เมืองไม่พังทลาย กระบวนค่ายกลไร้ความเสียหาย แต่ศัตรูจู่ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่บนกำแพงเมืองราวกับภูตผี!
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้พวกจู๋อิ้งคงขนลุกไปทั้งตัวขึ้นมา
แม้แต่พวกเซ่าเฮ่าและเจ้าคางคก เวลานี้ยังตกตะลึงอ้าปากค้าง อย่างนี้ก็ได้หรือ ซย่าจื้อนาง… ทำได้อย่างไรกันแน่
มีเพียงหลินสวินที่มองออก การโจมตีของซย่าจื้อก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ สั่นคลอนกระบวนค่ายกลพิทักษ์เมืองทั้งหมดได้ในคราเดียว
แต่ทุกอย่างนี้เป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของซย่าจื้อไม่ใช่การฝืนปะทะกระบวนค่ายกลนั่น หากแต่เป็นการฉวยโอกาสนี้พุ่งตัวเข้าไป!
แม้แต่หลินสวินก็มองไม่ออกว่าวิชาที่ซย่าจื้อสำแดงออกมาเป็นวิชาลับอะไร ถึงปรากฏตัวในนั้นได้โดยไม่มีใครรู้ตัวเช่นนี้
‘หลายปีนี้คงไม่ได้มีแค่ตนที่พลังปราณเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่อง ตัวซย่าจื้อเองก็คงเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงบางอย่าง จึงทำให้พลังต่อสู้ของนางเปลี่ยนต่างไปจากอดีตอย่างสมบูรณ์แล้ว…’
หลินสวินคล้ายขบคิด
ด้วยสายตาของเขาตอนนี้ยังไม่อาจมองตื้นลึกหนาบางในพลังต่อสู้ของซย่าจื้อออก เดิมทีนี่ก็ดูน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง
ฟุ่บ!
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ หลังจากซย่าจื้อปรากฏตัวเหนือกำแพงเมืองก็ไม่ใส่ใจพวกจู๋อิ้งคงที่อยู่ห่างออกไป
เงาร่างของนางพุ่งวาบ โฉบเข้าไปในเมือง
เหล่าบุคคลสำคัญที่อยู่บนกำแพงเมืองพวกนั้นต่างตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้
“แย่แล้ว นางจะไปทำลายฐานของกระบวนค่ายกล!”
จู๋อิ้งคงพลันหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงตะโกนลั่น “เร็วเข้า รีบไปขวางนางไว้!”
ทุกคนต่างลนลานในชั่วขณะเดียว ออกโจมตีโดยไม่ลังเล
หากฐานของกระบวนค่ายกลถูกทำลาย เมืองอารักษ์มรรคนี้มีหรือจะยืนหยัดต่อไปได้
“เร็วเข้า ล้อมผู้หญิงคนนั้นไว้!”
“ฆ่า!”
“ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าให้นางเข้าใกล้ฐานกระบวนค่ายกลเด็ดขาด!”
เสียงตะโกนสะเทือนใต้หล้าดังก้องฟ้าเหนือเมืองอารักษ์มรรค ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณยอดหยินนับไม่ถ้วนในเมืองไม่มีใครไม่แตกตื่น ลุกฮือกันขึ้นมา
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างสิ้นหวังคือ การขัดขวางทุกอย่างล้วนเปล่าประโยชน์!
เงาร่างของซย่าจื้อราวกับลำแสงมืดมิด ไม่เพียงแต่รวดเร็วหาใดเปรียบ ทุกหนแห่งที่นางพาดผ่าน ขอแค่มีผู้แข็งแกร่งเข้ามาใกล้ก็จะถูกฆ่าตายคาที่
ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำ ไม่ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ล้วนไม่รอด!
ถ้ามองลงมาจากเวิ้งฟ้าจะเห็นเส้นทางโลหิตเลือดชโลมสายหนึ่ง ทอดยาวเข้าไปในเมืองอย่างต่อเนื่องได้อย่างชัดเจน
ซย่าจื้อที่อาบไล้ด้วยความมืดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ เหมือนดาบแหลมเล่มหนึ่งที่เฉียบคมหาใดเปรียบ เปิดฉากนองเลือดตลอดทาง
เสียงร้องทุรนทุราย คำราม หวาดผวาเริ่มดังก้องขึ้นในเมือง คลื่นลมปั่นป่วนไปทั่ว
ภาพนองเลือดต่างๆ นั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งที่เคยมุ่งหน้าไปโจมตีเมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณหลายวันก่อนรู้สึกคุ้นเคยหาใดเปรียบ และขวัญหนีดีฝ่อเป็นอย่างยิ่ง
หลายวันก่อนก็เป็นหญิงสาวปริศนาคนนี้ที่มาตัวคนเดียว เหยียบย่ำกระบวนผนึกอริยมรรคเก้าชั้น สังหารจนผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนกระเจิดกระเจิงไม่เป็นขบวน!
