ฉัวะ!
ร่างของเจี้ยนชิงเฉินถูกตัดขาดในชั่วพริบตา จากนั้นก็ระเบิดออก ฝนโลหิตสาดพรมราวน้ำตก
กระบี่ยอดสังหารส่งเสียงใสกังวานเร้าระทึก กำลังดื่มเลือดอริยะของเจี้ยนชิงเฉิน
หลินสวินหอบหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนจะโปร่งแสงเช่นกัน
ต้องรู้ว่าตั้งแต่เริ่มลงมือ เขาต้องใช้สองกระบวนท่าสังหารใหญ่อย่าง ‘กระบี่แสนแปดพัน’ และ ‘ไปไร้หวน’ ถึงทำให้เจี้ยนชิงเฉินบาดเจ็บได้
นอกจากนี้เพื่อกำจัดเจี้ยนชิงเฉิน ในศึกนี้หลินสวินต้องทยอยใช้สมบัติและวิชาลับอย่างขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อภินิหารหยุดเวลา เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดและดาบหักอีกด้วย!
พูดอย่างไม่โอ้อวดได้ว่า ศึกนี้นับเป็นการเจอศัตรูแข็งแกร่งคนแรกที่ประลองกันซึ่งหน้าตั้งแต่หลินสวินก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะมา
แน่นอนว่าสาเหตุที่หลินสวินเผยวิชาออกมามากเช่นนี้ เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้วยเป็นห่วงว่าจ้าวจิ่งเซวียนที่กำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่จะถูกรบกวน!
หากไม่ทำเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์การต่อสู้อย่างยุติธรรม ต่อให้ไม่ใช้สมบัติก้นหีบพวกนั้นหลินสวินก็มีความมั่นใจว่าจะกำราบอีกฝ่ายได้
ทว่าความแข็งแกร็งของเจี้ยนชิงเฉินก็ยังทิ้งภาพจำฝังลึกไว้ให้หลินสวิน
ถึงขั้นที่ว่าก่อนหน้านี้หลินสวินยังต้องล่อปลาให้ติดเบ็ดตลอดทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้กลับโดยไม่สนใจอะไรของอีกฝ่าย แต่คิดจะตกปลาให้สำเร็จย่อมต้องปล่อยให้มันใช้พลังจนหมดก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงจะถือโอกาสยกคันเบ็ดขึ้นได้
ก็เหมือนการไล่ล่าเจี้ยนชิงเฉินเมื่อครู่ หากบีบให้จนตรอกเกินไป ก็เป็นไปได้สูงว่าเขาจะใช้พลังที่เหลือมาโต้กลับเต็มกำลัง นี่จะก่อให้เกิดอันตรายที่คาดไม่ถึงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เจี้ยนชิงเฉินคิดว่ายังมีหวังจะหนีรอดจึงดิ้นรนหลบหนีอย่างต่อเนื่อง แต่กลับทำให้พลังที่เหลืออยู่ของเขาถูกผลาญไปทีละน้อยโดยปริยาย
จนถึงสุดท้ายยามต้องสู้กับหลินสวินสุดชีวิต ก็พลังแห้งเหือดไร้หนทางฟื้นคืนไปแล้ว!
ฮูม…
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงเจิดจ้าแถบหนึ่งม้วนแผ่ออกมา ล้างเลือดเนื้อที่เจี้ยนชิงเฉินเหลือไว้จนสะอาดหมดจด
“เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน พวกเจ้าเก็บกวาดทรัพย์หลังศึกด้วย”
หลินสวินสั่งกำชับแล้วหันหลังกลับ รีบมุ่งไปยังจุดที่จ้าวจิ่งเซวียนข้ามด่านเคราะห์
สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือจ้าวจิ่งเซวียนคนเดียว
สำหรับการตายของเจี้ยนชิงเฉินได้กลายเป็นเรื่องไร้ค่าไปแล้ว
อสนีเคราะห์ส่งเสียงกัมปนาท แสงอสนีพลุ่งพล่านไปทั่ว จ้าวจิ่งเซวียนยังคงข้ามด่านเคราะห์อยู่ใต้เวิ้งฟ้า สถานการณ์ไม่อาจพูดได้ว่าดี แต่ก็พูดไม่ได้ว่าอันตรายเกินไป
หลินสวินเห็นดังนี้ทั้งตัวก็ผ่อนคลายลงจากความตึงเครียด
เขานั่งขัดสมาธิกับพื้นตามอารมณ์ ก่อนเริ่มฝึกสมาธิ
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการใช้อภินิหารหยุดเวลาครั้งแรกตั้งแต่หลินสวินเป็นมกุฎอริยะมา ต่างจากในอดีต แม้จะผลาญพลังกายไปมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้พลังกายแห้งเหือด
ทั้งยามที่ใช้อภินิหารหยุดเวลา แค่ขับเคลื่อนความคิดก็สำแดงออกมาได้อย่างง่ายดายแล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ต้องโคจรพลังทั้งหมดไปกระตุ้น
นอกจากนี้พลังของขวดมหามรรคไร้ขอบเขตก็ทำให้หลินสวินพอใจยิ่งนัก สิ่งอัศจรรย์ที่สุดของขวดใบนี้อยู่ที่พลังที่รวบรวมไว้จะปลดปล่อยอานุภาพเท่าทวีออกมาได้!
