บนกำแพงเมือง บรรยากาศกดดันถึงขีดสุด
สีหน้าของพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ จ้าวจิ่งเซวียนอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง
ไส้ศึกที่ถูกจับรวมแล้วมีสิบสามคน ภายในนั้นมีเจ็ดคนที่มาจากสำนักโบราณสามแห่งของดินแดนรกร้างโบราณ แบ่งเป็นสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ หอดาบจวนม่วง
ที่เหลืออีกหกคนต่างมาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬและเผ่าโบราณอริยชน
ในสิบสามคนนี้ คนที่มีพลังปราณสูงสุดเป็นอริยะสองคน คนอื่นล้วนเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์
ยามถูกเซี่ยวชางเทียนจับได้ หนอนบ่อนไส้พวกนี้ก็ตายไปเกือบจะทันที ไม่เหลือเบาะแสอะไรให้สืบได้
“ก่อนตายอวัยวะภายในร่างพวกเขาล้วนแตกระเบิด น้ำเลือดเป็นสีเทาอ่อนน่าประหลาด จิตวิญญาณล้วนกลายเป็นจุณ”
เซี่ยวชางเทียนกล่าวเสียงต่ำ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าตรวจสอบของติดตัวพวกเขาดูแล้ว ก็ไม่พบเบาะแสอะไรที่ควรค่าแก่การใส่ใจ”
“สรุปได้ว่าพวกเขาถูกศัตรูต่างดินแดนลอบควบคุมก่อนเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนนานแล้ว ทำหน้าที่เป็นตัวหมากมาจัดการ”
สีหน้าทุกคนปรวนแปรไม่หยุด
ครั้งนี้ทัพพันธมิตรแปดดินแดนมารุกรานเต็มกำลัง ปิดล้อมเมืองอารักษ์มรรครอบด้านมานานห้าวันแล้ว ในห้าวันนี้สาเหตุที่พวกเขายืนหยัดถึงตอนนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะอานุภาพที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบของกระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ที่ต้านการโจมตีได้ทุกอย่าง
แต่ตอนนี้ในเมืองกลับมีหนอนบ่อนไส้กลุ่มหนึ่ง สร้างความเสียหายให้กับกระบวนค่ายกลใหญ่!
เซ่าเฮ่าสูดหายใจลึก กล่าวหน้านิ่วคิ้วขมวด “เดิมทีจากการคำนวณของข้า ถ้าอาศัยพลังของกระบวนค่ายกลนี้ก็พอจะทำให้พวกเรายืนหยัดได้ถึงวันที่แปด ถึงขั้นอาจถึงวันที่เก้า”
“แต่ตอนนี้…”
แม้จะพูดไม่จบ แต่นัยนี้ทุกคนต่างรู้ดี
“เรื่องเกิดขึ้นแล้วต้องเร่งแก้ไข ควรพิจารณาว่าจะรับมือกับสถานการณ์หลังจากนี้อย่างไร”
รั่วอู่กัดฟันกรอด สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ทุกท่าน ข้าขอเสนอว่าจากนี้ไปให้แบ่งกำลังพลส่วนหนึ่งไปเฝ้ารากฐานกระบวนค่ายกลที่วางอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในเมืองอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังต้องมีคนไปตรวจสอบผู้แข็งแกร่งในเมืองทีละคน ว่ายังมีหนอนบ่อนไส้แฝงตัวอยู่อีกหรือไม่”
“ตกลงตามนั้น”
จ้าวจิ่งเซวียนรับปากก่อน
คนอื่นก็รู้ว่าสถานการณ์อันตรายถึงขั้นส่งผลต่อความเป็นตายแล้ว ต่างเริ่มดำเนินการโดยไม่ลังเล
คืนวันนั้นทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง เพียงแต่สีหน้ากลับเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม หว่างคิ้วมีความอึมครึมที่ไม่อาจขจัดออกไปวนเวียนอยู่
จากการคาดเดา พลังของกระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์อย่างมากจะยืนหยัดได้แค่พรุ่งนี้เที่ยง!
“คิดไม่ถึงว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ เห็นอยู่ว่าพวกเรากำลังจะพลิกฉากจบที่ต้องแพ้พ่าย ลบล้างความอัปยศให้บรรพชนได้แล้ว แต่สุดท้าย… ก็ยังล้มเหลว…”
เยี่ยเฉินสีหน้าทะมึน โกรธจนดวงตาแดงไปหมด “ที่น่าชังที่สุดคือแพ้เพราะมือของพวกเดียวกัน!”