ในมือนางมกุฎอริยะล้วนถูกกำจัดอย่างง่ายดายราวกับวัชพืช เหมือนตัวตนที่ไร้คู่ต่อกรในตำนาน
และตอนนี้นางได้ปรากฏตัวอีกครั้ง เพียงแต่ปรากฏตัวในเมืองอารักษ์มรรคที่ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินของพวกเขาตั้งอยู่
แล้วเปิดฉากเข่นฆ่าเท่านั้น!
บนกำแพงเมือง เมื่อเห็นภาพอลหม่าน นองเลือด น่าสยดสยองต่างๆ ที่กำลังเปิดฉากในเมือง จู๋อิ้งคงก็แข็งทื่อไปทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าซย่าจื้อเป็นบุคคลปริศนาคนหนึ่งที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ถึงขั้นน่ากลัวกว่าหลินสวิน
แต่ด้วยมีกระบวนผนึกอริยะมรรคป้องกันพิทักษ์เมืองอยู่ จู๋อิ้งคงจึงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะน่ากลัวกว่าที่เขาจินตนาการไว้
กระบวนค่ายกลแห่งหนึ่ง สำหรับนางแล้วเหมือนว่างเปล่า เมืองอารักษ์มรรคที่กว้างใหญ่ กลับปล่อยให้นางบุกเข้ามาเหมือนเข้าสู่แดนไร้ผู้คน!
“เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร…”
ดวงตาทั้งคู่ของจู๋อิ้งคงเหม่อลอย ในเมืองเปลวไฟพวยพุ่งสู่ฟากฟ้าไม่หยุด คนบาดเจ็บล้มตายกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ยามนี้เขาพลันพบว่าเมื่อไม่มีกระบวนค่ายกลเป็นที่พึ่งแล้ว ตัวเองก็ไม่มีความกล้าไปต่อสู้กับหญิงสาวปริศนาคนนั้น!
นอกเมือง
เสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นระลอกดังมาจากในเมืองอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลินสวินยังอดไหวหวั่นไม่ได้ แม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าซย่าจื้อคนเดียวจะมีความสามารถในการทำลายล้างเช่นนี้!
เมื่อมองพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่า ก็เห็นสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นเทพไท้กันไปหมด
‘ระดับนี้ไร้คู่ต่อกร’
ในที่สุดหลินสวินก็ชี้ชัดได้แล้ว ทั้งซย่าจื้อน่าจะยังครอบครองวิชาลับที่คาดไม่ถึงด้วย จึงมองข้ามพลังป้องกันของกระบวนค่ายกลนั้นได้
“ทุกท่าน เตรียมตัวให้พร้อม รอแม่นางซย่าจื้อทำลายกระบวนค่ายกลของเมืองนี้แล้ว พวกเราจะบุกเข้าไปในเมืองแล้วสังหารให้หมด!”
เจ้าคางคกตะเบ็งเสียงลั่น ไอสังหารพวยพุ่ง
คนอื่นก็ไอสังหารแผ่ซ่าน
สมรภูมิเก้าดินแดนนี้เคยฝากเลือดและน้ำตา ความอัปยศและเคียดแค้นของบรรพชนแห่งดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วน มองดูเมืองอารักษ์มรรคที่สูงตระหง่านโดดเด่นซึ่งห่างออกไปนั่น ราดรดด้วยเลือดของบรรพชนเท่าไร ก่อขึ้นจากกระดูกของบรรพชนเท่าไร
ความอัปยศและบัญชีเลือดนี้ แน่นอนว่าต้องล้างแค้น ต้องชำระ!
ตูม!
ไม่ทันไรกระบวนค่ายกลที่ปกคลุมทั่วเมืองอารักษ์มรรคพลันเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง จันทร์ศักดิ์สิทธิ์สองลักษณ์สามสิบหกดวงที่ลอยเด่นอยู่ใต้เวิ้งฟ้าล้วนสั่นคลอนขึ้นมาในยามนี้
“นายน้อย ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวเกินไป พวกเราขวางไม่อยู่แล้ว ขอเพียงเข้าไปใกล้ก็ล้วนตายหมด!”
“นายน้อย ทำอย่างไรดี ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำลายฐานกระบวนค่ายกล ถ้าไม่มีกระบวนค่ายกลนี้แล้ว พวกเรา… ไม่ใช่ว่าพวกเราจะจบเห่กันแล้วหรือ”
“นายน้อย…”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นข้างหูจู๋อิ้งคง ราวกับแมลงวันที่น่ารำคาญพันหมื่นตัวกำลังร้องหึ่งๆ ทำให้จู๋อิ้งคงสับสนวุ่นวาย ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“พอแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์