Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1614

สรุปบท ตอนที่ 1614 สำนักโบราณจรัสเทพ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1614 สำนักโบราณจรัสเทพ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1614 สำนักโบราณจรัสเทพ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลินสวินจ้องมองจู๋อิ้งคงครู่หนึ่งก็พยักหน้ารับคำ “ได้”

จู๋อิ้งคงก้าวขึ้นไปกลางอากาศ ยืนอยู่บนนั้น

เขาในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี พลังขับเคลื่อนส่งเสียงกัมปนาท ความซึมเซาทั้งหมดพลันหายไป ราวกับปล่อยวางทุกอย่างในใจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ในดวงตาดำของหลินสวินฉายแววประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง สังเกตเห็นว่าสภาวะจิตของจู๋อิ้งคงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทั้งตัวเขาต่างออกไปแล้ว

นี่ก็คือบุคคลแห่งยุค!

ความพ่ายแพ้และการโจมตีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งทั่วไปเกรงว่าคงพังทลาย ต้านไม่อยู่ไปนานแล้ว

แต่จู๋อิ้งคงกลับเคี่ยวกรำสภาวะจิตขึ้นไปอีกขั้นภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องได้ นี่ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ก่อนหน้านี้ตัวข้าเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกรในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งดินแดนโบราณยอดหยิน ในหมู่คนรุ่นเดียวกันไม่มีสักคนที่เข้าตาข้า ต่อให้เข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ ก็มีแค่บุคคลอย่างพวกคุนเซ่าอวี่ เจี้ยนชิงเฉินเท่านั้นที่ข้าให้ความสำคัญ…”

จู๋อิ้งคงกล่าวราบเรียบ “ตอนนี้ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าคู่ต่อสู้ที่แท้จริงไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวเอง”

“ตัดความยึดมั่น สำรวจเจตนารมณ์ สำหรับข้าชื่อเสียงจอมปลอมเป็นดั่งเมฆเลื่อนลอย!”

น้ำเสียงไม่โศกเศร้ายินดี

ร่างของหลินสวินลอยล่องมาบนอากาศกล่าว “ได้แต่พูดว่าเจ้าเข้าใจเมื่อสายเกินไปแล้ว”

ในเมืองที่ห่างออกไป เสียงเข่นฆ่าโรมรันสะเทือนใต้หล้า ส่งเสียงกัมปนาทอย่างต่อเนื่อง กำลังปรากฏภาพการสังหารหมู่นองเลือดต่างๆ

ภายใต้การร่วมมือกันโจมตีของพวกเซ่าเฮ่า เจ้าคางคก ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณยอดหยินพวกนั้นแทบจะไม่อาจขวาง ไม่มีใครไม่อกสั่นขวัญแขวน หนีกระเจิดกระเจิงไปทั่ว

แต่ทุกอย่างนี้ไม่อาจชักนำให้จู๋อิ้งคงเกิดคลื่นความรู้สึกใด สายตาของเขาจ้องมองหลินสวินแล้วกล่าว “ไม่สายไปหรอก ยามอรุณแจ้งมรรค ค่ำนั้นตายก็นอนตาหลับ”

พูดจบเงาร่างเขาก็พุ่งเข้าหา แขนเสื้อพลิกตลบ เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่มรรคที่แบ่งขาวดำชัดเจนเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า

พลังขับเคลื่อนของเขาดุดันถึงขีดสุดในพริบตา!

“ไป!”

เสียงใสของกระบี่ดุจกระแสน้ำ ก้องกังวานเร้าระทึกเหนือเก้าชั้นฟ้า ยามกระบี่มรรคเล่มนั้นพุ่งออกไป กลางฟ้าดินรัตติกาลนิรันดร์และทิวากาลหมุนเปลี่ยนโคจร วิวัฒน์เป็นปราณกระบี่หยินหยางแหวกออกไป

กระบี่แยกสองลักษณ์ ขาวดำเปลี่ยนเป็นพิศวง!

อานุภาพของกระบี่เดียวมากพอจะทำลายภูผาธารา ตัดแบ่งความยิ่งใหญ่ของเขตแดนมืดสว่าง

เงาร่างของหลินสวินแน่นิ่งไม่ขยับ พลันดีดนิ้วทันที

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่ไท่เสวียนสายหนึ่งพุ่งออกไป เสียงปึงดังสนั่น ผ่าแหวกสีขาวดำทั่วฟ้า กระแทกกระบี่มรรคเล่มนั้นปลิวกระเด็น

ร่างกายของจู๋อิ้งคงซวนเซเล็กน้อย เขาสูดหายใจลึก ร่างส่องประกาย ด้านหลังเขาปรากฏเงามายาจู๋หลงที่เบียดแน่นฟ้าดินตัวหนึ่ง ดวงตาทั้งสองใหญ่ราวทะเลสาบ ส่องสะท้อนปวงสวรรค์หมื่นพิภพ

“โอม!”

