หลินสวินตกตะลึงจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
ใครจะคาดคิดได้ว่าก้นบึ้งของหุบเหวแห่งนี้จะมีสิ่งที่น่ากลัวพรรค์นี้อยู่
‘มิน่าในข่าวลือถึงบอกว่าหลังจากอริยะบางส่วนเข้ามาในส่วนลึกของป่าหลอมจิตแล้วก็ไม่มีข่าวคราวโดยสิ้นเชิง เกรงว่าคงประสบเคราะห์ที่นี่กันหมดแล้ว…’
ยามหลินสวินครุ่นคิด ผีเสื้อมารแยกฟ้ากระพือปีก แสงเพริศแพร้วสายแล้วสายเล่าไหลเวียนออกมา
ปรากฏภาพน่าตะลึงภาพหนึ่ง
รอยแยกห้วงอากาศที่เกี่ยวกระหวัดหนาแน่นนั้น กลับหลีกทางออกเป็นทางสายหนึ่งตัดผ่านวังใต้ดินที่อยู่เบื้องล่างเหมือนกระแสน้ำ!
ฟึ่บ!
ผีเสื้อมารแยกฟ้าโผบินว่องไว เคลื่อนตัวพุ่งไป
หลินสวินตามติดอยู่ด้านหลังมัน
เขาสวม ‘อาภรณ์สวรรค์ปีกดารา’ ไว้ มันเป็นของกำนัลที่ได้มาจากเผ่าทอเมฆา สมบัติสูงสุดที่มหัศจรรย์หาใดเทียบชิ้นหนึ่ง มีประโยชน์อัศจรรย์สามารถท่องไปในความว่างเปล่า เพิกเฉยต่ออุปสรรคเรื่องพลังห้วงอากาศ
แต่สมบัตินี้กลับไม่อาจต้านพลังกลืนกินของรอยแยกห้วงอากาศได้
ดังนั้นหลินสวินจึงทำได้เพียงตามผีเสื้อมารแยกฟ้าไปติดๆ
วังใต้ดินมีอาคารรวมตัวกัน ต่างผุพังถึงที่สุด ก็ไม่รู้ว่าทิ้งไว้ถึงตอนนี้ตั้งแต่เมื่อไร กลิ่นอายเก่าแก่กร้านโลกกระจายออกมา
สวบ!
ทันทีที่มาถึงที่นี่ ผีเสื้อมารแยกฟ้าเหมือนอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว พอตีปีกไหววูบก็โฉบพุ่งไปยังส่วนลึกของวังใต้ดินนั้นอย่างรวดเร็ว
เร็วจนหลินสวินยังตอบสนองไม่ทัน
หลินสวินหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ผ่อนฝีเท้าลงและกวาดมองโดยรอบ ไม่นานสายตาก็จับจ้องไปที่ป้ายหินด้านหน้าตำหนักหลังหนึ่ง
ป้ายหินปักเฉียง ตะไคร่เขียวเป็นด่าง ด้านบนสลักอักษรมรรคโบราณไว้แถวหนึ่งว่า…
‘วังฝังสวรรค์!’
หลินสวินดวงตาหดเกร็ง
ฝังสวรรค์หรือ
ชื่ออหังการนัก!
ที่นี่เป็นถึงส่วนลึกของป่าหลอมจิตอันพิสดารในสมรภูมิเก้าดินแดน แต่กลับมีหมู่อาคารใต้ดินตั้งอยู่ก้นหุบเหวเช่นนี้ได้ เดิมทีก็น่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว
ใครจะคิดว่าชื่อของอาคารใต้ดินนี้จะยังสะท้านโลกเช่นนี้อีก!
หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าบริเวณนี้ไม่มีอันตรายแล้วก็ก้าวเข้าไปในตำหนัก
เหนือความคาดหมาย ภายในตำหนักกลับเป็นฟ้าดินกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นอีกจักรวาลหนึ่ง
ก็เห็นว่าศาลาพลับพลา บึงน้ำต้นไม้น้อย อาคารหลังแล้วหลังเล่าเรียงรายแน่นขนัด
ไม่ไกลนักยังมีต้นไม้โบราณเขียวขจีต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ราวกับสลักขึ้นจากหยกเขียวมรกต ลำต้นเก่าแก่แข็งแรง กิ่งก้านอุดมสมบูรณ์เขียวเปล่งปลั่ง เต็มไปด้วยพลังชีวิตอันมีชีวิตชีวา
หืม?
