สำหรับศัตรูแล้ว ความแข็งแกร่งที่หลินสวินมีหลังจากบรรลุอริยะช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป เรียกได้ว่าพลิกฟ้า
แต่สำหรับหลินสวิน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เดิมทีก็สมควรได้รับอยู่แล้ว หลังจากที่เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในอดีตที่ผ่านมา!
เพื่อมกุฎมรรคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในระดับอมตะเคราะห์ ความแน่นหนาของรากฐานที่หลินสวินสั่งสมมา เพียงพอจะทำให้คนรุ่นเดียวกันคนใดก็ตามรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า
ในห้องโถงมรรคาสวรรค์ เขาหยั่งถึงขอบเขต ‘สรรสร้างจากความว่างเปล่า’ ในด่านที่แปดของทางเดินเมฆาหยก เข้าใจถึงการมีอยู่และไม่มี รังสรรค์หลักการแห่งความเป็นความตาย
ในทางเดินเมฆาหยกด่านที่เก้า เขาผ่านวัฏจักรแห่งการ ‘เคาะใจถามความจริง’ บากบั่นทะลวงความจริงเท็จ สำรวจความว่างเปล่า ได้เห็นความจริงแห่งตน
ในสมรภูมิกระหายเลือด เขาอยู่บนยอดเขาพินิจมรรค หยั่งมรรคหนึ่งเดือน ทำให้หยั่งถึงมหามรรคที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์อธิบายไว้
ในการเคี่ยวกรำหน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์บนบันไดเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น เขาปลุกอภินิหารพรสวรรค์สำเร็จ ได้รับการชี้แนะจากชายหนุ่มจักจั่นทองที่มีปราณระดับจักรพรรดิ ทลายเคราะห์มรรคตัดขาด
หลังจากกลับไปดินแดนรกร้างโบราณ เขาท่องทั่วหล้า สัมผัสความเป็นไปของสรรพชีวิตในโลกปุถุชน ดื่มด่ำความงามแห่งฟ้าดินกลางภูผาธารา
ในเมืองเล็กอันไกลโพ้น เขาใช้มรรคแห่งหินสลักหลอมจิต…
ในแดนลับวังใต้ดิน การเคี่ยวกรำของเรือนสังหารจิตทำให้เขาสามารถสังหารความชั่วร้ายในจิตใจ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้สภาวะจิตแปรเปลี่ยน…
การเคี่ยวกรำของหอยอดมรรค ทำให้เขาเคี่ยวกรำมหามรรคแห่งตน บังคับได้ดั่งใจ ก่อสร้างฐานแห่งกายมรรคสำเร็จ!
…
การเคี่ยวกรำทั้งหมด ก็เหมือนการตกตะกอนมหามรรคครั้งแล้วครั้งเล่า
พริบตาที่เคราะห์มกุฎอริยะมาเยือน หลินสวินก็หยั่งถึงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ใช้ปณิธานอริยมรรคเป็นตัวนำ ทลายเคราะห์อริยะแห่งยุคที่ไร้รูปไร้สี ทำให้มรรคาสามสายอย่างหลอมปราณ หลอมกาย หลอมจิตบรรลุมกุฎอริยะในคราเดียว!
‘ยามข้าบรรลุอริยะ ใจข้าคือใจฟ้า มรรคข้าคือมหามรรค!’
ปณิธานอริยมรรคระดับนี้ ถูกมองเป็นสิ่งที่เหมือนของต้องห้ามนานแล้ว
แต่ขณะเดียวกัน พริบตาที่หลินสวินเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะ ทำให้เขาก้าวสู่หนทางแห่งมหามรรคที่ต่างจากมกุฎอริยะคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง!
การเคี่ยวกรำ แปรเปลี่ยน ตกตะกอน หยั่งถึงทั้งหมดนี้… ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์มากมาย และตอนนี้หลังจากหลินสวินบรรลุอริยะ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้…
ก็เริ่มเบ่งบานออกผล!
ตูมโครมๆ!
กลางสนามรบห้วงอากาศสั่นสะเทือน แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ม้วนตลบ มีเพียงหลินสวินสำแดงยุทธ์ กรำศึกกลางฟ้าดิน กดข่มจนมกุฎอริยะทั้งกลุ่มล้วนเงยหน้าไม่ขึ้น
“เมื่อครู่นายท่านของเจ้าพูดวว่าอะไรนะ”
จู่ๆ รั่วอู่ก็เอ่ยถาม
เสี่ยวอิ๋นที่กำลังชมการต่อสู้อย่างเมามันอึ้งไป จากนั้นก็กล่าวอย่างทระนง “การเรียกว่าไร้ศัตรูในระดับมกุฎอริยะแท้ เป็นสิ่งที่นับวันรอได้!”
รั่วอู่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ส่วนลึกของเนตรดารามีประกายหลากสีไหลเวียน “ข้าเชื่อ!”
เพียงแค่ชมการต่อสู้ ฝีมือที่หลินสวินสำแดงอออกมาก็ทำให้นางสะท้าน ยากจะทำใจเชื่อแล้ว ไม่อาจจิตนาการว่านี่คือพลังต่อสู้ที่ผู้แข็งแกร่งซึ่งเพิ่งเหยียบย่างระดับมกุฎอริยะจะมีได้
“เจ้าหมอนี่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ!”