จู๋อิ้งคงก้าวไปข้างหน้า รวบมือทั้งสองเป็นประทับกระบี่แล้วแทงออกไปทันที

ตูม!

ปราณกระบี่เล่มนั้นที่เดิมถูกซัดกระเด็นส่งเสียงกัมปนาท ประสานเข้ากับพลังของเงามายาจู๋หลงแล้วพุ่งออกไปทันใด

กระบี่เดียวที่เรียบง่ายธรรมดา กลับมีคมประกายที่ไม่อาจขวางกั้น!

นัยน์ตาของหลินสวินฉายแววประหลาด มองออกว่าจู๋อิ้งคงก็เหยียบธรณีประตูของการเสาะหาวิชาแห่งตนแล้ว ฤทธิ์เดชของกระบี่นี้เรียกได้ว่าชวนตะลึงหาใดเปรียบ

น่าเสียดาย สำหรับเขาแล้วยังไม่อาจสร้างแรงคุกคามได้เหมือนเดิม!

“ทะยาน!”

ฮูม… ปราณกระบี่ไท่เสวียนทั่วฟ้าม้วนซัดออกมาไขว้ตัดสลับกัน เผยให้เห็นค่ายกลกระบี่ที่แน่นขนัดแผ่กว้างค่ายหนึ่ง

ไม่ทันไรเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินก็ดังขึ้น เมฆบนเวิ้งฟ้าพังทลาย ห้วงอากาศปั่นป่วน กำแพงเมืองที่สูงเด่นตั้งตระหง่านอยู่ด้านล่างล้วนพังทลายสนั่นหวั่นไหว

พรูด!

ร่างกายของจู๋อิ้งคงสั่นสะเทือนรุนแรง กระอักเลือดแดงก่ำคำหนึ่งออกมาทันที นัยน์ตาเขาไหววูบ สาดแสงชวนประหวั่นออกมา

เขาสังเกตเห็นว่าเทียบกับตอนที่อยู่ในสมรภูมิเซียนเหินแล้ว พลังของหลินสวินถึงกับแข็งแกร่งขึ้นอีกช่วงใหญ่!

“ถ้าเจ้าไม่ไหวก็บอกเบาะแสเกี่ยวกับปาฉีมา แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างสมเกียรติ”

หลินสวินสองมือไพล่หลัง เงาร่างโดดเด่นละโลกีย์ ชายเสื้อพลิ้วไหว สง่างามหาใดเปรียบเหมือนเทพเซียนองค์หนึ่ง

“มาอีก!”

จู๋อิ้งคงพลันตวาดลั่น ผมยาวทั้งศีรษะแผ่สยาย แววตาของเขาล้ำลึกเจิดจรัส ร่างกายส่องสว่างเรืองรอง ห้วงอากาศใกล้เคียงถูกกลิ่นอายทั่วร่างเขาบีบกดจนพังทลายแตกระแหง

ครั้งนี้เขาถือกระบี่มรรคพุ่งสังหารราวกับแสงลุกโชนสายหนึ่ง

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

เจ้าหมอนี่กำลังสู้สุดชีวิต!

คนกับกระบี่รวมเป็นหนึ่ง ทุ่มพลังทั้งหมดไปที่การโจมตีเดียว กลิ่นอายราวกับจะทำลายล้างนั้นทำให้ฟ้าดินแถบนี้มืดสลัว

หลินสวินไม่แม้แต่จะคิด รวบนิ้วเป็นกระบี่จ้วงแทงออกไปเช่นกัน

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป อานุภาพของมันไร้ใดเปรียบจนทำให้เทพผีตกตะลึง ไปไร้หวน!

ช่วงเวลาที่ปราณกระบี่สองสายปะทะกัน ฟ้าดินราวกับผ้าใบผืนหนึ่งที่ถูกขยี้ในทันที ปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบม้วนซัดแปรปรวนไปทั่วทิศ ทุกหนแห่งที่พาดผ่าน พื้นปฐพีแตกระแหง ภูเขาสูงใหญ่พังทลาย

เมืองอารักษ์มรรคที่กว้างใหญ่นั้นยังถูกสะบั้นแหลกไปครึ่งหนึ่งอย่างแข็งกร้าว!

ฉัวะ!

บนอากาศ จู๋อิ้งคงกระเด็นลอยออกไปอย่างหนักหน่วงราวกับว่าวสายป่านขาด จมูกปากกบเลือด ตรงหน้าอกของเขาถึงกับมีรูโหว่เลือดไหลทะลักทะลวง

แต่ร่างของหลินสวินแค่ซวนเซเล็กน้อย เสื้อผ้าเกิดเสียงสะบัดโบก

เมื่อจู๋อิ้งคงยืนมั่นก็ไออย่างรุนแรง หน้าตาสับสนกล่าวทอดถอนใจ “มีเจ้าหลินสวินอยู่ ดินแดนรกร้างโบราณช่างโชคดีแค่ไหน! พวกเราแปดดินแดนทำไมช่างน่าเศร้าเช่นนี้!”

