ฮู่ว…
เมื่อความคิดของหลินสวินไหวเคลื่อน อานุภาพน่ากลัวที่ปกคลุมทั้งตำหนักหายไปทั้งหมดราวกับกระแสน้ำ
เขาในตอนนี้เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ราวกับความจริงแท้หลังจากทิ้งความรุ่งโรจน์ไป ไม่มีการดัดแปลง มีเพียงความเป็นธรรมชาติ
‘การเดินทางสู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิครั้งนี้ ทำให้ข้าได้ประโยชน์ไม่น้อย…’
หลินสวินถอนหายใจในใจ
ระหว่างทางมา เขาได้พบเจอภาพเหลือเชื่อมากมาย เหมือนผลักประตูใหม่เอี่ยมบานหนึ่งออก ทำให้จิตใจเปิดกว้าง ประสบการณ์และการรับรู้ได้รับการยกระดับ
ประสบการณ์เช่นนี้ส่งผลต่อพลังปราณ ทำให้พลังปราณของเขามีแนวโน้มจะบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์ช่วงปลายแห่งระดับอริยะแท้
อีกทั้งปราณกระบี่สามชุ่นที่ผู้เฒ่าอิ๋นมอบให้ ทำให้เขาได้หลอมเข้าไปในปราณกระบี่ไท่เสวียนของตน ควบรวมเป็นเจตกระบี่ที่แท้จริงได้สำเร็จ
นี่ก็เป็นผลประโยชน์ที่ไม่น้อยเช่นกัน
จนกระทั่งมาถึงกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ประชันหมากเก้าวัง ทำให้เขาได้รับใจความและการหยั่งรู้เกี่ยวกับการบรรลุระดับมหาอริยะของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่า
ส่วนการเอาชนะบุตรนรก ก็ทำให้เขาได้รับสมบัติทั้งสามชิ้นอย่างกระบี่อเวจี ประทับนรกมืดดำและยันต์วิญญาณเลือดหมื่นอริยะที่ล้วนแต่ตะลึงโลก
และในงานเลี้ยงเมื่อสองวันก่อน ผลประหลาดล้ำค่า เหล้าเทพเซียนบ่ม รวมทั้งอาหารเลิศรสที่เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่านำออกมา ก็กลายเป็นแหล่งพลังที่ทำให้พลังปราณบรรลุสู่ขั้นสัมบูรณ์ในครั้งนี้!
นึกถึงเรื่องพวกนี้ หลินสวินจะไม่ไหวหวั่นได้อย่างไร
นี่ก็คือศุภโชค!
หากไม่ได้เดินทางมากำแพงเมืองด่านจักรพรรดิในครั้งนี้ พลังปราณของเขาก็ไม่มีทางบรรลุสู่ขั้นสัมบูรณ์ภายในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้แน่
และไม่มีทางได้รับใจความและประสบการณ์ยามบรรลุระดับมหามรรคของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นเดียวกัน
‘ต่อไปก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการบรรลุระดับมหาอริยะ!’
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สลัดความคิดว้าวุ่นออกไปแล้วหยิบม้วนหยกแต่ละม้วนขึ้นมา ภายในนั้นก็คือใจความและการหยั่งรู้ของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่ายามบรรลุระดับมหาอริยะ
ดั่งคำที่ว่าในสามคนที่เดินมา ย่อมมีครูของเรา
ประสบการณ์และการหยั่งรู้ของคนโบราณก็เหมือนกระจก สามารถเป็นตัวอย่างให้ตน และสามารถทำให้ตนหลีกเลี่ยงทางแยกระหว่างทางได้
สำหรับหลินสวิน มีใจความการหยั่งรู้เหล่านี้เช่นนี้ทำให้เขาสามารถอนุมาน เปรียบเทียบจากหลายๆ ทาง สร้างเส้นทางและเป้าหมายของตน
สานต่อประสบการณ์ที่ผ่านมา ย่อมสามารถเปิดอนาคตแห่งตน
นี่ก็คือความหมายของ ‘การไปต่อ’
และตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว สิ่งที่หลินสวินแสวงหาก็คือมรรคาที่ไม่เหมือนคนในอดีตและปัจจุบัน
ขอเพียง ‘ใต้หล้านี้ มรรคข้าเป็นหนึ่ง!’
