ในหุบเขาการต่อสู้ปะทุขึ้น โกลาหลถึงที่สุด
มกุฎอริยะจากดินแดนโบราณจิ่วหลีเก้าคนอย่างพวกชืออู๋ซู่ อวิ๋นอี พลันถูกวิญญาณเซียนเหินเก้าสิบเก้าตนปิดล้อมโดยไม่ตั้งตัว
ควรรู้ว่าพลังต่อสู้ของวิญญาณเซียนเหินแต่ละตนต่างไม่ด้อยกว่ามกุฎอริยะ และตอนนี้ร่วมกันลงมือ ไอพิฆาตดุดันคับฟ้า น่าหวาดหวั่นไร้สิ้นสุด
ชั่วขณะเดียวเสียงคำรามกราดเกรี้ยวและเสียงร้องแหบแห้งดังขึ้นไม่ขาด
“อวิ๋นอี ลงมือเร็วเข้า!”
ชืออู๋ซู่ก็รับรู้ได้ว่าไม่สู้ดี แต่เขาเยือกเย็นนัก รู้ว่าขอเพียงอวิ๋นอีควบคุมวิญญาณเซียนเหินเหล่านี้ได้ สถานการณ์คับขันก็จะคลี่คลายได้อย่างราบรื่น
ในขณะเดียวกันชืออู๋ซู่ก็จับจ้องเสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียน พุ่งไปสังหารโดยไม่ลังเล ประหนึ่งเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์ทรงอานุภาพน่าหวาดหวั่นองค์หนึ่ง
ร่างนั้นสูงใหญ่กำยำ หนวดเคราดั่งทวน ดวงตาสีม่วงดุจสายฟ้า เมื่อโจมตีกฎเกณฑ์อสนีสีม่วงราวเจียวหลงใหญ่หนาสายแล้วสายเล่าพันพัว ทำให้ห้วงอากาศยังส่งเสียงระเบิดแสบแก้วหูหาใดเทียบ
เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนไม่ได้สู้ต่อ เคลื่อนย้ายหายไปโดยไม่ลังเล
“คิดจะหนีหรือ ไม่มีทาง!”
ชืออู๋ซู่สีหน้าเย็นชา ตามไล่ฆ่าต่อ
ส่วนอีกด้านหนึ่งอวิ๋นอีสลัดวิญญาณเซียนเหินที่พัวพันได้ด้วยการคุ้มครองของเหล่าสหาย จากนั้นก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเป่าขลุ่ยกระดูก
ตูม!
แต่ก็ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดของวาโยอสนีซัดสาดดังขึ้นกลางฟ้า
ที่ตามมาติดๆ คือศรเทพดอกหนึ่งทะลวงอากาศออกมา เพียงแค่ตัวศรก็แผ่พลานุภาพไร้เทียมทานออกมา ฉีกทึ้งวิญญาณเซียนเหินที่ขวางทางอยู่ตัวแล้วตัวเล่าให้แหลกกระจุย
“แย่แล้ว!”
อวิ๋นอีหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ชั่วพริบตานี้นางรู้สึกเหมือนถูกมัจจุราชจดจ้อง กำลังจะหายใจไม่ออก
นางแทบจะทำตามสัญชาตญาณ หลบไปอีกด้าน
โครม!
ท่ามกลางเสียงสะเทือนสะท้านฟ้าดิน อวิ๋นอีร้องโหยหวน แม้นางหลบหนีทันที แต่ก็ยังถูกศรเทพกวาดโดน ร่างกายครึ่งท่อนระเบิดกระจุย ฝนเลือดสาดกระเซ็น
หากไม่ใช่เพราะพลังจิตของนางถอดร่างออกมาในชั่วพริบตานี้ การโจมตีนี้คงสามารถเอาชีวิตนางได้!
“อวิ๋นอี!”
ชืออู๋ซู่ที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงนัก ไฟโทสะน่าสะพรึงปะทุออกมาจากดวงตาสีม่วงทั้งสอง ชั่วพริบตาก็สังเกตได้ถึงการมีอยู่ของหลินสวิน
และตอนนี้หลินสวินยกธนูวิญญาณไร้แก่นสารขึ้นโดยไม่ลังเล ชั่วอึดใจเดียวก็ยิงศรงดงามตระการตาออกไปสิบกว่าสาย
ไอศรเหล่านี้แม้อานุภาพไม่มากเท่าศรนภาคราม แต่พลังสังหารยังน่าตกตะลึงถึงที่สุดดังเดิม ต่างพุ่งไปหาอวิ๋นอีผู้นั้นทั้งหมด
เมื่อมองลงมาจากเวิ้งฟ้า ก็เห็นว่าห่าฝนศรเจิดจรัสเคลื่อนออกมาราวจะบดบังฟ้าดิน แผ่ไอดุดันไปทั่ว ทำให้ฟ้าดินหม่นสี
แม้แต่วิญญาณเซียนเหินเหล่านั้นยังรับรู้ถึงอันตราย พากันหลบหนี
“ขึ้นไป!”
