อ่านสรุป ตอนที่ 1498 เข้าสู่สมรภูมิ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1498 เข้าสู่สมรภูมิ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนนั้นหลินสวินเคยใช้จิตสถูปปลิดชีพสังหารเหล่าอริยะที่นอกเมืองหม่อนหิมะ สะท้านขวัญใต้หล้า สะเทือนดินแดนรกร้างโบราณ
และหลังจากวีรกรรมสังหารอริยะครั้งนั้น เจตจำนงของกึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิงก็มาเยือนแล้วเอ่ยวาจาว่า
ยามการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้น หากหลินสวินไม่มุ่งหน้าไปสังหารศัตรูเพื่อไถ่โทษ เขาไป๋อวี้จิงจะเป็นคนแรกที่ปลิดชีพหลินสวิน!
และตอนนี้เสียงเป่าเขาสัญญาณเคลื่อนทัพอันไร้ที่สิ้นสุดดังขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็จะเปิดฉากขึ้นตามไปด้วย
คนใหญ่คนโตระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างไป๋อวี้จิงยังจำหลินสวินได้ ทำให้ท่านเซิ่นยังออกจะประหลาดใจ
“เจ้าไป๋อวี้จิงเป็นวีรบุรุษเหนือโลกผู้หนึ่ง เป็นยักษ์ใหญ่เทียมฟ้า ปณิธานและความกล้าหาญล้ำเกินคนทั่วไป ดันแค้นเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งหรือ”
ท่านเซิ่นเอ่ยถาม
“หึ! ตอนนั้นเขาฆ่าอริยะไปเยอะขนาดนั้น ที่สูญเสียไปเป็นกำลังพลของดินแดนรกร้างโบราณ ข้าจะไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร”
ไป๋อวี้จิงหัวเราะเสียงเย็นเยียบ
“คนบางคน… สมควรตาย”
ท่านเซิ่นเอ่ยอย่างผ่อนคลาย “สู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเขาไปก็ไม่คุ้ม”
ไป๋อวี้จิงเอ่ยเรียบๆ ว่า “ต่อให้ตาย ก็ให้ไอ้พวกสมควรตายพวกนี้ตายที่สนามรบแนวหน้า ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือเจ้าหนูนี่คนเดียว”
ท่านเซิ่นหลุดหัวเราะ รู้ว่าไป๋อวี้จิงไม่ได้อคติกับหลินสวิน เพียงแค่บ่นก็เท่านั้น
“พี่ไป๋วางใจ คราวนี้หลินสวินต้องไปสมรภูมิเก้าดินแดนแน่”
ท่านเมี่ยวเสวียนที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยเสียงกังวาน
“ถ้าเขามีความสามารถ ดีที่สุดก็อย่าตายแล้วกัน หาไม่ข้าคงดูเบาเขา”
ไป๋อวี้จิงโพล่งประโยคนี้ออกมาก็กรีดผ่านเวิ้งฟ้าออกไปเสียงดังลั่น
“เมี่ยวเสวียน ธุระในหอฤทธิ์เทพก็ฝากเจ้าจัดการแล้ว”
ท่านเซิ่นกุมมือคารวะอยู่ไกลๆ
“ศิษย์พี่รักษาตัวด้วย”
ท่านเมี่ยวเสวียนก็กุมมือคารวะ
“ไปล่ะ”
ท่านเซิ่นสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง เงาร่างเหยียบย่างไปในห้วงอากาศ ทันใดนั้นก็หายลับไปเงียบๆ แม้แต่ผียังไม่ตระหนก
……
ภูเขาเทพไร้มรณะ
แม้กล่าวว่าชื่อของภูเขาลูกนี้มีคำว่า ‘มรณะ’ แต่ท่วงทำนองเทพกับรูปลักษณ์ของภูเขานั้นต่างไปโดยสิ้นเชิง
ภูเขานี้สูงใหญ่ตั้งตระหง่านเหมือนมังกรใหญ่ขดตัว ทั้งตัวภูเขาดำขลับเหมือนหยกหมึกดำ
มีอานุภาพสูงส่งเทียมฟ้า มีรูปลักษณ์ดั่งหัตถ์ค้ำสุริยัน ภูเขาทั้งลูกมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันเป็นอมตะหลั่งไหลอยู่
ตอนนั้นหลินสวินเคยเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่นี่ เอาชนะคู่ต่อสู้ทุกคนในคราวเดียว ชิงอันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์มาครอง
และเป็นเขาเทพไร้มรณะที่ทำให้เขาหยั่งรู้นัยน์เร้นลับของมหามรรคไร้มรณะ
วันนี้ พร้อมกับที่เสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพไร้ขอบเขตดังขึ้น หลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหลู่ และนกทมิฬข้ามทะเลหมากดารามายังภูเขาเทพไร้มรณะอีกครั้ง
หวูดๆๆ!
