เรือไม้เก่าแล่นผ่านห้วงอากาศ ผู้เฒ่าอิ๋นยังคงนิ่งเงียบเช่นเคย
แต่หลินสวินรู้ ผู้เฒ่าอิ๋นคนนี้เป็นคนที่ไม่ด้อยกว่าท่านเมี่ยวเสวียน ถึงขั้นอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!
เพราะอันตรายที่ประสบพบเจอระหว่างทาง ไม่ขาดกลิ่นอายที่พวกระดับจักรพรรดิหลงเหลือไว้ สามารถฆ่าระดับอริยะคนใดก็ได้อย่างง่ายดาย
แต่ผู้เฒ่าอิ๋นกลับสามารถกลับร้ายกลายเป็นดีได้เสมอ!
นี่มีหรือที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้
วันนี้ตอนที่หลินสวินกำลังอนุมานและเคี่ยวกรำคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค จู่ๆ พลันสังเกตเห็นว่าเรือไม้แล่นผ่านเขตพื้นที่ฟ้าดาราที่เหมือนสวนสุสานแถบหนึ่ง
สุสานแห่งแล้วแห่งเล่าประหนึ่งหินอุกกาบาต ลอยคว้างกลางอากาศ แต่ละแห่งล้วนแผ่กลิ่นอายแปลกพิกลสุดหยั่งออกมา ราวกับสิ่งที่กลบฝังอยู่ในนั้นคือเทพมารบรรพกาล!
บนสุสานหนึ่งในนั้นมียุงโลหิตตัวหนึ่งเกาะอยู่ ขนาดใหญ่หนึ่งร้อยจั้งเต็มๆ ร่างแดงฉานปานเลือด ราวกับถูกสร้างจากทองคำเทพ แผ่กลิ่นอายหนาวเหน็บชวนสยอง
นัยน์ตาสองข้างของมันเหมือนโคมสีเลือดคู่หนึ่ง ด้านหลังมีปีกสิบหกคู่งอกอยู่ บนปีกแต่ละคู่ประทับอักษรทะมึนประหลาดและแน่นขนัด บิดเบี้ยวพิสดาร
ทอดสายตาไกลออกไป ก็มีกลิ่นอายชั่วร้ายพาให้ผู้คนใจสะท้านลอยปะทะเข้ามา ราวกับได้เห็นเทพยมบาลสะท้านโลกกับตาตัวเอง แข็งกร้าวคับฟ้า!
มันหมอบอยู่บนหลุมศพ ปากแหลมคมดุจใบมีดเสียบทะลุเข้าไปภายในหลุมศพ ปีกสิบหกคู่ขยับไหวบางเบา ราวกับดูดซึมพลังบางอย่าง เห็นได้ชัดว่าแปลกพิสดารอย่างที่สุด
บุตรนรก?
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ปีนั้นในแดนเก้าบนของแดนมกุฎ สัตว์ประหลาดบรรพกาลที่เก็บตัวเงียบอยู่ภายในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกอย่างบุตรนรกตื่นขึ้นและก่อคลื่นลม สำแดงอานุภาพประหนึ่งเหยียดหยันสรรพสิ่ง
หลินสวินเคยสู้กับเขามากกว่าหนึ่งครั้ง รู้ดีถึงพลังกายของเจ้าหมอนี่ เขายังเป็น ‘ยุงโลหิตแปดปีก’ ที่ถือกำเนิดในแม่น้ำนรก!