ชั่วพริบตานี้ชืออู่ซู่คำรามกราดเกรี้ยว พลันเรียกไหดินเผาสีตุ่นย้อมเลือดใบหนึ่งออกมา พอทะยานฟ้าขึ้นไป ปากไหดินเผาก็มีแสงดำคลุมเครือไหลวน ประหนึ่งทางเข้าไปยังนรก
ปังๆๆ!
ไอศรเหล่านั้นยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกกลืนเข้าไปในไหดินเผาทีละดอก เพียงแต่การโจมตีที่สร้างความน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ก็ทำให้ไหดินเผานั้นสั่นคลอนเสียงดังลั่นขึ้นมา
ส่วนชืออู๋ซู่ที่จิตวิญญาณเชื่อมโยงกับไหดินเผานี้พลันกระอักเลือดออกมาอึกหนึ่ง ในใจหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ พลังน่ากลัวนัก!
โชคดีที่พลังจิตของอวิ๋นอีฉวยโอกาสนี้หลุดพ้นหายนะไปได้
นี่ทำให้ชืออู๋ซู่สงบใจลงไม่น้อย
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งจากดินแดนโบราณจิ่วหลีที่เข้าสมรภูมิเซียนเหินคราวนี้ พลังต่อสู้ของอวิ๋นอีไม่ถึงกับแข็งแกร่งที่สุด แต่เชี่ยวชาญศาสตร์ดนตรีลึกลับ สามารถสยบและควบคุมวิญญาณเซียนเหินเหล่านั้นได้สบาย ก็ด้วยเรื่องนี้ชืออู๋ซู่จึงให้ความสำคัญหาใดเทียบ
หากอวิ๋นอีประสบเคราะห์ไป ก็เท่ากับตัดแขนข้างที่มีแรงที่สุดของเขาไปข้างหนึ่ง!
“คุ้มครองอวิ๋นอีให้ดี ข้าจะไปฆ่าสวะแซ่หลินนั่น!”
ชืออู๋ซู่ถลาขึ้นไปสังหารหลินสวิน ใกล้กันนั้นมีวิญญาณเซียนเหินขวางอยู่ ถูกเขาโบกทวนศึกกระดูกขาวเล่มหนึ่งโจมตีกระจุยทีละตน พลังรุนแรงเกินต้านทาน! สำแดงพลังต่อสู้น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด
แต่ก็ในตอนนี้เอง ฝ่ายหลังกลับร้องตกใจขึ้นมา
“พี่ชือ แม่นางอวิ๋นอีประสบเคราะห์แล้ว!”
ชืออู๋ซู่รู้สึกเพียงมีเสียงวิ้งดังขึ้นในหัว หันหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่าพลังจิตของอวิ๋นอีถูกสังหารกลายเป็นละอองแสงเต็มฟ้า ถูกทำลายหายลับไป…
และไม่ไกลออกไป เสี่ยวอิ๋นกอดขวดหยกมันแพะที่แทบจะสูงเท่าตัวเขา บนใบหน้าเล็กหล่อเหลาเย็นชาเจือแววลำพองใจ
เผ่าหนอนกินเทพ ที่ชำนาญที่สุดก็คือวิชาสังหารจิตวิญญาณ
และเมื่อกี้เสี่ยวเทียนกับเขาร่วมมือกันสำแดงพลังพรสวรรค์ ‘สังหารชั่วพริบตา’ ไปทางอวิ๋นอีอย่างเงียบเชียบไร้เสียง จากนั้นก็อาศัยกระบวนท่า ‘ไปไร้หวน’ ที่ผนึกอยู่ในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตนี้ทำลายอีกฝ่ายในการโจมตีเดียว!
“พวกเจ้า… สมควรตายให้หมด!”
ชั่วพริบตานี้ชืออู๋ซู่โมโหเลือดขึ้นหน้า ใกล้จะคลุ้มคลั่ง
หลินสวินกับเสี่ยวอิ๋นมาถึงกะทันหันเกินไป เล่นงานเขาโดยไม่ทันตั้งตัว และตอนนี้แม้แต่อวิ๋นอียังประสบเคราะห์ นี่ทำให้ชืออู๋ซู่เจ็บปวดใจเหมือนโดนกรีด จะไม่โกรธได้อย่างไร
ตนมีฐานะเป็นผู้นำของดินแดนโบราณจิ่วหลี ผู้กล้าแห่งยุคที่อยู่ในแปดยอดนภาครามคนหนึ่ง ชืออู๋ซู่จะเคยเสียเปรียบมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร
ตูม!
ร่างของเขาพลันปะทุสายฟ้าสีม่วงทะลุเมฆา ประหนึ่งมังกรอสนีตัวใหญ่หนาทะยานฟ้า วิญญาณเซียนเหินที่อยู่ใกล้เคียงเหล่านั้นหลบไม่ทัน ชั่วพริบตาก็ถูกสังหารสิ้นซาก
“หนีเร็ว!”
เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนหลบหนีอย่างไม่ลังเล
แม้พลังพรสวรรค์ของพวกเขาจะเย้ยฟ้า แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งบรรลุมกุฎอริยะ หากสู้กันซึ่งหน้ายังห่างชั้นกับบุคคลแห่งยุคที่มีอิทธิพลเหนือดินแดนหนึ่งอย่างชืออู๋ซู่อยู่ไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์