เสียงเป่าเขาสัญญาณกรีธาทัพแว่วมาจากยอดเขาสั่นสะเทือนรอบทิศ พอจะเห็นได้รางๆ ว่าบนห้วงอากาศเหนือยอดเขามีทั้งฟ้าแลบฟ้าร้อง ห้วงอากาศกลายเป็นวังน้ำวน เผยปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลก
“พวกเจ้ามาแล้ว”
เงาร่างแก่ชราคล้ายไร้ตัวตนร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายคลื่นกฎระเบียบอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
นี่คือร่างแปลงของเจตจำนงแห่งเขาเทพไร้มรณะ เรียกตัวเองว่า ‘ข้ารับใช้วิญญาณ’
สมัยเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์พวกหลินสวินก็เคยพบอีกฝ่าย จึงไม่แปลกหน้ากัน
“นั่นก็คือช่องทางเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน”
ข้ารับใช้วิญญาณชี้ไปบนห้วงอกาศเหนือยอดเขา ท่ามกลางอสนีบาตซัดสาด พอจะเห็นได้รางๆ ว่ามีประตูเงาแสงบานหนึ่งกำลังก่อตัวเป็นรูปร่าง
“พอเข้าไปในนั้นก็จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสมรภูมิเก้าดินแดน เข้าร่วมการต่อสู้ห้ำหั่นระหว่างผู้แข็งแกร่งทั้งเก้าดินแดน”
“ภายในนั้นไม่ได้มีกฎให้พูดถึง ใครรักษาชีวิตได้ถึงท้ายที่สุด ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย”
“คิดว่าพวกเจ้าต่างรู้ดีแล้วว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน ดินแดนรกร้างโบราณปิดฉากลงด้วยความพ่ายแพ้ คราวนี้… หวังว่าพวกเจ้าจะรอดชีวิตกลับมา”
เสียงข้ารับใช้วิญญาณยังคงว่างเปล่าเหมือนในอดีต ไม่มีคลื่นอารมณ์หวั่นไหว
พูดถึงตรงนี้ข้ารับใช้วิญญาณสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ป้ายคำสั่งที่มีแสงโลหะมันวาวห้าชิ้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกหลินสวินโดยพลัน
“ใส่เจตจำนงของตัวพวกเจ้าเองเข้าไปข้างใน ยามสมรภูมิเก้าดินแดนปิดลง หากถือป้ายคำสั่งนี้ย่อมถูกเคลื่อนย้ายกลับมาที่ดินแดนรกร้างโบราณได้ โดยมีเงื่อนไขว่าตอนนั้นพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
ข้ารับใช้วิญญาณเอ่ยช้าๆ “นอกจากนี้ป้ายคำสั่งนี้ยังแทนตัวตนของพวกเจ้าแต่ละคน มีประโยชน์สะสมผลงานรบที่สังหารศัตรูควบคู่ไปด้วย ยิ่งฆ่าศัตรูได้มาก ผลงานรบที่สะสมก็ยิ่งมาก”