คนอื่นก็เคียดแค้นชิงชัง
เหมือนที่เยี่ยเฉินกล่าว ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ พึ่งพาอานุภาพของหลินสวินคนเดียวก็สามารถทำให้สถานการณ์ของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขาพลิกกลับมาได้ มีพลังไปช่วงชิงชัยชนะสุดท้าย
เดิมนี่น่าจะเป็นผลงานครั้งสำคัญ เป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนของดินแดนรกร้างโบราณ สามารถบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ คงเกียรติคุณไว้ชั่วนิรันดร์!
แต่ตอนนี้…
ความหวังหนึ่งที่แย่งชิงมาไม่ง่ายกลับใกล้จะพังทลาย!
ใครเล่าจะไม่แค้น
ทั้งใครเล่าจะไม่โกรธ
นึกถึงอดีตที่ต่อให้มีผู้แกล้วกล้านับไม่ถ้วนรบพุ่งอย่างต่อเนื่อง ยินยอมหลั่งเลือดพลีชีพ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณพ่ายแพ้ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนติดต่อกันสองครั้ง
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ด้วยความพ่ายแพ้สองครั้งนี้จึงทำให้แวดวงผู้ฝึกปราณของดินแดนรกร้างโบราณเสื่อมโทรมจนถึงก้นเหว แทบเสียสิทธิ์ที่จะต่อต้านกับแปดดินแดนอื่นอย่างสิ้นเชิง
อันดับในเก้าดินแดนก็รั้งท้ายมาตลอด ถูกศัตรูต่างดินแดนมองเป็นแพะสองขา หยามเหยียดและทำลาย เหยียบย่ำและเข่นฆ่าตามใจไม่ต่างอะไรกับสัตว์!
หากพ่ายแพ้ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้อีก… ดินแดนรกร้างโบราณที่กว้างใหญ่นั้น คงถูกลิขิตให้ก้าวไปสู่ความพินาศแน่
ในภายหน้าก็ไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้อีก!
ด้วย ‘มหายุค’ ที่ไม่เคยมีมาก่อนครั้งนี้มีแค่ครั้งเดียว การมาเยือนของแดนมกุฎก็มีแค่ครั้งเดียว
หลังจากรุ่งเรืองถึงขีดสุด หากไม่อาจพลิกสถานการณ์กลับมาได้ก็จะร่วงโรยและพังทลาย!
“พรุ่งนี้เที่ยงสินะ…”
มีคนถอนใจยาว พรุ่งนี้เป็นวันที่หกของการเปิดสมรภูมิเซียนเหิน นี่ก็หมายความว่าหลินสวินไม่มีทางกลับมาช่วยได้เลย!
“โดดเดี่ยวไร้ความช่วยเหลือ มีคนซุ่มโจมตีจากสิบทิศ สิ่งที่รอค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราอยู่มีแค่คำว่าพังพินาศหรือ”
มีคนสีหน้าเศร้าสลด อกสั่นขวัญหาย
“เมืองนี้เป็นสิ่งที่หลินสวินสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณนี้รวมตัวกันได้เพราะเขาคนเดียว กระทั่งมีพลังพอจะต้านค่ายทัพแปดดินแดนอื่นในวันนี้”
“หากเขากลับมาแล้วเห็นภาพว่าเมืองนี้พังทลาย ถูกเหยียบราบเป็นหน้ากลอง เกรงว่าในใจคงผิดหวังมากกระมัง…”
มีคนกล่าวหดหู่
“ทุกท่าน สถานการณ์ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นนั้น!”
ทันใดนั้นเสียงของเซ่าเฮ่าราวฟ้าผ่า ดังกระหึ่มอยู่ข้างหูของทุกคน แววตาเขาเปล่งประกายเจือความเด็ดเดี่ยว
“ไม่ว่าสถานการณ์จะร้ายแรงแค่ไหน ต่อให้วันพรุ่งนี้กระบวนค่ายกลพังทลาย ข้าเซ่าเฮ่าก็จะทุ่มสุดตัว สู้ตายกับศัตรู!”
ทุกคนต่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“หากถึงตอนนั้นจริง ข้าก็จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว!”
รั่วอู่กล่าวเสียงแผ่วเบา สีหน้าราบเรียบเหมือนปล่อยวางแล้ว
“เช่นนั้นก็สู้!”
จ้าวจิ่งเซวียนกัดฟันกรอด
เมืองนี้คือแหล่งรวมกายใจของหลินสวิน เขายังอยากเห็นเมืองนี้ตั้งตระหง่านอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน ไม่เสื่อมสูญชั่วกาลอยู่ในสายน้ำของกาลเวลา จะยอมแพ้แค่นี้ได้อย่างไร
ทุกคนรู้สึกแค่ภายในร่างมีโลหิตเดือดพล่าน ไม่มีใครไม่ตกปากรับคำอย่างเด็ดเดี่ยว เมืองอยู่คนอยู่ เมืองตายคนตาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์