ทันทีที่หลินสวินเข้าไปก็สังเกตเห็นว่าที่นี่น่าจะเป็นโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง ต่างจากเศษซากผุพังเก่าแก่ที่เห็นข้างนอกก่อนหน้านี้ไปไกล
ที่นี่เงียบสงบ เรือนตำหนักเรียงกันเป็นชั้นๆ อาคารโบราณต่างๆ แอบอยู่ระหว่างไผ่เขียวและต้นไม้ชอุ่ม ทิวทัศน์ไม่ถึงกับงดงามมากนัก แต่กลับให้ความรู้สึกสงบสันโดษ
ดูท่าที่นี่เหมือนสถานที่ปลีกวิเวกเสียมากกว่า เห็นได้ชัดว่าเคยมีคนพำนักฝึกตนที่นี่
ก่อนจะมาสมรภูมิเก้าดินแดน หลินสวินก็รู้แล้วว่าในสมรภูมิอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ยังมีโลกลี้ลับมากมาย กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ เหมือนฟองอากาศ
โลกลี้ลับบางแห่งไอสังหารแน่นขนัด เป็นแดนมรณะ ไปแล้วไม่หวนกลับ
บ้างเป็นแดนวาสนา มีศุภโชคสะท้านโลกอยู่!
‘ก็ไม่รู้ว่าที่นี่จะเป็นแดนมรณะมหาเคราะห์ หรือเป็นที่อยู่ของมหาวาสนาแล้ว…’
หลินสวินพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่งแล้วเดินหน้าไปตามทางเดินหินเส้นน้อยเส้นหนึ่ง
ตามทางอาคารแต่ละหลังต่างมีชื่อ
เรือนสังหารจิต
หอยอดมรรค
หอแรกกำราบ
สถานทลายกฎ
ศาลาแสวงสัจ
……
ชื่อของอาคารแต่ละชื่อต่างเผยให้เห็นนัยเร้นลับแบบหนึ่ง หลินสวินเข้าไปข้างในอย่างต่อเนื่อง กลับพบว่าว่างเปล่าไม่มีความเร้นลับอะไร ศุภโชคยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นี่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้า หรือในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก่อนหน้านี้มีคนเคยเข้ามาที่นี่ หนำซ้ำยังเอาวาสนาที่อยู่ข้างในไปนานแล้ว
เดินหน้าพลางเสาะหาไปเช่นนี้กลับยังไม่ได้อะไรดังเดิม
ซ่า!
ไกลออกไปมีลำธารใสกระจ่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น ลำธารไหลผ่านระหว่างอาคารโบราณดั่งเข็มขัดหยก ส่งเสียงน้ำไหลโกรกกราก
หลินสวินกำลังจะก้าวข้ามลำธาร กลับหยุดลงทันที
น้ำลำธารใสดั่งกระจก ฉายเงาร่างหนึ่งออกมา อยู่ตรงข้ามกับหลินสวินพอดี ดูแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นเงากลับด้านของเขา
แต่ในตอนนี้เงานี้กลับเคลื่อนตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พากระแสน้ำเต็มฟ้าขึ้นมา ภาพและเสียงชวนตะลึง!
ตูม!
อีกทั้งทันทีที่เงาปรากฏขึ้นก็ตบใส่หลินสวิน แสงมรรคไหลเวียน พลังฝ่ามือราวกระแสธาร คล้ายคลื่นใหญ่กระทบฝั่ง
หลินสวินโต้กลับอย่างไม่ลังเล กดฝ่ามือหนึ่งออกไปเช่นกัน
ท่ามกลางเสียงปะทะสะเทือนเลื่อนลั่นจนหูแทบดับ เงานั้นพลันระเบิดแหลกกลายเป็นกระแสน้ำนับไม่ถ้วน กระแสน้ำแต่ละสายเปลี่ยนเป็นเงาหนึ่งเงาอย่างรวดเร็วอีก
ไม่นานนักเงานับไม่ถ้วนก็ยืนตระหง่านในบริเวณใกล้เคียง แต่ละเงาล้วนเหมือนกับหลินสวินไม่มีผิด
หลินสวินดวงตาหดรัดทันที
ไม่ทันให้เขาได้สติ เงาทุกสายจากทั่วสารทิศก็กระโจนมาอย่างแน่นขนัดมืดฟ้ามัวดิน
ที่ทำให้หลินสวินยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บในใจคือ
เงาเหล่านี้ไม่เพียงมีรูปลักษณ์เหมือนกับตน พลังมหามรรคและวิชายุทธ์ที่สำแดงออกมาก็เหมือนตนอย่างกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
โครม!
บ้างสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พลังหมัดดั่งคลั่งโกรธ อหังการแกร่งกล้า พลังเทียมเทพ
บ้างสำแดงมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เจินหลงร้องคำรามรอบกาย แปรสภาพเป็นสัญลักษณ์อักษร ‘เคราะห์’ ตัวแล้วตัวเล่า กำราบห้วงอากาศโดยรอบ
บ้างก็เผยหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า
บ้างก็สำแดงคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน
บ้างก็…
มรดกวิถียุทธ์ทุกชนิดล้วนมีกลิ่นอายกฎเกณฑ์มหามรรคประทับไว้ อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็ไม่ต่างอะไรกับที่หลินสวินสำแดงเอง
ชั่วพริบตานั้น หลินสวินรู้สึกเหมือนประมือกับตัวเองนับร้อยนับพันคน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์