“ผลงานรบมีประโยชน์อะไร”
เจ้าคางคกพูดแทรกอย่างอดไม่อยู่
“แลกกับโชควาสนาฟ้าประทาน”
ข้ารับใช้วิญญาณเอ่ย “ตอนนั้นพวกเจ้าเคยเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ก็คงรู้ดีว่าบนภูเขาเทพไร้มรณะแห่งนี้มีพลังโชควาสนามหามรรคที่แท้จริงปกคลุมอยู่ หากพวกเจ้ารอดชีวิตกลับมา ด้วยผลงานรบที่สะสมมา สามารถแลกกับโชควาสนามหามรรคที่สัมพันธ์กันได้”
ถึงตอนนี้พวกหลินสวินถึงเข้าใจได้ทันที
ข้ารับใช้วิญญาณเอ่ยเตือน “แต่พวกเจ้าคงรู้ว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน ดินแดนรกร้างโบราณพ่ายแพ้ทั้งนั้น ผู้แข็งแกร่งที่กลับมาได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน ดังนั้นผู้ที่สามารถแลกโชควาสนามหามรรคได้จึงน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย”
มีผู้แข็งแกร่งไม่ถึงหนึ่งส่วนรอดชีวิตกลับมา!
พวกหลินสวินต่างหวาดหวั่นในใจ
“ผู้อาวุโส พวกเรายังขาดป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่ง”
ระหว่างที่หลินสวินพูดอยู่ เสี่ยวอิ๋นก็เคลื่อนตัวออกมาจากห้วงนิมิตของเขาแล้ว
ข้ารับใช้วิญญาณสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งก็มีป้ายคำสั่งอีกชิ้นปรากฏขึ้น มอบให้เสี่ยวอิ๋น
เปรี้ยง!
ก็ในตอนนี้เอง ท่ามกลางอสนีบาตถาโถมเหนือยอดเขานั้น ประตูเปล่งประกายเจิดจ้าดุจเงามายาลุ่มลึกบานหนึ่งก่อร่างโดยสมบูรณ์แล้ว
‘แพ้หรือชนะก็อยู่ที่ศึกนี้!’
‘ต้องชนะให้ได้ ต้องทำให้ได้นะ…’
ศึกนี้กระทบจิตใจของผู้คนใต้หล้า พร้อมๆ กับที่ช่องทางสู่สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออก ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณไม่รู้เท่าไรอวยพรให้ผู้แข็งแกร่งที่ออกศึกเหล่านั้นอยู่เงียบๆ ในใจ
……
สมรภูมิเก้าดินแดน
โลกสีโลหิตแห่งหนึ่งฉายสู่สายตา ฟ้าดินต่างย้อมสีเลือด เสียงลมสะอื้นไห้ เวิ้งว้างไปทั้งแถบ เผยกลิ่นอายน่าสลดใจออกมา
กรวดทรายหนาๆ ที่ปกคลุมอยู่บนพื้นชั้นหนึ่งเหมือนย้อมจากน้ำเลือดสีแดงสด ผ่านการกัดเซาะของกาลเวลาไร้สิ้นสุด ยังคงแดงสดงามตรม
วิ้ง!
