ที่นี่เป็นโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง!
นี่ก็คือข้อสรุปที่จ้าวจิ่งเซวียนคิดได้
เพียงแต่ที่ทำให้นางไม่สบายใจที่สุดก็คือนางเสาะหามานานแล้ว กลับไม่อาจหาเจอว่าทางออกอยู่ที่ไหน หากออกจากที่นี่ไม่ได้ จะไม่ถูกขังในนี้ไปตลอดหรือ
สิ่งเดียวที่ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนใจชื้นได้เล็กน้อยก็คือ การฝึกปราณที่นี่ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายมหามรรคที่พัดเข้ามา
แจ่มชัดปานนั้น เหมือนจริงปานนั้น ราวกับใช้มือสัมผัสได้!
สุดท้ายจ้าวจิ่งเซวียนก็ทอดถอนใจในใจ สลัดความคิดยุ่งเหยิงในสมองทิ้งไป แล้วกลับสู่การนั่งสมาธิอีกครั้ง
……
บรรยากาศในป่าหลอมจิตช่วงนี้ชอบกลนัก
นี่เป็นข้อสรุปที่ผู้แข็งแกร่งโลกมารโลหิตมากมายสรุปออกมา
บุคคลขอบเขตมกุฎของดินแดนรกร้างโบราณนามหลินสวินรอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์ถึงตอนนี้ จวบจนปัจจุบันยังไม่ถูกฆ่า เรื่องนี้ย่อมดูผิดปกติ
“จะหนึ่งเดือนแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิดเสียอย่างนั้น ประหลาด”
“อริยะหลายคนยังฆ่าแพะสองขาตัวเดียวไม่ได้หรือ”
“คุณชายเซวี่ยชิงอีสั่งการลงมาว่าให้กำจัดศัตรูทั้งหมดในโลกมารโลหิตให้สิ้นซากภายในสามเดือน แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินนั่นมันกระดูกเหล็ก ก็ต้องดูว่าใครจะฆ่ามันได้แล้ว”
หลังจากเล่อเซวี่ยซิวเข้ามาในป่าหลอมจิต เขาได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายตลอดทาง ล้วนเกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณนามว่าหลินสวินคนนี้ทั้งนั้น
แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ
เขามาคราวนี้เพียงแต่ต้องการรับเล่อมู่จิ้นไปเท่านั้น
ส่วนแพะสองขาที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่ง ยังไม่ควรค่าให้เขาสนใจ
เล่อเซวี่ยซิวรูปร่างสมส่วน ร่างกายสง่าผ่าเผย มีผมยาวสีเขียวอ่อนทั้งศีรษะ ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยความหยิ่งผยองอันเป็นเอกลักษณ์
แม้กลิ่นอายเขาจะราบเรียบ แต่กลิ่นอายระดับอริยะที่แผ่กระจายทั่วร่างกลับปิดไว้ไม่อยู่ ทุกที่ที่ผ่าน ทำเอาผู้แข็งแกร่งตัวแข็งทื่อเหมือนเห็นวิญญาณเทพไปไม่รู้เท่าไร!
ขวับ!
ทันใดนั้นเล่อเซวี่ยซิวหยุดเดิน
ผึ้งมารลายดำที่มีเปลือกสีดำขลับตัวหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังเขา มันขนาดเท่าหัวแม่โป้งเท่านั้น แต่กลับแผ่กลิ่นอายระดับอริยะออกมา น่าตื่นตะลึงถึงที่สุด
“ใต้เท้าเล่อ เกิดเรื่องฉุกเฉิน จำเป็นต้องให้ท่านไปช่วยหนุน” ผึ้งมารลายดำเอ่ยเสียงเคารพนบนอบ
เล่อเซวี่ยซิวนิ่วหน้า “เรื่องอะไร”
“ในหุบเขาลมน้ำแข็งที่ห่างออกไปแปดหมื่นสามพันลี้มีมกุฎอริยะจากดินแดนรกร้างโบราณปรากฏตัว ตอนนี้โลกมารโลหิตของข้ามีอริยะถูกฆ่าตายแล้วสิบเก้าคน”
“ตามข่าวบอกว่าคนผู้นั้นมีนามว่ารั่วอู่ มาจากเผ่าวิหคชาด ไม่ว่าจะเป็นพลังพรสวรรค์หรือพลังต่อสู้ในตัวล้วนน่ากลัวเป็นที่สุด”
“ตอนนี้มีมกุฎอริยะเช่นเดียวกับท่านสามคนกำลังรุดหน้าไปหุบเขาลมน้ำแข็งจากที่ต่างๆ”
“หลังจากคุณชายเซวี่ยชิงอีรู้ข่าวนี้ ก็สั่งการลงมาว่าจะไม่ยอมให้หญิงสาวนามรั่วอู่คนนี้รอดชีวิตออกจากโลกมารโลหิต”
