเลย อาจถึงขั้นเป็นไปได้สูงมากว่าจะถูกเขากำจัดทีละคน
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขารับไม่ได้เด็ดขาด
ตูม โครม!
ด้านหลังมู่ไจซิง กระบี่เทพสองเล่มที่เหลือก็เคลื่อนออกมา เล่มหนึ่งสายฟ้าเขียว อีกเล่มน้ำค้างม่วง เมื่อรวมกับกระบี่เทพสีเงินยวงเล่มนั้นก็กลายเป็นค่ายกลกระบี่คดโค้งเป็นประกาย ฉีกทึ้งอากาศเป็นแนวยาว
คนอื่นๆ เองก็เรียกยอดสมบัติและใช้ยอดวิชาของตนเอง
บุคคลแห่งยุคที่มาจากต่างดินแดนเหล่านี้ ทุกคนล้วนรากฐานพลังตะลึงโลก ที่มาไม่ธรรมดา สมบัติที่ครอบครองล้วนเป็นสมบัติอริยะอย่างไม่มีข้อยกเว้น มรดกที่เรียนรู้ล้วนเป็นมรดกเก่าแก่ชั้นหนึ่งทั้งหมดเช่นกัน
แม้แต่พลังปราณก็อยู่ในขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า
ลงมือเต็มกำลังพร้อมกัน ก็ประหนึ่งเทพมากมายกำลังเปิดศึกที่สามารถสะเทือนอดีตสาดส่องปัจจุบัน
“น่ากลัวมาก!”
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหลายคนจิตใจสั่นไหว กลัวจนหน้าซีด
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างดูภาพสถานการณ์ในที่นั้นไม่ชัดแล้ว แต่กลับรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายน่ากลัวนั่นอย่างชัดเจน ทำเอาพวกเขารู้สึกเหมือนลมหายใจดับสลาย
“หากเป็นข้า จะสามารถต้านทานได้นานเท่าไหร่”
เหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอต่างสีหน้าเคร่งขรึม จิตใจจดจ่อ
การต่อสู้นี้ทำให้พวกเขาต่างตึงเครียด จิตใจสั่นไหวไม่หยุด
ความแข็งแกร่งของพวกมู่ไจซิง ความห้าวหาญดุดันของหลินสวิน ล้วนนำมาซึ่งการโจมตีอันรุนแรงและน่าทึ่งให้กับพวกเขา
ในฐานะบุคคลขอบเขตมกุฎ ทอดสายตามองไปทั่วหล้า คนรุ่นเดียวกันที่ควรค่าต่อการให้ความสำคัญของพวกเขามีน้อยมากๆ แล้ว
แต่การต่อสู้วันนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ครั้งหนึ่งในมกุฎมรรคาอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้สุดท้ายหลินสวินจะแพ้ ด้วยความองอาจที่เขาแสดงออกว่าในวันนี้ ก็เพียงพอจะทำให้ผู้แข็งแกร่งในใต้หล้าตกตะลึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์