ตูมโครม!
ฟ้าดินสะท้าน ปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิง
ปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าเคลื่อนขวางตัดสลับ แผ่แสงกระบี่เจิดจ้าเรืองรอง เข่นฆ่าไม่ยั้ง คมกริบไร้ทัดเทียม อานุภาพไม่อาจต้านทาน
ทว่าเมื่อมองดูอย่างถี่ถ้วน ยามที่ปราณกระบี่หนาแน่นมากมายเข้าเข่นฆ่า กลับเปี่ยมด้วยจังหวะจะโคนที่ลี้ลับและวิเศษอัศจรรย์
ทุกช่วงจังหวะดุจกองทัพม้านับพันตัวที่พุ่งทะยานเข้าสนามรบ!
ตูม!
กระบี่ไท่เสวียนสามพันสายจังหวะแรก ศิลาสีเลือดหนึ่งร้อยแปดก้อนที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกตัดแหลกลาญหมดเกลี้ยง เฉียบขาดชัดเจนราวมีดหั่นเต้าหู้
เล่อเซวี่ยซิวกระอักเลือด เงาร่างซวนเซถอยกรูด
กระบี่ไท่เสวียนสามพันสายจังหวะที่สอง กระบี่สีชาดที่ประทับลายมรรคแน่นขนัดสายหนึ่งเหมือนเหยื่อที่ถูกฝูงฉลามกัดทึ้ง กลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา ระเบิดเกลี้ยงหายลับ
เสอไท่สิงในชุดสีเขียวโอ่อ่าผ่าเผยหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ริมฝีปากส่งเสียงอัดอั้นออกมา ถอยกรูดโดยพลัน สีหน้าซีดขาว
และยามปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายเคลื่อนไหวในจังหวะที่สาม
ก็ได้ยินเสียกึกก้องสะเทือนฟ้าดินสายหนึ่ง ห้วงอากาศตรงนั้นแหวกเปิด ระลอกคลื่นอริยมรรคดุจทำลายล้างหอบม้วนออกไป
พื้นที่สิบทิศล้วนสั่นสะเทือน!
จากนั้นมกุฎอริยะสามคนอย่างเฟิงอวิ๋นเชวีย เฮ่อชิงไหว ชางสิงคุนล้วนส่งเสียงลั่นอย่างเจ็บปวดออกมา ถูกซัดถอยออกจากสนามรบ
ปราณกระบี่เข้าเข่นฆ่าสามครั้ง อันที่จริงล้วนเกิดขึ้นในอึดใจเดียว ความรู้สึกที่มอบให้แก่ผู้คนก็คือ หลังจากหลินสวินเรียกปราณกระบี่สามพันสายออกมา กระบวนท่าเดียวก็แหวกทะลวงศัตรูแปดทิศ!
อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ศัตรูทัดเทียมระดับนั้น ท่วงท่าที่หยิ่งผยองเหนือใต้หล้า สะท้านสะเทือนทุกคนในที่นี้
“นายท่านเขา… ช่างแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”
เสี่ยวอิ๋นยังปากอ้าตาค้าง
“นี่สิถึงจะเป็นระดับมกุฎอริยะอย่างแท้จริง และก็เป็นเป้าหมายที่ข้าเพียรบำเพ็ญเสาะแสวงหามาชั่วกาลเวลาพอดีด้วย”
เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อมารแยกฟ้าก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เริ่มขยับสยายปีก งึมงำเหม่อลอย
“ดูท่า พวกเราแค่ชมการต่อสู้ก็พอแล้ว…”
มุมปากของรั่วอู่ขยับโค้ง เนตรดาราเปี่ยมด้วยแววประหลาด นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าเมื่อหลินสวินบรรลุมกุฎอริยะจะต้องโดดเด่นเฉิดฉายมากเป็นแน่
ทว่าเมื่อได้เป็นพยานเห็นอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ที่เขาปลดปล่อยออกมาในการต่อสู้ ก็ยังทำให้นางรู้สึกตกใจและสั่นสะท้านหาใดเปรียบอยู่ดี
นี่ ก็คือหนทางมกุฎอริยะที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวหรือ
ท่ามกลางฝุ่นควันคละคลุ้ง ปรากฏเงาร่างของหลินสวินอย่าชัดเจน
ร่างของเขามีแสงพิสุทธิ์ประดุจอริยเทพไม่ดับสูญไหลเวียน ไร้มลทิน ผุดผ่องโปร่งแสง แผ่อานุภาพที่สามารถทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีออกมา
เพียงแต่เวลานี้เขากลับยกมือขึ้น รักษาการเคลื่อนไหวแปลกพิกลที่ปิดครอบอย่างหนึ่ง
และเบื้องล่างใต้ฝ่ามือเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับเป็นพวกนั้น!