ผึ้งมารลายดำพูดเร็วๆ บอกเล่าสถานการณ์ทีละอย่าง
เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ เล่อเซวี่ยซิวพูดอย่างประหลาดใจว่า “เฮอะ สถานที่ทรุดโทรมเหมือนสวะอย่างดินแดนรกร้างโบราณ ยังมีมกุฎอริยะถือกำเนิดขึ้นด้วยหรือนี่”
ผึ้งมารลายดำเอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อจริงๆ”
เล่อเซวี่ยซิวนิ่งคิดแล้วพูดว่า “รอข้ารับเล่อมู่จิ้นกลับไป ค่อยไปหุบเขาลมน้ำแข็งเป็นอย่างไร”
ผึ้งมารลายดำกล่าง “สถานการณ์ฉุกเฉิน จะล่าช้าไม่ได้แม้แต่เค่อเดียว ท่านน่าจะรู้ดีว่าหากมกุฎอริยะคนหนึ่งหนีไปได้ คิดจะสังหารเขาเป็นเรื่องยากเย็นปานไหน ขอให้ใต้เท้าเล่อรีบไปโดยไวด้วย”
เล่อเซวี่ยซิวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ได้ ข้ารับปาก แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งให้เจ้าทำ”
ผึ้งมารลายดำพูดว่า “ขอใต้เท้าบัญชา”
“เจ้าใช้วิธีใดก็ได้พาเล่อมู่จิ้นกลับเมืองอารักษ์มรรค ยามแดนลับนรกโลกันตร์เปิดออก ข้าต้องการเห็นเขาเข้าไปในนั้นทันที”
พูดจบเงาร่างของเล่อเซวี่ยซิวไหววูบ เคลื่อนตัวไปในอากาศ
ตรงที่เดิมผึ้งมารลายดำทอดถอนใจในใจ ‘คุณชายเล่อมู่จิ้นตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าข้าบอกข่าวนี้ให้ท่านทราบ จะต้องทำให้เรื่องตามล่ารั่วอู่คนนั้นล่าช้าออกไปแน่…’
……
“อะไรนะ เล่อเซวี่ยซิวไปแล้วหรือ”
ที่ข้างหุบเหว พวกติงซานเหอใจเต้นระส่ำราวกับขจัดหินก้อนยักษ์ที่กดดวงใจเอาไว้
“นี่เป็นข่าวที่ผู้อาวุโสเผ่าข้าส่งมา ไม่ผิดแน่”
เฟิงผิงจื่อที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าเอ่ย “ข้าแนะนำว่าถือโอกาสที่เล่อเซวี่ยซิวยุ่งเกินกว่าจะสนใจเรื่องนี้ ต้องฆ่าหลินสวินนั่นให้ได้”
“ใช่ๆๆ”
ติงซานเหอพยักหน้าต่อเนื่อง แววดุร้ายผุดขึ้นในดวงตา “ยังต้องรบกวนเจ้าครั้งหนึ่ง เรียกรวมตัวผู้แข็งแกร่งเผ่างูมารทองคำทั้งหมดมา อีกอย่าง จับแพะสองขามาอีกหน่อย”
“คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ให้ไอ้สวะตัวจ้อยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว!”
พูดจนถึงตอนท้าย เสียงของติงซานเหอก็เจือความชิงชังที่ไม่ปิดบังแล้ว
“ได้!”
เฟิงผิงจื่อพยักหน้า
……
ในแดนลับวังใต้ดิน หลินสวินค่อยๆ ตื่นขึ้นจากการนั่งสมาธิ
“นายท่าน เสี่ยวเทียนปลุกอภินิหารพรสวรรค์แล้ว เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาอย่างหนึ่ง หลบเร้นชั่วพริบตาอีกอย่างหนึ่ง!”
ไกลออกไปเสี่ยวอิ๋นมาแจ้งข่าวดีด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เช่นนี้แล้วขอเพียงข้ากับเสี่ยวเทียนร่วมมือกัน ก็จะไปลอบจู่โจมอริยะได้!”
หลินสวินเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
เสี่ยวอิ๋นชี้หน้าตัวเอง พูดอย่างอหังการอย่างยิ่งว่า “นายท่าน อย่าลืมสิขอรับ ข้าเป็นราชันหนอนเผ่าหนอนกินเทพ ขอเพียงถูกข้าเจาะเข้าไปในจิตวิญญาณ ต่อให้เป็นอริยะก็สกัดการจู่โจมของข้าไม่อยู่!”
“แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ความระแวดระวังกับการตอบสนองตามสัญชาตญาณของอริยะน่ากลัวเกินไป หากข้าเคลื่อนไหวชั่วพริบตาสู้อริยะไม่ได้ ก็ไม่อาจเข้าไปในจิตวิญญาณของพวกเขาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์