เสียงเดียวทำเอาฟ้าดินต่างตะลึง
แม้หลินสวินจะเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหมดเพียงลำพัง แต่ท่าทีแข็งกร้าวเย่อหยิ่งนั่นกลับทำให้เกิดความฮือฮาในที่นั้น
“หึ! อะไรคือหมายปองวาสนาของดินแดนรกร้างโบราณ คุยโวจริงๆ”
เสียงหัวเราะเยาะหนึ่งดังขึ้น สือพั่วไห่รู้สึกประหลาดใจมาก เวลาใดแล้ว หลินสวินยังกล้าบ้าคลั่งเช่นนี้อีกหรือ
“เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาเห่ามั่วซั่วตรงหน้าข้า”
หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย
ทุกคนในที่นั้นอึ้งงัน บุคคลชั้นหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ดินแดนโบราณอสูรดาว หนึ่งในแปดยอดนภาคราม สือพั่วไห่ที่ครอบครองรัศมีแสงสะดุดตาอย่างที่สุดกลับถูกด่าว่า ‘เห่ามั่วซั่ว’ หรือ
นี่เป็นการก่นด่าว่าเป็นสุนัขโดยตรง!
ทันใดนั้นมกุฎอริยะที่มาจากดินแดนโบราณอสูรดาวต่างสีหน้ามืดทะมึนลง
ส่วนสือพั่วไห่ยิ่งโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ยื่นมือชี้หลินสวินที่อยู่ห่างไปพร้อมพูดเสียงเข้ม “วันนี้หากเจ้ายอมให้จับ คุกเข่าสำนึกผิด ข้าจะให้วิธีตายที่รวดเร็วกับเจ้า ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
“พวกเจ้าก็ตั้งใจเช่นนี้หรือ”
สายตาของหลินสวินกวาดมองรอบๆ
“หรือเจ้าคิดว่าวันนี้จะหนีรอด”
สีหน้าของเซวี่ยชิงอีเย็นชา ในดวงตาแดงก่ำมีประกายศักดิ์สิทธิ์โลดแล่น “หลินสวิน เจ้ามาเพื่อแดนลับสนามแม่เหล็ก ส่วนพวกข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แน่นอนว่าไม่ตายไม่หยุด”
ไม่ตายไม่หยุดสี่คำนี้ ถูกเขาพูดออกมาทีละคำ ไอสังหารพลุ่งพล่านไปทั่ว
ดวงตาของเหล่ามกุฎอริยะและอริยะแท้จากแปดดินแดนล้วนฉายไอสังหาร มองหลินสวินเป็นปลาบนเขียงตั้งแต่ชั่วขณะที่เขามาถึงแล้ว
ด้วยท่าทีเด็ดขาดที่เซวี่ยชิงอีเผยออกมา ทำให้พวกเขาล้วนอยากลองอยู่บ้าง ในข่าวลือเจ้าหมอนี่พลังต่อสู้แข็งแกร่ง ฝีมือร้ายกาจ แต่วันนี้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“พูดจบแล้ว?”
จู่ๆ หลินสวินก็ยิ้มออกมา สายตาเย็นชา “เช่นนั้นข้าก็พูดประโยคหนึ่งแล้วกัน วันนี้คนของแปดดินแดนของพวกเจ้า หากมีใครสามารถเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กได้ ก็นับว่าข้าแพ้!”
พอคำพูดนี้ออกมา ทั้งที่นั้นต่างเงียบกริบ
ทุกคนต่างมองไปอย่างเหลือเชื่อ ราวกับมองคนบ้า
เผชิญหน้ากับมกุฎอริยะมากกว่าร้อย บุคคลระดับอริยะแท้แปดร้อยกว่าคน เขาหลินสวินกลับยังกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ ไม่ใช่โง่แล้วอะไร
แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ยังพูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจ ดินแดนรกร้างโบราณถึงกับมีคนคลั่งที่ไม่เกรงกลัวเยี่ยงเจ้า ไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ”
สือพั่วไห่หัวเราะเสียงดัง
รอบตัวเขาประกายเทพอสูรดาวสีเงินเป็นสายอบอวล ควบคุมขับเคลื่อน ราวกับนายเหนือหัวแห่งธารดาราผู้หนึ่ง
“คนคลั่งเช่นนี้ ฟันทิ้งก็สิ้นเรื่อง!”
