หลินสวินและรั่วอู่ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นสหาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไร แต่นางกลับเหมือนหลินสวิน หลังจากรู้ข่าวว่าหลินสวินตกทุกข์ได้ยากก็เลือกจะมาช่วยอย่างเด็ดเดี่ยว
นี่จะไม่ให้หลินสวินไหวหวั่นได้อย่างไร
“เจ้าพักผ่อนรักษาบาดแผลให้เต็มที่ อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้”
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งค่อยตัดสินใจ
รั่วอู่พยักหน้าไม่พูดมากความ เริ่มนั่งสมาธิสงบจิต
อาการบาดเจ็บที่นางได้รับครั้งนี้รุนแรงเกินไป ถึงขั้นก่อความเสียหายต่อรากฐานมหามรรค ตอนนี้จะฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ก็ยังไม่อาจระบุ
แต่นางไม่นึกเสียใจเลย
จากมุมมองของนาง ในการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของสมรภูมิเก้าดินแดน ดินแดนรกร้างโบราณขาดหลินสวินไปไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่มีใครรู้ดีกว่านาง ขอแค่หลินสวินบรรลุมกุฎอริยะได้ อานุภาพที่มีในครอบครองจะน่ากลัวเพียงใด
สิบปีที่อยู่ในแดนมกุฎนั้น ต่อให้เป็นองค์ชายเซ่าเฮ่าที่เจิดจรัส ก็ยังไม่อาจสู้คมประกายของหลินสวินได้!
และก่อนจะเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน หลินสวินยังมีผลงานเอาชนะทูตต่างดินแดนทั้งหมดได้เพียงลำพัง ดันเขาขึ้นสู่บัลลังก์มกุฎอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ
ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นองค์ชายเซ่าเฮ่าหรือรั่วอู่ ก็ยังไม่อาจไม่ชื่นชม
เพียงแต่ต่อมาเมื่อองค์ชายเซ่าเฮ่าและนางทยอยก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะ จึงทำให้พวกเขาก้าวออกมาจากเงามืดที่หลินสวินสร้างไว้ได้ ทั้งนำหน้าหลินสวินในการเสาะหามรรคาไปก้าวหนึ่ง ได้รับการชื่นชมและยกย่องจากผู้คนนับไม่ถ้วนในดินแดนรกร้างโบราณ
แต่รั่วอู่รู้ดีว่าบางทีหลินสวินอาจจะไม่ได้ก้าวนำไปสู่ระดับมกุฎอริยะก่อน แต่ขอเพียงเขาก้าวสู่ระดับนี้ได้ ต่อให้เป็นนางหรือองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ยากจะไปสู้แสงเจิดจ้ากับหลินสวิน!
ดังนั้นครั้งนี้เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินติดอยู่ในป่าหลอมจิต นางจึงเปิดเผยร่องรอยทันที ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ดึงดูดมกุฎอริยะที่อยู่ในโลกมารโลหิตมา
จุดประสงค์ก็เพื่อแบ่งเบาอันตรายให้กับหลินสวิน
ความจริงการกระทำนี้ของรั่วอู่ก็ช่วยหลินสวินคลี่คลายปัญหาได้จริงๆ
อย่างเล่อเซวี่ยซิวเดิมก็คิดจะเข้ามาในป่าหลอมจิตเพื่อรับเล่อมู่จิ้นไป แต่ระหว่างทางด้วยได้ข่าวว่ารั่วอู่ปรากฏตัวที่หุบเขาลมน้ำแข็ง จึงไม่อาจไม่เปลี่ยนใจจากไปกลางทาง
ทำให้หลินสวินหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะถูกมกุฎอริยะโจมตีครั้งหนึ่งไปโดยปริยาย
‘ยังดีที่เขาอยู่รอดปลอดภัย…’
รั่วอู่ผ่อนคลายลง สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจนหมด จมอยู่ในห้วงสมาธิ
ผิวขาวกระจ่างเรียบเนียนของนางอาบเลือด ร่องรอยบาดแผลเต็มตัว ชุดสีแดงเพลิงที่สวมใส่ก็ขาดวิ่น ใบหน้างามซีดเผือดโปร่งแสง ดูซีดเซียวและน่าอนาถผิดธรรมดา
หลินสวินเห็นอยู่ในสายตา รู้สึกสะท้อนใจยิ่งกว่าเดิม