สัตว์ร้ายระดับนี้ ฟ้าให้กำเนิดผืนดินชุบเลี้ยง ครองพรสวรรค์แข็งกร้าวอย่างไม่น่าเชื่อ
หนำซ้ำพลังชีวิตของเขายังแกร่งกล้าเสียจนเกือบเป็นอมตะ หลินสวินต่อสู้กับเขาหลายครั้ง และสังหารเขาไปหลายครั้งอย่างสมบูรณ์
แต่ทุกครั้งบุตรนรกล้วนใช้ ‘กาหลอมจิตจักรพรรดินรก’ ฟื้นคืนชีพกลับมา
จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่สังหารบุตรนรก หลินสวินมั่นใจยิ่งว่าบดขยี้จิตวิญญาณของเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่สุดท้ายเลือดเนื้อที่ป่นปี้ของบุตรนรกก็ยังถูกกาหลอมจิตจักรพรรดินรกที่ลึกลับนั่นช่วยชีวิตเอาไว้
ตอนนั้นขนาดหลินสวินยังไม่กล้ามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งหรือไม่
ร่างมหึมาที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้น ยุงโลหิตที่แข็งกร้าวหาใดเปรียบ จะใช่เขาหรือไม่
ยามเมื่อหลินสวินจับจ้องอย่างถี่ถ้วน เรือไม้ก็แล่นผ่าน ‘สุสานฟ้าดารา’ ผืนนี้ไปแล้ว มองไม่เห็นยุงโลหิตตัวนั้นอีก
แต่ในใจหลินสวินกลับไม่อาจสงบอยู่บ้าง
บุตรนรกในปีนั้นมีปีกแปดคู่ มีปราณระดับราชันอมตะเคราะห์ ส่วนยุงโลหิตที่เห็นเมื่อครู่ก็มีปีกสิบหกข้าง…
หากเป็นบุตรนรกจริง เขาจะมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร
“นั่นคือยุงโลหิตแม่น้ำนรกสิบหกปีก มีพรสวรรค์สายเลือดระดับนี้ ย่อมเป็นพวก ‘บุตรจักรพรรดิ’ ในแดนนรกแน่ เท่าที่ข้ารู้ ในสมัยดึกดำบรรพ์ ร่างของ ‘จักรพรรดินรกเลือดทมิฬ’ ที่มุ่งหน้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราก็เป็นพวกร้ายกาจเช่นนี้”
ด้านหน้าเรือไม้ ผู้เฒ่าอิ๋นเอ่ยปาก เขาคล้ายดูออกว่าสภาพจิตใจของหลินสวินไม่ปกติอยู่บ้าง
“ผู้อาวุโส ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ยุงโลหิตตัวนั้นกำลังทำอะไร”
หลินสวินเอ่ยถามด้วยจิตใจไหวหวั่น
เสียงผู้เฒ่าอิ๋นเจือแววชิงชังอย่างหายาก กล่าวว่า “ดูดซับซากเลือดเสี้ยววิญญาณของวีรชนโบราณมาฝึกปราณ อาศัยสิ่งนี้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงแห่งตน ก็เหมือนยุงกระหายเลือด ผีแค้นเทพชัง”
ในใจหลินสวินเองก็อดผุดความแขยงขึ้นมาไม่ได้ ใต้สุสานฟ้าดารานั่นฝังศพผู้แข็งแกร่งเมื่อกาลก่อนไม่รู้เท่าไหร่
ยุงโลหิตแม่น้ำนรกนั่นกลับใช้ซากเลือดและวิญญาณวีรชนที่ศพในดีตเหล่านั้นเหลือทิ้งไว้มาฝึกปราณ ย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดยิ่งเป็นธรรมดา
เวลาหนึ่งก้านธูปให้หลัง
เรือไม้ซอมซ่อก็พลันหยุดนิ่งกลางห้วงอากาศ ผู้เฒ่าอิ๋นเอ่ยปากกล่าว “กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ถึงแล้ว”
หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันใด
ก็เห็นว่าไกลโพ้นมีเส้นสีดำทอดยาวเป็นคลื่น พาดขวางกลางฟ้าดิน ไพศาลประหนึ่งยาวไกลไร้ขอบเขต กว้างใหญ่ยิ่งนัก ใหญ่จนทำเอาผู้คนมองไม่เห็นความสูงความยาวของมัน
แต่เมื่อมองอย่างละเอียด กลับระบุได้ว่านั่นเป็นกำแพงเมืองที่คดเคี้ยวตั้งอยู่กลางฟ้าดิน ไพศาลหาใดเปรียบ สูงตระหง่านยิ่งยง ครอบฟ้าคลุมดิน!
เพียงแค่ทอดมองจากไกลๆ ก็ทำให้คนรู้สึกเล็กจ้อย เพราะเมืองแห่งนี้ไพศาลเกินไป รอบบริเวณกำแพงเมืองนั่นยังมีดวงดาวมากมายโคจรอยู่ ดุจดั่งกาลนิรันดร์ ประหนึ่งว่าเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
กว้างใหญ่!
โอฬาร!
สูงตระหง่าน!
ขนาดดวงดาวยังได้แต่โคจรรอบกำแพงเมือง นี่ต้องกว้างใหญ่ปานใดกัน
“เมืองนี้ประกอบขึ้นจากดวงดาวนอกดินแดนที่ระดับจักรพรรดิเก็บมา กระจายขวางกลางฟ้าดินเสมือนเกราะกำบังแห่งนิรันดร์กาล ต้านทานศัตรูภายนอก”
น้ำเสียงแหบพร่าของผู้เฒ่าอิ๋นเจือแววทอดถอนใจ “ปราการสวรรค์ด่านแรกแห่งดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ ไม่ใช่คำเท็จอย่างแน่นอน”
ในใจหลินสวินโหมกระเพื่อม นับแต่อดีตจนปัจจุบัน เมืองนี้ตั้งตระหง่านไม่เสื่อมคลาย ประหนึ่งปราการธรรมชาติที่ขวางกั้นศัตรูภายนอกไม่ให้รุกราน!
คาดเดาจากจุดนี้ ตรงข้ามกับเมืองนี้ไม่ใช่ว่าเชื่อมต่อกับอีกแปดดินแดนที่เหลือหรือ
“เจ้าเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์