ชางสิงคุนเดือดดาลตะโกนลั่น ในใจสั่นเทิ้ม
“เจ้าหมอนี่คือดาบมารเล่มหนึ่ง ยืมพลังของพวกเราเป็นหินลับดาบฝนคม จะปล่อยเขาไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
เล่อเซวี่ยซิวตะโกนเสียงดังสนั่น
การกำราบที่พวกเขาได้รับยิ่งแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ จวนจะโงหัวไม่ขึ้น
“มีแต่ต้องสู้สุดแรงแล้ว!”
มกุฎอริยะเจ็ดคนลงมือสุดกำลังโดยไม่ลังเล หมายพลิกสถานการณ์ เปลี่ยนแปลงสภาพที่ถูกสยบกำราบ
กลางห้วงอากาศ วิชามรรค สมบัติต่างๆ ลอยไปมา ลำแสงหมื่นจั้งอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไพศาล! อานุภาพระดับนั้นสามารถทำให้อริยะแท้คนใดก็ตามถูกกำจัดได้อย่างง่ายดาย
แต่ทันทีที่พลังโจมตีทั้งหมัดนี้เข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกหุบเหวใหญ่ที่วิวัฒน์ออกมารอบกายเขากลืนกิน ดับสิ้นไป
คล้ายกับวัวโคลนจมสู่ทะเล!
“ทลาย!”
เสอไท่สิงในชุดสีเขียวสู้สุดกำลังแล้ว
ใบหน้าเขาแดงก่ำ ผมดำทั่วศีรษะกลายเป็นนสีขาวน้ำค้างหิมะในชั่วพริบตา ส่วนกลิ่นอายของเขาก็ทะยานสูงขึ้น กร้าวแกร่งขึ้นหนึ่งช่วงใหญ่ในทันที
“ประกายดาราชี้นำ!”
ประกายกระบี่สีชาดอันเจิดจ้ายืดขยายออกจากกลางฝ่ามือของเขาทีละส่วน ทุกครั้งที่ยืดขยายออกมา ความกร้าวแกร่งในปราณกระบี่ของเขาก็พุ่งปะทุขึ้นหนึ่งช่างใหญ่
และเมื่อประกายกระบี่สีชาดนี้แปลงออกมาถึงสามฉื่อ ก็เหมือนแสงที่พร่างพราวที่สุดสายหนึ่ง ส่องสะท้อนโลกมนุษย์ ห้วงอากาศรอบบริเวณคล้ายแบกรับแรงกดดันในปราณกระบี่นั้นไม่ไหว ปริแตกระเบิดออกทันที
ทุกคนในที่นี้ต่างขนลุกอย่างอดไม่อยู่
ปราณกระบี่ระดับนี้ เพิ่งจะปรากฏก็มีอานุภาพขนาดนี้แล้ว หากตอนที่ฟาดฟันออกไป จะมีพลังสังหารน่าสะพรึงปานใด
ฟึ่บ!
เสอไท่สิงผมเผ้าหนวดเคราปลิวสะบัด พ่นเลือดใส่ประกายกระบี่สีชาดสามฉื่อเล่มนี้โดยพลัน
ตูม!
ชั่วอึดใจนั้นประกายกระบี่ดุจดั่งฟื้นคืนชีพ เสมือนคมกระบี่แห่งการสังหารที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของทะเลเลือดนรกโลกันตร์ กลิ่นอายน่าสะพรึงนั่นทำเอาฟ้าดินแถบนี้สะท้านสะเทือน
ต่อให้เป็นรั่วอู่ที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ สีหน้าก็ยังเปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้
“ไป!”
พร้อมๆ กับการตวาดของเสอไท่สิง ประกายกระบี่สีชาดสามฉื่อพุ่งออกมา รูปร่างของมันเหมือนอสนีชาด อานุภาพของมันดั่งธารสายรุ้ง กลิ่นอายดุดันปั่นป่วนจักรวาล สะท้านธารดารา
กระบี่นี้ สามารถทำให้เทพผีแตกตื่น!
กระบี่นี้ เป็นการโจมตีที่มกุฎอริยะอย่างเสอไท่สิงควบรวมพลังทั้งหมด ประทับสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งตัวของเขา!
หลินสวินที่กำลังสำแดงยุทธ์หลอมมรรคยังอดเผยสีหน้าแปลกใจออกมาไม่ได้
เวลานี้ฝ่ามือเขากำลังควบรวมเป็นประทับฝ่ามือหนึ่งพอดี
ประทับฝ่ามือนี้กำลังใช้นิ้วหัวแม่มือทำมุทรากับนิ้วกลาง ยามมองเห็นประกายกระบี่สีชาดสายนี้จึงยื่นออกไปส่งๆ แล้วเด็ดเบาๆ คราหนึ่ง
เสมือนกำลังเด็ดกลีบดอกไม้กลีบหนึ่ง การเคลื่อนไหวแผ่วเบา พลิ้วลอย ว่างเปล่า
หนึ่งดรรชนีเด็ดบุปผา!
มรดกลับสำนักพุทธวิชาหนึ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติ เก็บเด็ดอย่างแผ่วเบาพลิ้วไหว แต่กลับเปี่ยมด้วยท่วงทำนองธรรมอันเป็นอิสระและชาญฉลาด
จากนั้น ภายใต้สายตาตื่นตะลึงที่จับจ้องของทุกคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์