หากไม่ใช่เพื่อช่วยตน ด้วยศักยภาพของนางตอนนี้ ไหนเลยจะถูกมกุฎอริยะเจ็ดคนกัดไม่ปล่อยมาตลอดทาง
‘นายท่าน เป็นไปได้สูงว่าฐานมรรคของนางจะเสียหายแล้ว’
เสี่ยวอิ๋นรู้สึกว้าวุ่นใจ
หลินสวินสูดหายใจลึกกล่าว ‘วางใจเถอะ ไม่ว่าต้องใช้วิธีอะไร ข้าก็จะช่วยนางฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้กลับมาสมบูรณ์’
…
ในช่วงเวลาต่อมารั่วอู่พักอยู่ในแดนลับวังใต้ดิน
โลกภายนอกสถานการณ์ปรวนแปร แต่กลับไม่ส่งผลพวกหลินสวินอย่างสิ้นเชิง
ในสระที่ไอคลุมเครืออบอวล ผีเสื้อมารแยกฟ้ากำลังดูดพลังของอสูรอริยะอากาศ ร่างบางงามแปลกตาส่องแสงระยับผุดผ่อง
เสี่ยวอิ๋นก็กำลังฝึกอย่างเต็มที่
เขารู้ว่าแม้ในแดนลับวังใต้ดินอาจปลอดภัยหาใดปรียบ แต่เมื่อจากไปจะต้องเผชิญหน้ากับเคราะห์สังหารน่ากลัวที่ไม่อาจจินตนาการ
ด้วยมีมกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกเล่อเซวี่ยซิวกำลังปิดล้อมพื้นที่ใกล้หุบเหวอยู่
หลินสวินก็กำลังหยั่งรู้นัยเร้นลับบรรลุอริยะที่ประทับอยู่ใน ‘อริยะนำพา’ ยามที่มกุฎอริยะทุกคนบรรลุอริยะ พิบัติเคราะห์ที่ชักนำมาจะต่างกันไป
นี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความแตกต่างของมรรคาที่พวกเขาเสาะหา
แต่หลินสวินได้พบจุดร่วมกันอย่างหนึ่ง ในสมัยดึกดำบรรพ์ ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่จะบรรลุมกุฎอริยะล้วนต้องตั้งปณิธานบรรลุอริยะ
ก็เหมือนกับชายหนุ่มจักจั่นทอง ปณิธานที่เขาตั้งไว้คือ ‘หวังว่าสักวันหนึ่งสรรพชีวิตทั่วหล้าจะได้บรรลุอริยะ’!
อย่างจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนก็เป็น ‘ตั้งใจทำเพื่อฟ้าดิน สร้างสันติสุขให้ใต้หล้า’!
หรืออย่างจักรพรรดิสงครามอู๋ยางก็เป็น ‘สกัดง้าวด้วยการสังหาร’
ปณิธานพวกนี้มีความยิ่งใหญ่ของตนเองซ่อนอยู่
แต่ในสายตาของหลินสวิน ไม่ว่าจะตั้งปณิธานบรรลุอริยะอะไร ก็เป็นแค่เป้าหมายหนึ่งบนหนทางสู่มรรคเท่านั้น
เป้าหมายนี้ต่างกันไปตามบุคคล ไม่ถึงขั้นมีการแบ่งลำดับสูงต่ำ แต่ก็ใช่ว่าปณิธานยิ่งสะเทือนใต้หล้าแล้วจะยิ่งดี
สิ่งสำคัญอยู่ที่ปณิธานนี้มาจากเจตนารมณ์หรือไม่!
หากฝืนเจตนารมณ์ตัวเอง ปณิธานก็คือบุปผาในคันฉ่องจันทราในวารี ต่อให้บรรลุอริยะ ภายหน้าก็จะขัดแย้งกับสภาวะจิตของตัวเอง ประสบความสำเร็จได้ไม่มากนัก
ในทางกลับกันปณิธานที่มาจากเจตนารมณ์ ต่อให้ดูเล็กน้อยแค่ไหน แต่เพียงบรรลุอริยะก็จะอยู่ในหนทางฝึกปราณได้อย่างราบรื่น
เหมือนบุคคลระดับจักรพรรดิคนหนึ่งที่มีนามว่า ‘หลงเฮ่า’ ซึ่งบันทึกอยู่ใน ‘อริยะนำพา’ ปณิธานที่เขาตั้งไว้ยามบรรลุอริยะคือ
‘เมื่อข้าบรรลุอริยะ หวังเพียงข้าไม่ดับสูญ ได้ปกปักคุ้มครองเผ่าของข้าให้ปลอดภัยไร้กังวล!’
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเช่นนี้ ปณิธานที่ตั้งไว้ในตอนนั้น ก็แค่อยากปกป้องคุ้มครองเผ่าของตนให้อยู่เย็นเป็นสุขเท่านั้น
พูดไปแล้วอาจพาให้คนหยามเหยียด
แต่ก็ด้วยปณิธานเช่นนี้ที่ทำให้หลงเฮ่าบรรลุอริยะ กระทั่งหลอมสร้างหนทางแห่งจักรพรรดิได้สำเร็จ!
“เมื่อข้าบรรลุอริยะ…”
ครู่ใหญ่หลินสวินก็พึมพำ แววตาล้ำลึกเจือความใคร่ครวญ อึ้งงันอยู่ตรงนั้น
ตอนเด็กเขาแค่อยากรู้ชาติกำเนิดของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์