สุดท้ายมีมกุฎอริยะหนีออกไปได้?
นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เรื่องสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ข้าก็ไม่เคยคิดปิดบังตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพียงแต่จนถึงตอนนี้ศัตรูจากแปดดินแดนเพิ่งจะเริ่มไหวตัว กลับทำให้ข้าค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง”
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่พากันอึ้งไป
“พี่เซ่าเฮ่า จากนี้เจ้าแค่สงบใจรักษาอาการบาดเจ็บก็พอ เรื่องอื่นมอบให้ข้าจัดการเถอะ”
หลินสวินไม่ได้อธิบายอะไร กล่าวกำชับว่า “นอกจากนี้ยังต้องรบกวนแม่นางรั่วอู่ช่วยข้ากระจายข่าวหนึ่งด้วย”
“เรื่องอะไร”
รั่วอู่สงสัยใคร่รู้
“บอกไปว่าข้าหลินสวินจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ในอีกสามเดือนข้างหน้า!”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง เอ่ยปากเสียงเรียบ
“อะไรนะ”
รั่วอู่และเซ่าเฮ่าต่างพากันตกใจ “นี่ถ้าเกิดถูกศัตรูรู้เข้า…”
“ข้าก็อยากให้พวกเขารู้นั่นแหละ”
หลินสวินกล่าว “แน่นอน การทำเช่นนี้ยังมีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก นั่นก็คือให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในตอนนี้รู้ข่าว และมุ่งหน้ามาร่วมดำเนินการกับพวกเรา”
“หากศัตรูยกทัพใหญ่มารุกราน ลำพังแค่กำลังของพวกเราในตอนนี้เกรงว่ายากจะต้านทานไว้ได้”
เซ่าเฮ่าขมวดคิ้วกล่าว
หลินสวินเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้น ทั้งคู่แค่รอชมก็พอ”
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่มองหน้าสบสายตากัน ต่างไม่รู้ชัดว่าหลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่สุดท้ายทั้งสองล้วนไม่ได้ถามมากความอีก
ถ้าหลินสวินอยากพูด ย่อมพูดตั้งนานแล้ว
แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้กลับทำให้ทั้งคู่ต่างใคร่รู้ขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าหลินสวินจะใช้วิธีการอะไรไปต้านศัตรูกันแน่
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หลินสวินเริ่มออกจากค่ายชั่วคราวบ่อยขึ้น
…
เหนือมหาสมุทรสีดำแถบหนึ่ง นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ พลังแห่ง ‘นัยน์ตาเฉาเฟิง’ โคจรอยู่ในดวงตา กวาดสำรวจและตรวจค้นส่วนลึกของมหาสมุทร
ครู่ใหญ่ต่อมาเขาเอื้อมมือคว้าหมับอย่างแรงคราหนึ่ง
ฮูม!
ผิวทะเลม้วนตลบโหมซัด เกลียวคลื่นดุจอสนี ชีพจรปราณวิญญาณที่มีความยาวถึงพันจั้ง ใหญ่หนาเท่าบ้านเรือนถูกดูดดึงออกมา
ดุจดั่งมังกรขนาดมหึมาตัวหนึ่ง!
ประกายแสงวิญญาณเจตะเจิดจ้าคละคลุ้ง ไอวิญญาณที่บริสุทธิ์เข้มข้นพวยพุ่ง กลายเป็นละอองแสงสาดพรม เห็นได้ชัดว่าศักดิ์สิทธิ์สูงส่งหาใดเปรียบ
นี่คือชีพจรปราณวิญญาณ ‘ระดับอริยะ’ ที่หายากสายหนึ่ง แทรกด้วยกลิ่นอายวิญญาณเจตะอันเข้มข้น มูลค่าน่าตกใจ
หากอยู่โลกภายนอก ชีพจรปราณวิญญาณสายนี้สามารถสร้างถ้ำสวรรค์แดนมงคลอันโอ่อ่าแห่งหนึ่งได้เลย!
ฟึ่บ!
แขนเสื้อหลินสวินโบกสะบัด เก็บชีพจรปราณวิญญาณแล้วจากไปอย่างผ่าเผย
…
บนชายหาดที่มีโขดหินขรุขระแปลกประหลาดแถบหนึ่ง
ตูม!
