Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1521

แดนลับวังใต้ดิน

“จวนจะสองเดือนแล้ว นายท่านเขาก็แค่ไตร่ตรองปัญหาเกี่ยวกับปณิธานอริยมรรคเท่านั้น เหตุใดจนป่านนี้แล้วยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก”

เสี่ยวอิ๋นขมวดคิ้ว ค่อนข้างกังวลใจ

เทพธิดารั่วอู่ก็ประหลาดใจน้อยๆ เช่นกัน นางเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก เชื่อว่าจากสติปัญญาของเขาต้องไม่ถูกปัญหาข้อเดียวเหนี่ยวรั้งแน่”

สวบ!

ไกลออกไป ผีเสื้อมารแยกฟ้าโรยตัวลงมา

“เสี่ยวเทียน เจ้าแปรสภาพอีกแล้วหรือ”

นัยน์ตาเสี่ยวอิ๋นวาววับ

ผีเสื้อมารแยกฟ้าในยามนี้ ปีกทั้งคู่เหมือนสร้างขึ้นจากหยกดำบริสุทธิ์ บนปีกมีแสงมรรคเร้นลับไหลเวียน

ร่างกายของมันแบบบาง ยามสยายปีกก็ขนาดแค่ฝ่ามือ แต่พร้อมๆ กับที่มันกระพือปีก ห้วงอากาศใกล้เคียงก็ถูกรบกวนเหมือนระลอกคลื่น

รั่วอู่กล่าวอย่างตกใจ “อมตะเคราะห์ด่านเก้าขั้นสมบูรณ์ ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถเหยียบย่างระดับมกุฎราชัน ความเร็วในพัฒนาการช่างน่าทึ่งนัก!”

แรกเริ่มเดิมทีตอนที่นางเห็นผีเสื้อมารแยกฟ้าครั้งแรก ฝ่ายหลังเพิ่งจะเหยียบย่างระดับอมตะเคราะห์เท่านั้น

แต่เวลาเพียงสองเดือนสั้นๆ มันก็บรรลุถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าขั้นสมบูรณ์!

ความเร็วในการเลื่อนระดับเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึง สะเทือนอดีตสะท้านปัจจุบัน ถึงขั้นหากแพร่ออกไปคงไม่มีใครเชื่อ

“ก่อนจำศีลข้าก็ได้ครองรากฐานพลังบรรลุอริยะแล้ว ยามนี้เพียงแค่ปลุกรากฐานพลังแห่งตนให้ตื่นขึ้นมาก็เท่านั้น”

เสี่ยวเทียนเก็บปีก โรยลงไปที่หัวไหล่ของเสี่ยวอิ๋นอย่างแผ่วเบา

“ยิ่งกว่านั้นข้ายังดูดซับพลังของซากศพอสูรอริยะอากาศระดับกึ่งจักรพรรดิศพหนึ่ง เลื่อนระดับถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล”

เสี่ยวอิ๋นและรั่วอู่ต่างจนคำพูด

นี่ยังถือว่าปกติหรือ

และในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวอิ๋น รั่วอู่ หรือเสี่ยวเทียนก็พากันอึ้งไป สายตาต่างมองไปยังบริเวณไกลออกไปตามๆ กัน

ที่ตรงนั้นหลินสวินที่เหมือนรูปปั้นแกะสลักเรื่อยมาลืมตาขึ้นมาแล้ว ทั่วร่างแผ่ระลอกคลื่นเร้นลับคลุมเครืออย่างหนึ่ง

เขาหยัดกายขึ้นเต็มความสูง เอามือไพล่หลัง สีหน้าอึ้งงัน แหงนมองเวิ้งฟ้า คล้ายยังคงขบคิดปัญหายากแสนยากอย่างหนึ่งอยู่ เห็นได้ชัดว่าผิดปกติยิ่ง

“นายท่านเขา…”

เสี่ยวอิ๋นตั้งท่าจะพูดก็ถูกรั่วอู่ห้ามไว้

เนตรดาราของนางทอประกายคล้ายมายา เพ่งมองหลินสวิน สื่อจิตกล่าว ‘นายท่านของเจ้าอาจจะกำลังแจ้งมรรค’

แจ้งมรรค!

สองคำสั้นๆ ทำให้หัวใจเสี่ยวอิ๋นสะท้านไหวรุนแรง

“พวกเราถอยห่างจากที่นี่ก่อน”

รั่วอู่กล่าวพลางพาเสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนค่อยๆ ย้ายไปยังจุดที่ไกลออกไป คราวนี้จึงสื่อจิตกล่าว

‘ระลอกคลื่นคลุมเครือที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุดของพลังรอบกาย ไม่ผิดจากที่คาด เคราะห์อริยะที่เป็นของเขาอาจกำลังมาเยือนแล้ว…’

น้ำเสียงเพิ่งสิ้นสุดก็เห็นแววเหม่อลอยในสีหน้าหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปหายลับสิ้น ถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นสุดขั้ว

หลังจากนั้นริมฝีปากของเขาก็เปล่งเสียงธรรมออกมา

“ยามข้าบรรลุอริยะ…”

ตูม!

เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ พลังเข่นฆ่าน่าสะพรึงที่ไม่อาจบรรยายได้สายหนึ่งก็มาเยือนปุบปับ

เสี่ยวอิ๋นขนลุกขนชันทั้งตัว ร่างกายแข็งทื่อ มีความรู้สึกหวาดกลัวจนวิญญาณจะหลุด แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น

ปีกของเสี่ยวเทียนสยายกว้างทันควัน แต่จากนั้นก็หุบลงอีกครั้ง ร่างกายกำลังสั่นเทิ้มเสมือนถูกสะท้านสะเทือนไปด้วย ใกล้จะฝืนประคองไม่ไหว

ต่อให้เป็นรั่วอู่ที่เหยียบย่างระดับมกุฎราชันแล้ว เนตรดาราก็ยังหดรัด ตระหนักได้ถึงการมาเยือนของอันตรายสุดขีด

นางพาเสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนหลบเลี่ยงไปไกลๆ อีกครั้งโดยไม่ลังเล

“นี่คือเคราะห์อะไร”

เสี่ยวอิ๋นหวาดผวา

ไร้รูปไร้สัมผัส ไร้สีไร้ร่องรอย มองไม่เห็นเลยสักนิด แตะต้องไม่โดน สัมผัสไม่ถึง แต่กลับสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเคราะห์นี้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

“หายากยิ่งจริงๆ… ไม่ เป็นพิบัติเคราะห์ที่น่าเหลือเชื่อและแปลกพิสดารที่แม้แต่ข้ายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าตอนที่บรรลุมกุฎอริยะใครจะสามารถชักนำให้มาเยือนได้”

ดวงหน้างานของเทพธิดารั่วอู่เปี่ยมด้วยแววเคร่งขรึม

ในความรู้ความเข้าใจของนาง ไม่ว่าใครข้ามด่านเคราะห์ จะต้องชักนำเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้า หลังจากนั้นอสนีเคราะห์จะมาเยือน เข่นฆ่าลงมา

เหมือนอย่างตอนที่นางข้ามด่านเคราะห์บรรลุอริยะ ก็ชักนำอสนีเคราะห์อริยะเก้าชั้นฟ้า แบ่งออกเป็นหกเคราะห์เล็กและสามเคราะห์ใหญ่ รวมเป็นพิบัติเคราะห์เก้าด่าน

อสนีเคราะห์แต่ละด่านล้วนมีอานุภาพทำลายโลก

หนำซ้ำอสนีเคราะห์ยิ่งน่าสะพรึงขึ้นในแต่ละด่าน

ตอนนั้นเพื่อข้ามด่านเคราะห์ นางเตรียมวิธีรักษาชีวิตไว้มากมาย เช่นลูกกลอนโอสถแห่งยุค ศาสตราจิตคมกริบเป็นต้น ถึงขั้นยังเชิญเฒ่าดึกดำบรรพ์หลายคนมาเป็นผู้คุ้นกันให้นาง

ต่อให้เป็นเช่นนี้ ยามที่ข้ามด่านเคราะห์ก็ยังประสบมหาภัยใหญ่หลวงอยู่ดี เรียกได้ว่าจะตายแหล่มิตายแหล่

จนกระทั่งยามที่ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ นางแทบจะอยู่ในอาการร่อแร่

และจากที่รั่วอู่รู้มา ยามที่องค์ชายเซ่าเฮ่าข้ามเคราะห์บรรลุอริยะก็เป็นคล้ายๆ เช่นนี้ เพียงแต่พิบัติเคราะห์ที่เผชิญแตกต่างกันเท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าเคราะห์บรรลุอริยะที่หลินสวินประสบ ไม่เหมือนกับพวกเขาเลย!

ไม่มีเมฆาเคราะห์ ไม่มีอสนีเคราะห์ และไม่มีอานุภาพทำลายล้างที่สะเทือนฟ้าดิน แค่มาเยือนอย่างไร้สุ้มเสียง ไร้รูปไร้สัมผัสเท่านั้น!

และนี่ ก็เป็นเพียงเพราะเขาพูดว่า ‘ยามข้าบรรลุอริยะ’ เท่านั้น!

‘หลายวันมานี้ปณิธานอริยมรรคที่เขาใคร่ครวญคืออะไรกันแน่ เหตุใดถึงเกิดพิบัติเคราะห์ที่น่าสะพรึงแปลกพิสดารปานนี้’

หัวใจรั่วอู่รัดเกร็ง

พรวด!

พูดเหมือนช้าแต่กลับเร็วยิ่ง เมื่อเอ่ยหนึ่งประโยคออกมา ก็เห็นร่างกายหลินสวินเหมือนถูกมีดแหลมคมกรีดเฉือน ปรากฏบาดแผลเบียดเสียดแน่นขนัด เลือดสดไหลกระเซ็นปานน้ำตก

พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นมนุษย์โชกเลือดไปแล้ว!

“นายท่าน!”

เสี่ยวอิ๋นร้องอุทาน ตั่งท่าจะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือ

รั่วอู่ขวางเขาไว้ทันที สีหน้าเคร่งขรึมขึงขัง “เจ้าไปตอนนี้ ก็เท่ากับทำลายกระบวนการข้ามด่านเคราะห์ของเขา!”

เสี่ยวอิ๋นหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด ร้อนรนดุจไฟเผา

กลับเห็นว่าหลินสวินที่อยู่ไกลๆ ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าล้วนราบเรียบอย่างที่สุด ทั่วร่างของเขาอาบเลือด บาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่รู้สึกรู้สา ริมฝีปากเอ่ยหนึ่งประโยคออกมาอีกครั้ง

“ใจข้า คือใจฟ้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์