เห็นได้ชัดว่าในการปะทะสนั่นโลกก่อนหน้านี้ ขณะที่หลินสวินโจมตีแหวกทะลวงการเข่นฆ่าของเหล่าศัตรู ยังแบ่งพลังมาปกป้องผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้เอาไว้ ทำให้พวกเขารอดพ้นอันตราย
นี่ทำให้รั่วอู่สะเทือนอารมณ์ทันใด
จนป่านนี้แล้วเขายังมีใจอยากปกป้องคุ้มครอง ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ… ช่างโชคดียิ่ง!?
สวบ!
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้ก็ถูกเขาเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้ารั่วอู่ ส่วนเขาก็ทอดสายตามองไปทางพวกเล่อเซวี่ยซิว
“ได้ยินว่าในดินแดนโบราณมารโลหิตมกุฎมรรคาไม่เคยขาดสะบั้น ทว่ายามนี้ ดูเหมือนมกุฎมรรคาที่พวกเจ้าเหยียบย่างก็แค่เท่านี้ ไม่ควรค่าให้ชายตามอง!”
เสียงราบเรียบดังก้องทั่วลาน ดุจดั่งสัทครรลองมหามรรคก้องสะท้อนสี่ทิศ
พวกเล่อเซวี่ยซิวแต่ละคนสีหน้าดำทะมึนไม่นิ่ง ไม่น่าดูอย่างที่สุด
ในใจพวกเขายากจะสงบ ม้วนตลบราวระลอกคลื่นโหมคลั่ง มดปลวกที่เดิมคาดเดาว่าไม่มีทางบรรลุมกุฎอริยะได้เด็ดขาด ดันบรรลุมกุฎอริยะได้อย่างวิเศษอัศจรรย์
นี่เดิมก็ทำเอาพวกเขายากจะทำใจเชื่ออยู่แล้ว
และยามนี้ มดปลวกที่เพิ่งเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะคนนี้ พลังที่สำแดงออกมายิ่งกร้าวแกร่งอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งทำให้พวกเขายากจะยอมรับ!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
พวกเขาตีหัวจนแตกก็คิดไม่ออก!
“ปล่อยให้เจ้าโชคดีได้บรรลุอริยะ เป็นเรื่องชวนประหลาดใจจริงๆ แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกข้าไม่มีปัญญาทำอะไรเจ้า”
เล่อเซวี่ยซิวสีหน้ามืดทะมึน พูดชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารผุดเผย
“เช่นนั้นก็มาสู้!”
การตอบสนองของหลินสวินง่ายดายยิ่ง กระชับได้ใจความ ทรงพลังก้องกังวาน
อาภรณ์ของเขาโบกสะบัด แม้จะยืนอยู่ตามลำพังแต่กลับมีอานุภาพค้ำฟ้าหยัดดิน หมื่นทหารไม่อาจกล้ำกราย
“เฮอะ!”
พวกเล่อเซวี่ยซิวสีหน้าดำมืด
มดปลวกที่ถูกพวกเขาดูแคลน ปุบปับก็กลายเป็นมังกรหาญเช่นเดียวกับพวกเขา นี่เดิมก็ทำให้ในใจพวกเขายากจะยอมรับอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดที่ยั่วยุเต็มเปี่ยมของหลินสวิน ยิ่งทำให้พวกเขาเจ็บแค้นล้นเหลือ
“ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเจ้าก็แค่ตัวคนเดียว เพิ่งจะเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ คิดจริงๆ หรือว่าจะไร้ศัตรูในระดับนี้”
เสอไท่สิงในชุดสีเขียวนัยน์ตาวาววับ กล่าวเสียงเย็นว่า “วางโตโอหัง จะเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”
การโรมรันก่อนหน้านี้ ถึงแม้ฝ่ายพวกเขาจะมีคนบาดเจ็บ แต่ว่ากันถึงแก่นแล้วก็แค่ถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น
หนำซ้ำอาการบาดเจ็บเหล่านี้ก็ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ
ฉะนั้นแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลินสวินกร้าวแกร่ง แต่ก็ไม่หวาดหวั่นกริ่งเกรง
“ไร้ศัตรูในระดับนี้?”
หลินสวินได้ยินเช่นนี้กลับขบคิดอย่างจริงจังคราหนึ่ง จากนั้นริมฝีปากก็เอ่ยสี่คำออกมา
“นับวันรอได้!”
สี่คำ ในความราบเรียบแฝงด้วยท่าทีที่มั่นใจไร้ศัตรู
พวกเล่อเซวี่ยซิวต่างขมวดคิ้ว เหมือนได้ยินคำพูดน่าขันที่ตลกที่สุดในโลก ไม่รู้ควรบอกว่าหลินสวินบ้าระห่ำหรือไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกันแน่
ทอดสายตาไปยังเหล่ามกุฎอริยะแท้ทั้งหมดในแปดดินแดน ใครกล้าบอกว่าตนไร้ศัตรู ใครกล้าพูดว่าไม่มีทางแพ้บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์