พื้นดินถูกแสงกระบี่เฉือนแหวกออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่สายหนึ่ง หลินสวินเงาร่างพริบไหว กระโจนพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยก
หนึ่งพันจั้ง
สามพันจั้ง
…จนกระทั่งมาถึงใต้ดินเก้าพันจั้ง ประกายแสงสีแดงเพลิงแสบตาแถบหนึ่งก็ส่องเข้ามาในครรลองสายตาของหลินสวิน
นี่ ก็เป็นชีพจรปราณวิญญาณระดับอริยะที่คุณลักษณะยอดเยี่ยมอีกสายหนึ่ง!
…
สมรภูมิเก้าดินแดนเป็นโลกที่ลึกลับสุดขีด สร้างอยู่ระหว่างเก้าดินแดนใหญ่ ในนี้แทรกด้วยโลกเล็กลึกลับอีกมากมาย และบรรจุสมบัติที่หาได้ยากจากโลกภายนอก
ก็แม้แต่คุณลักษณะของชีพจรปราณวิญญาณยังสูงลิ่วจนน่าตกใจ!
มีแรงเสริมจากนัยน์ตาเฉาเฟิง ทำให้หลินสวินสามารถรวบรวมชีพจรปราณวิญญาณน้อยใหญ่ได้มากกว่าร้อยสายภายในเวลายี่สิบวันสั้นๆ
ชีพจรปราณวิญญาณบางสายยาวถึงหลายพันจั้ง ตัวปราณงดงาม กลิ่นอายวิญญาณเจตะย้อมจนห้วงอากาศพร่างพราว
บ้างก็มีความยาวเพียงสิบกว่าจั้ง แต่ความบริสุทธิ์ของพลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ ล้วนสามารถทำให้มกุฎอริยะอย่างหลินสวินตกใจสั่นสะท้าน!
ชีพจรปราณวิญญาณเหล่านี้ ก็คือกุญแจสำคัญที่รวบรวมพลังให้แก่กระบวนค่ายกลอริยะ ‘สี่ยอดแปดพิทักษ์’
ดึกสงัด
ในค่ายชั่วคราวหลินสวินที่จัดการงานทุกอย่างในมือเสร็จแล้วยืนอยู่ใต้ม่านราตรีเพียงลำพัง ทอดสายตามองไปไกลๆ
ตั้งแต่อยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งปีแล้ว
ในครึ่งปีนี้อนุมานกระบวนค่ายกล กลั่นหลอมจานและธงกระบวน รวบรวมวัสดุจัดวางกระบวน… แทบจะกินเวลาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของหลินสวิน
แต่ทุกสิ่งที่ทุ่มเทออกไป ล้วนคุ้มค่า
ก็เหมือนตอนนี้ ขาดแค่รวบรวมวัสดุสร้างเมืองให้มากพอ ก็สามารถเริ่มสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ได้แล้ว!
ยืนนิ่งอยู่ในราตรีกาลเพียงลำพังอยู่เนิ่นนาน หลินสวินพึมพำในใจ
‘ทุกสิ่งพร้อมพรัก รอแค่ลมพัดมา!’
…
และในเวลาเดียวกัน ข่าวที่หลินสวินคิดจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ภายใต้การกระตุ้นของรั่วอู่ ชั่วขณะเดียวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน
เรียกแรงสะเทือนทั่วใต้หล้า
“เจ้าหมอนี่ป่าวประกาศเรื่องนี้อย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ ไม่กลัวถูกศัตรูจากแปดดินแดนร่วมมือกันกำราบรึ”
โลกเพลิงสวรรค์
ส่วนลึกของภูเขาใหญ่ที่ร่องรอยมนุษย์เบาบาง ในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง เยี่ยเฉินที่เพิ่งย้อนกลับมาก็นำข่าวนี้กลับมาด้วย ทำให้เซี่ยวชางเทียนหัวคิ้วขมวดมุ่น
ตั้งแต่เข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน เซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินก็พบกันโดยบังเอิญ แอบซ่อนอยู่ในโลกเพลิงสวรรค์แห่งนี้ด้วยกัน
“เจ้าคิดว่าหลินสวินเป็นคนไร้สมองประเภทนั้นหรือ”
แววตาเยี่ยเฉินลุกโชน “ข้ากลับรู้สึกว่าก็ถึงเวลาที่พวกเราควรออกไปได้แล้ว เป็นเต่าหดหัวในกระดองมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปข้าต้องซึมเศร้าเป็นแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์