วันนี้ผู้แข็งแกร่งของค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวได้รับแจ้งว่าเจี้ยนชิงเฉินปิดด่าน เรื่องทุกอย่างมอบให้ผู้อาวุโส ‘ฉินเซียวเซิง’ แห่งหอกระบี่ฟ้าจัดการ
ฉินเซียวเซิง มกุฎอริยะคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงนานแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นผู้คุ้มกันข้างกายที่พึ่งพาได้ที่สุดของเจี้ยนชิงเฉิน
มีเขาครองอำนาจของค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัว จึงไม่ก่อคลื่นลมเท่าไร
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งที่รู้เบื้องหลัง ไม่มีใครไม่รู้สึกว้าวุ่นใจ!
บางทีอาจปิดข่าวได้ชั่วขณะ แต่มีหรือจะปิดบังได้ถึงตอนท้ายสุด
เจี้ยนชิงเฉินเป็นถึงหนึ่งในแปดยอดนภาคราม เป็นบุคคลระดับผู้นำคนรุ่นเยาว์แห่งดินแดนโบราณต้าหลัว ทันทีที่ข่าวการประสบเคราะห์ของเขาแพร่ออกไป ทั่วทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนจะต้องเกิดแรงสั่นสะเทือนแน่!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหากไม่มีเจี้ยนชิงเฉินนั่งบัญชา ภายหน้าค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวของพวกเขา จะเอาอะไรไปช่วงชิงความเป็นใหญ่กับดินแดนอื่น
“ตรวจสอบ! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามือสังหารเป็นใครกันแน่!”
ฉินเซียวเซิงสีหน้าเยียบเย็น ในดวงตาเต็มไปด้วยความคั่งแค้นเข้ากระดูก
…
“เจี้ยนชิงเฉินตายแล้ว เจ้าคิดจะกระจายข่าวนี้ออกไปไหม”
ระหว่างทางที่กลับสู่โลกรกร้างโบราณ จ้าวจิ่งเซวียนถามลอยๆ
หลินสวินคิดไปคิดมาก็ส่ายหัวกล่าว “ตอนนี้เกรงว่ายังไม่มีคนรู้ว่าเรื่องนี้ข้าเป็นคนทำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังไม่ประกาศออกไปชั่วคราวจะดีกว่า”
“เพราะอะไร”
จ้าวจิ่งเซวียนอดถามไม่ได้ “เจ้าน่าจะรู้ว่าเจี้ยนชิงเฉินเป็นถึงผู้นำของค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัว การตายของเขาสามารถสร้างแรงโจมตีอย่างหนักให้กับค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัว สำหรับพวกดินแดนอื่น เกรงว่าคงยินดีที่ได้เห็นภาพนี้เป็นอย่างยิ่ง”
“และสำหรับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ นี่ก็เป็นข่าวดีอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อการสร้างบารมีของเจ้า”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ไม้เด่นเกินไพร ลมย่อมพัดหักโค่น หากให้บุคคลสำคัญของดินแดนอื่นพวกนั้นรู้ว่าเจี้ยนชิงเฉินตายในมือข้า เจ้าคิดว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างไร”
จ้าวจิ่งเซวียนเข้าใจในพริบตา
เจี้ยนชิงเฉินเป็นหนึ่งในแปดยอดนภาคราม การตายของเขาสามารถทำให้บุคคลระดับผู้นำของแต่ละดินแดนอย่างพวกคุนเซ่าอวี่ จู๋อิ้งคง เลี่ยเฉียนเกิดความหวาดกลัว
ส่วนหลินสวินที่ฆ่าเจี้ยนชิงเฉิน ก็จะถูกพวกเขามองเป็นบุคคลอันตรายอันดับหนึ่งอย่างเห็นพ้องต้องกัน!