‘ก็ไม่รู้ว่าท่านเซิ่นจะกลับมาเมื่อไหร่…’
นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนหลินสวินจะฝึกปราณ ต่อจากนั้นเขาก็จมสู่การหยั่งรู้โดยสมบูรณ์
ประสบการณ์และใจความยามเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าบรรลุระดับมหาอริยะ ก็เหมือนมรรคาแต่ละสายที่เชื่อมสู่ระดับมหาอริยะ
ทุกเส้นทางล้วนต่างกัน อันตรายและโอกาสที่ประสบยามทะลวงระดับก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นี่ทำให้หลินสวินได้เปิดโลกไม่น้อย มักรู้สึกเหมือนมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางเมฆหมอก
บางทีเขาจะขมวดคิ้ว ตัดประสบการณ์และการหยั่งรู้ที่ไม่เหมาะสมกับตนออก เอาแก่นแท้ไปตกตะกอน
ในการหยั่งรู้เช่นนี้ หลินสวินไม่รู้สึกถึงกาลเวลาที่ไหลผ่าน และการรับรู้เกี่ยวกับการบรรลุมหาอริยะของเขาก็ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไปด้วย
ใกล้จะแตะเส้นทางนั้นที่ตนปรารถนาอยู่รางๆ!
……
“เหล่าซุ่น ฝั่งด่านสมุทรยังไม่มีข่าวอีกหรือ”
วันนี้พวกฮูหยินมู่ ซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อมารวมตัวกัน กำลังหารือเรื่องกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ
ซุ่นจี้ส่ายหน้าพูด “ไม่ เกือบครึ่งปีแล้ว หากเจอวิกฤตใหญ่จริงพวกท่านเซิ่น กู่เหลียงฉวี่จะต้องจุดไฟสัญญาณข่าวจักรพรรดิส่งข่าวให้พวกเรารับรู้ในทันทีแน่”
“หวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปโดยดี”
ฮูหยินมู่พึมพำ
ด่านสมุทรเป็นฐานทัพสำคัญแห่งหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ
ประมาณครึ่งปีก่อนศัตรูแปดดินแดนร่วมมือกัน รวมพลังทั้งหมดหน้าด่านสมุทร เปิดการจู่โจมที่อานุภาพเกรียงไกร
ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวมาถึงด่านตะวันแห่งนี้ ทำเอาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้เลย ในใจย่อมหลีกเลี่ยงความกังวลไม่ได้
“วางใจเถอะ หลังจากท่านเซิ่นมาถึงสนามรบแนวหน้าเมื่อสามปีก่อน ก็สำแดงความสามารถชั้นยอดและฝีมือที่กำราบทั่วฟ้าดิน สังหารจนศัตรูแปดดินแดนเหล่านั้นแตกกระเจิง กวาดล้างสถานการณ์น่าหดหู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ”
หลิงเซียวจื่อทอดถอนใจกล่าว “ตอนนี้ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ใครไม่รู้บ้างว่าขอเพียงแค่มีท่านเซิ่น สถานการณ์ในภาพรวมก็ถูกกำหนดแล้ว แนวหน้ามีอะไรต้องห่วงกัน”
ทุกคนต่างอดพยักหน้าไม่ได้ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ท่านเซิ่นมาจากหอฤทธิ์เทพ ไม่ว่าจะสติปัญญา กลยุทธ์ ฝีมือ พลังต่อสู้ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับกึ่งจักรพรรดิ แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ
มีข่าวลือว่าขาข้างหนึ่งของท่านเซิ่นได้ก้าวเข้าสู่ธรณีประตูระดับจักรพรรดิแล้ว สามารถเรียกว่าเป็น ‘ครึ่งก้าวสู่ระดับมหาจักรพรรดิ’ ได้แล้ว!
“ข้าได้ยินว่าหลังจากท่านเซิ่นมาถึงกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แผนการและกลยุทธ์บางอย่างที่ทำออกมามักเกิดความขัดแย้งกับกู่เหลียงฉวี่ ทั้งสองเคยโต้เถียงด้วยเหตุนี้มาหลายครั้ง จนตอนนี้มีแนวโน้มว่าจะไม่ลงรอยกัน”
จู่ๆ ผู้แข็งแกร่งกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งก็ถอนหายใจออกมา
“ข้าเองก็เคยได้ยินว่า เดิมทีในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิมีกู่เหลียงฉวี่เป็นใหญ่ เป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งด่านจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้หรือบารมี ล้วนไม่มีใครเทียบได้”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “แต่พอท่านเซิ่นมา ในสามปีนี้บารมีของท่านเซิ่นก็มีทีท่าว่าจะเหนือกว่ากู่เหลียงฉวี่อยู่รางๆ ด้วยความเย่อหยิ่งของกู่เหลียงฉวี่ จะยอมถูกท่านเซิ่นเหนือกว่าได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์