ต่อให้เป็นพลังของระดับมกุฎอริยะก็เป็นเช่นนี้
และหลังจากดาบหักเปลี่ยนเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์ อานุภาพที่ครอบครองก็ทำให้หลินสวินพอใจยิ่ง เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่ากระบี่ยอดสังหารเล็กน้อย
เหตุผลนั้นง่ายมาก แค่พลังมรดกทั้งสามอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ สำแดงออกมาพร้อมกันก็ทำให้อานุภาพของดาบหักไม่ใช่สิ่งที่สมบัติอริยะอื่นเทียบเทียมได้แล้ว
เพียงแต่กระบี่ยอดสังหารก็มีความอัศจรรย์เฉพาะตัวเช่นกัน นั่นก็คือยิ่งเปื้อนเลือดอริยะมากเท่าไร ไอพลังอำมหิตของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่ง!
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป
ในใจหลินสวินพลันกระตุกจึงลืมตาขึ้น
ก็เห็นว่าบนผืนฟ้าเมฆาเคราะห์กำลังกำจรไปทั่วอย่างรวดเร็ว ภายใต้เวิ้งฟ้าร่างงามเพรียวบางร่างหนึ่งอาบไล้ด้วยแสงสายฟ้าส่องประกาย กลิ่นอายบริสุทธิ์ผุดผ่องแผ่กระจายไปทั้งตัว
หลินสวินตาค้างไปชั่วขณะ
ด้วยจ้าวจิ่งเซวียนในตอนนี้ผิวพรรณผุดผ่องหมดจดไปทั้งตัว เรือนร่างโค้งเว้ายั่วยวนเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ในยามนี้
เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ ตกอยู่ในการหยั่งรู้ ไม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้สักนิด
กระทั่งทำให้หลินสวินได้เห็นภาพที่ ‘ชวนให้ใจสั่น’ เช่นนี้
หัวใจของหลินสวินเต้นระรัวไม่เป็นส่ำอย่างบอกไม่ถูก ในใจมีคลื่นความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนโดนฟ้าผ่า
จ้าวจิ่งเซวียนงามมาก ความงามของนางเหมือนดอกพุดตานที่งามพิสุทธิ์โดดเด่น ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา เครื่องหน้าทั้งห้าบริสุทธิ์ผุดผ่องงามประณีต เหมือนเทพธิดาที่เดินออกมาจากภาพวาด
แต่ยามนี้ร่างที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบนั้นของนางกลับปรากฏอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ภาพนั้นส่งผลให้หลินสวินตกตะลึง
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินหมดคำพูดคือ ยามนี้กำลังมีแสงสายฟ้าเปล่งประกายเหมือนฝนแสงห้อมล้อมทั่วตัวจ้าวจิ่งเซวียน ทำให้ความงามของนางเปลี่ยนเป็นมองเห็นได้เป็นระยะๆ
เมื่อหลินสวินอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ความงามนั้นอีกหน่อย ก็เห็นว่าทั่วร่างจ้าวจิ่งเซวียนพลันมีเงามังกรโบราณตัวหนึ่งปรากฏ ขดล้อมอยู่รอบตัวนางเหมือนมีชีวิต
เสียงมังกรทุ้มต่ำดังขึ้นเป็นระลอก ก้องกระหึ่มอยู่กลางฟ้าดิน เผยอานุภาพมังกรที่ทำให้ผู้คนใจสั่น
ยอดพธูประหนึ่งหยกงาม มีมังกรคอยคุ้มกัน ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ บริสุทธิ์ผุดผ่องราวเทพธิดา ทั้งมีความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่อันสูงส่ง!
เจินหลง?
หลินสวินพลันได้สติ เผยความประหลาดใจให้เห็น หลังจากจิ่งเซวียนข้ามด่านเคราะห์สำเร็จก็ปลุกพลังแห่งพรสวรรค์เจินหลงในสายเลือดได้จริงหรือ
“น่ามองไหม”
ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่บนเวิ้งฟ้าก็ลืมตามองหลินสวิน ใบหน้าขาวกระจ่างงดงามยิ้มน้อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์