ทันทีที่ถูกพวกเขาทั้งหมดจับจ้อง ไม่แน่ว่าอาจจะร่วมมือกันบุกโจมตี ทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการหลินสวิน
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดศึกรอบด้าน รากฐานของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณอ่อนแอเกินไป อาศัยเพียงมกุฎอริยะอย่างพวกข้าไม่กี่คน ยากจะไปชิงความเป็นใหญ่กับขุมอำนาจแปดดินแดนอื่น”
หลินสวินกล่าวเสียงต่ำ “รอภายหน้ายามเปิดศึกรอบด้านอย่างแท้จริง ค่อยแพร่ข่าวการตายของเจี้ยนชิงเฉินออกไป ย่อมต้องมอบการโจมตีที่คาดไม่ถึงต่อขวัญกำลังใจของศัตรูแน่”
จ้าวจิ่งเซวียนมุ่นคิ้วกล่าว “แต่เกรงว่าดินแดนโบราณต้าหลัวคงรู้ข่าวการตายของเจี้ยนชิงเฉินในไม่ช้า”
“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะประกาศออกไปไหม”
หลินสวินถามกลับ
จ้าวจิ่งเซวียนชะงักแล้วเข้าใจทันที ยิ้มกล่าว “ถ้าข้าเป็นผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณต้าหลัวจะต้องปิดข่าวนี้ทันทีแน่ ขณะเดียวกันก็จะตรวจสอบว่ามือสังหารเป็นใครโดยเร็วที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยยังกำจัดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตายของเจี้ยนชิงเฉินได้”
รอยยิ้มนางเหมือนบุปผชาติ งามบริสุทธิ์ผุดผ่อง นัยน์ตากระจ่างแวววาวเหมือนดวงดาวที่ส่องประกาย หลินสวินอดบีบใบหน้างามของนางไม่ได้ “ฉลาด!”
จ้าวจิ่งเซวียนถ่มน้ำลายออกมาเบาๆ ใบหน้างามแดงระเรื่อ
…
ผ่านไปสองวัน
โลกรกร้างโบราณ เมืองอารักษ์มรรค
กำแพงเมืองสีทองดั่งร่างมังกรทอดยาวขึ้นลง ขดล้อมอยู่บนพื้นดิน อิฐแต่ละก้อนใสสะอาดเหมือนเนื้อหยกหลากสี แผ่แสงสีเลือดแดงสด สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าระหว่างช่องกำแพงยังฝังด้วยกระดูกขาวทับถม
ในจุดที่ห่างเมืองอารักษ์มรรคไปพันจั้ง ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่มาจากดินแดนโบราณขุมอุดรกำลังท้าสู้ โดยมีมกุฎอริยะห้าคนเป็นผู้นำ
“โลกรกร้างโบราณไร้ผู้คนหรือ ถึงได้ไม่มีใครกล้าออกมาสู้”
“ฮึ! ข้าศึกประชิดค่าย แต่พวกเจ้ากลับหดหัวอยู่ในกระดอง ไม่ขายหน้าบ้างหรือ”
“เหอะ! แพะสองขาสุดท้ายก็เป็นแพะสองขา ขี้ขลาดเป็นอย่างยิ่ง!”
เสียงตวาดด่าเจือความเหน็บแนมและเย้ยหยันดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน นั่นคือมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์กลุ่มหนึ่ง แต่ละคนไม่เกรงกลัวสิ่งใด โอหังได้ใจยิ่งนัก
บนกำแพงเมืองอารักษ์มรรค เซ่าเฮ่าสองมือไพล่หลัง สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลมไม่สะทกสะท้าน
แต่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณมากมายที่อยู่ใกล้ต่างโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เดือดดาลเกินต้าน
“หนึ่งเดือนก่อนก็ทยอยมีผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจศัตรูแปดดินแดนเกาะกลุ่มเป็นขบวนปรากฏตัว ห้อทะยานมาลาดตระเวนอยู่ที่โลกรกร้างโบราณของพวกเรา ท่าทางกำเริบเสิบสาน หลายวันนี้พวกเขายิ่งได้คืบเอาศอก วิ่งมายั่วยุเอ็ดตะโรถึงหน้าเมือง ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!”
มีคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“พวกเขาจะต้องได้ยินมาแน่ว่าหลินสวินไม่อยู่ในเมือง จึงกล้ามายั่วยุอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้!”
และมีคนมุ่นคิ้ว รู้สึกว้าวุ่นใจ
หลินสวินจากไปหลายเดือนแล้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ทำให้คนมากมายอดกังวลไม่ได้ว่าเขาจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรที่โลกภายนอกหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์