ฮว่าหงเซียวที่สีหน้าเย็นชาและเงียบมาโดยตลอดราวกับทนดูไม่ไหวแล้ว เอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมา เสียงนั่นเยียบเย็นราวกับคมดาบ เผยไอสังหารน่ากลัว
ทันใดนั้นทั้งที่นั้นต่างหัวเราะเยาะขึ้นมา
นี่ดูเหลวไหลมากจริงๆ น่าขันมาก คนหนุ่มมกุฎอริยะแห่งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง บางทีพลังต่อสู้อาจไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พูดจาเช่นนี้ก็ยังคงดูตลกเกินไป
อีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูปแดนลับสนามแม่เหล็กที่อยู่ห่างไปนั่นก็จะปรากฏสมบูรณ์ หรือเขาคิดว่าในเวลาหนึ่งก้านธูปจะสามารถพลิกฟ้าเย้ยจักรวาลได้
ช่างบ้าคลั่งจนถึงขั้นเสียสติไปแล้ว!
ในใจจ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง นึกถึงแต่ละเรื่องในอดีต เหมือนว่าทุกครั้งล้วนมีคนคิดว่าหลินสวินทำไม่ได้ มองว่าเขาบ้า
แต่สุดท้ายก็ล้วนถูกตบหน้าอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ครั้งนี้จะมีเรื่องไม่คาดฝันหรือไม่
จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างที่ยืนอยู่กลางอากาศของหลินสวิน ในใจกลับไม่ได้กังวลมากนัก ความจริงนี่ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอย่างหนึ่งแล้ว!
แม้พันทัพหมื่นม้าอยู่ตรงหน้าแล้วอย่างไร
ประกายเฉียบคมที่มาเยือน หาใช่ทุกคนจะสามารถต้านทานได้
ชิ้ง!
และตอนนี้เอง พร้อมกับเสียงครวญใสฮึกเหิมสายหนึ่ง กระบี่ยอดสังหารที่แดงก่ำราวกับภายในมีแม่น้ำนรกพลุ่งพล่านพวยพุ่งออกมา สีเลือดหนาแน่น ย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงยาว
“ใครกันที่ไม่รู้ความ แล้วใครที่บ้าคลั่ง สู้สักตาก็รู้”
เสื้อผ้าของหลินสวินโบกสะบัด ผมยาวพลิ้วไหว ในดวงตาทั้งคู่เย็นชา เสียงกึกก้องสะท้านฟ้า ลมเมฆสั่นไหว
“ข้าขอลองความสามารถของเจ้าบ้านี่สักหน่อย!”
ทันใดนั้นมกุฎอริยะคนหนึ่งหมดความอดทน พุ่งพรวดออกมา
คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ เผ้าผมหนวดเคราขาวขุ่น ดวงตาราวกับกระดิ่งสำริด ในมือถือทวนศึกสีดำพุ่งสังหารมา
ตูม!
เห็นเพียงว่าเขากวาดทวนออกมา สายฟ้าสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏ กลิ่นอายกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่ากลัวถาโถมอยู่ภายในราวกับเปลวเพลิง
ทันทีที่ลงมือ ห้วงอากาศเต็มไปด้วยพายุสายฟ้า อานุภาพเสียงน่าสะพรึง
หลายคนต่างอุทานด้วยความตกใจ จำมกุฎอริยะอาวุโสคนนี้ได้ ฉายา ‘ชางหรัน’ มีชื่อเสียงมานานหลายพันปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรากฐานพลังหรือฝีมือการต่อสู้ล้วนลึกล้ำเชี่ยวชาญอย่างที่สุด
เหมือนกับการโจมตีนี้ มีอานุภาพดั่งทำลายล้างสรรพสิ่งอย่างง่ายดาย มาพร้อมกับพลังมหามรรค เพิ่งจะลงมือก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าหลินสวินแล้ว เผยความองอาจของมกุฎอริยะอาวุโสคนหนึ่งออกมาอย่างหมดจด
ในขณะที่เห็นว่าทวนกำลังจะแทงทะลุร่างหลินสวิน จะได้ยกร่างของเขาขึ้นกลางอากาศ ในใจอดเกิดความเย่อหยิ่งไม่ได้
การโจมตีนี้เป็นท่าไม้ตายที่เขามั่นใจที่สุดในชีวิต ใช้พลังแทบจะเต็มกำลังแล้ว หากหลินสวินคิดว่านี่เป็นการการโจมตีที่ดูถูกและเลินเล่อ ก็ผิดมหันต์แล้ว!
ครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์