“นี่ก็คือความต่างของพวกเราและพวกเขาแปดดินแดน”

หลินสวินกล่าวลอยๆ “ทั้งข้ายังรับปากเขาแล้วว่าจะให้ตายอย่างมีเกียรติ”

เขาเงยหน้ามองไปยังจุดที่ห่างออกไป

การต่อสู้ในเมืองอารักษ์มรรคใกล้จะปิดฉากแล้ว ทั้งเมืองเต็มไปด้วยสัญญาณของการพังทลายและล่มสลาย ราวกับแดนปรักหักพังที่น้ำเลือดหลั่งชโลมแห่งหนึ่ง

ไม่นานพวกอาหลู่ เซ่าเฮ่า รั่วอู่ทยอยกลับมา แต่ละคนต่างราศีจับเปล่งประกายเจือความแช่มชื่นสะใจ

การต่อสู้สิ้นสุดแล้ว

เมืองที่กว้างใหญ่นั้น นอกจากพวกที่ชิงหนีตายไปก่อน คนอื่นที่เหลือล้วนถูกฆ่าตายหมด!

“สะใจ! สะใจ! คำว่าลูกผู้ชายต้องควบทะยานบนสมรภูมิคืออย่างนี้นี่เอง!”

อาหลู่ตะโกนลั่น

“อุดมการณ์ยิ่งใหญ่นิจนิรันดร์ สิ้นสุดที่การเข่นฆ่าศัตรู ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินเท่ากับถูกพวกเราขุดรากถอนโคน ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนกลับมาอีก”

เซ่าเฮ่ายิ้มกล่าว สีหน้ามีความรู้สึกยินดีหลังจากยากลำบากมานานเช่นกัน

ขณะที่ทุกคนกำลังออกความเห็นก็เห็นหลินสวินทะยานสู่ฟากฟ้า นั่งขัดสมาธิอยู่บนฟ้าสูง เคร่งขรึมมีสง่า ทั่วร่างส่องประกายสว่างไสวไร้สิ้นสุด

ราวกับมุนินทร์มาเยือนโลก!

เสียงธรรมกึกก้องแผ่กลิ่นอายเมตตาอาสูรพร่ำออกจากปากของหลินสวินเป็นระลอก สะท้อนก้องอยู่กลางฟ้าดิน

ดอกบัวบริสุทธิ์มากมายรวมตัวกันกลางอากาศ จากนั้นก็โปรยปรายลงมา

ดอกบัวแต่ละดอกล้วนเปล่งประกายดั่งเครื่องแก้ว วิวัฒน์มาจากพลังธรรมบริสุทธิ์ ราวกับโคมแห่งการข้ามเคราะห์ดวงหนึ่งชี้นำทางกลับบ้านแก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับ

นี่คือวิชาที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติ มีความอัศจรรย์ในการโปรดวิญญาณให้หลุดพ้น

“พี่หลินเขากำลังทำอะไรหรือ”

มีคนสงสัย

“นานมาแล้วพี่ใหญ่เคยบอกว่า ยามเหยียบย่ำเมืองของศัตรูได้ เขาจะนำศพของเหล่าบรรพชนทั้งหมดกลับไปฝังลงดินอย่างสงบ!”

เจ้าคางคกสูดหายใจลึก สีหน้าเจือความเคารพนับถือ

ความรู้สึกในใจของทุกคนต่างสะท้านสะเทือนขึ้นมา มองเงาร่างเคร่งขรึมมีสง่าที่นั่งอยู่ในชั้นเมฆนั้นแล้ว ไม่มีใครไม่ไหวหวั่น

ฟ้าดินเงียบสงัดในชั่วขณะเดียว มีเพียงเสียงธรรมที่แผ่กว้างสะท้อนก้องเป็นระลอก มีดอกบัวบริสุทธิ์ดั่งเครื่องแก้วนับไม่ถ้วนโปรยปรายทั้งในและนอกเมืองที่ราวกับซากปรักหักพัง

วันนี้ หลินสวินนำผู้แข็งแกร่งของค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมดมาทำลายเมืองอารักษ์มรรคของโลกยอดหยิน สังหารหมื่นศัตรู เหยียบย่ำค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินจนได้ชัยชนะครั้งใหญ่!

หลังออกจากโลกยอดหยิน พวกหลินสวินไม่กลับไปที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ หากแต่รีบบุกไปยังโลกมารโลหิตที่อยู่ติดกับโลกยอดหยินทันที

ที่นั่นคือค่ายทัพของดินแดนโบราณมารโลหิต!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์