เงาร่างของหลินสวินถูกเคลื่อนย้ายออกมาพร้อมกับคลื่นอากาศระลอกหนึ่ง เกิดเสียงดังปึง เท้าทั้งสองร่วงลงมาที่ผืนทรายสีแดงแห่งนั้น
ท่ามกลางธุลีทรายปลิวว่อน บนผืนดินกลับมีโครงกระดูกซากศพยับเยินมากมายเผยออกมา ล้วนเน่าเฟะผุพังไปแล้วทั้งนั้น
แต่ในห้วงนิมิตของหลินสวินกลับรู้สึกได้ถึงไอสังหารนองเลือดน่าหวาดหวั่นที่กระทบหน้าในชั่วพริบตา เสียงสู้รบดังขึ้นมาในโสตประสาท เสียงเข่นฆ่าของกลองสงครามเหิมฮึก
ในทัศนวิสัยตอนนี้ โลกสีเลือดแห่งนั้นเหมือนปรากฏภาพน่าหดหู่อย่างภูเขาศพทะเลเลือด กระดูกขาวกองพะเนินภาพแล้วภาพเล่า
หลินสวินพลันส่ายหน้า ปรากฏการณ์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าต่างสลายหายไป มีเพียงเสียงสะอื้นราวผีร้องครวญหดหู่ดังสะท้อนกลางฟ้าดิน ธุลีทรายสีเลือดอบอวล
ซ่า!
จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ขยาย ดูเหมือนราบเรียบราวเมฆไหลดังเดิม แต่ความจริงแล้วตัวเขาในชั่วพริบตานี้แปรเปลี่ยนเป็นระมัดระวังรอบคอบ ราวกับคันธนูใหญ่ที่ขึงจนตึงอยู่ก่อนแล้ว
ที่นี่ก็คือสมรภูมิเก้าดินแดน!
ตั้งแต่ชั่วขณะที่เข้ามานี้ก็ต้องระวังตัว
‘ท้องฟ้าสูงขึ้นไปหมื่นจั้งเต็มไปด้วยไอชั่วร้ายเต็มฟ้า ไม่เหมาะบินทะยาน’
‘กฎเกณฑ์มหามรรคที่นี่คลุมเครือและแปลกประหลาด หนักแน่นและแจ่มชัดยิ่งกว่าที่ดินแดนรกร้างโบราณ ในไอวิญญาณมีกลิ่นอายของเจตะปฐมกาลเป็นริ้วๆ มีประโยชน์เหลือประมาณต่อการฝึกปราณ’
‘แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอายสกปรกที่ผสมปนเปกันมากมายกระจายอยู่กลางฟ้าดิน ยามฝึกปราณต้องระวังเรื่องธาตุไฟเข้าแทรก’
‘ขอบเขตการรับรู้ของจิตรับรู้คือหนึ่งพันสามร้อยจั้ง ไม่เหมาะจะเดินทางเต็มกำลัง’
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ด้วยการตรวจสอบของจิตรับรู้อันกว้างใหญ่ การรับรู้มากมายผุดขึ้นในจิตใจเหมือนน้ำไหล ทำให้เขาสามารถชี้ชัดสภาพแวดล้อมที่อยู่ตอนนี้ได้อย่างแม่นยำ
สำหรับหลินสวินแล้ว สมรภูมิเก้าดินแดนเป็นสถานที่ที่ไม่รู้จักโดยสิ้นเชิงแห่งหนึ่ง หากไม่รีบทำความคุ้นเคยกับทุกอย่างนี้ ในการเคลื่อนไหวต่อไปเป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดอันตรายเหนือความคาดหมายมากมาย
แต่หลินสวินไม่ถึงกับกังวลใจจนไม่กล้าทำอะไรเพราะเรื่องนี้
สมรภูมิเก้าดินแดนอาจมีภยันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้ แต่เขาคาดการณ์ถึงเรื่องดีและเรื่องร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว
การต่อสู้มานานปี การเคียวกรำด้วยบุกน้ำลุยไฟนับไม่ถ้วน ขัดเกลาสภาวะจิตและเจตจำนงของหลินสวินจนถึงขั้นเหนือจินตนาการไปนานแล้ว
การเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ หลินสวินถึงกับมีความปรารถนาอันฮึกเหิม จิตต่อสู้ถั่งโถม
เพราะเขาจำเป็นต้องเอาสงครามครั้งนี้เป็นเป้าหมาย เพื่อให้การบรรลุมกุฎอริยะเป็นจริง!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์