บนรถศึกผสานคราม นักพรตชิวท่าทีแข็งกระด้าง
หลังเงียบไปครู่หนึ่งหลิงเซียวจื่อก็กล่าวขึ้นว่า “แค่การต่อสู้ของพวกเด็กๆ หากคนเฒ่าเช่นเจ้านักพรตชิวยื่นมือเข้าแทรก จะไม่เกินไปหน่อยหรือ”
นักพรตชิวกล่าวเย็นชา “ข้าไม่ได้มาเพื่ออธิบายเหตุผล หากพวกเจ้าอยากขัดขวาง ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
กล่าวง่ายๆ คือเขามุ่งหน้ามาครั้งนี้ ไม่คิดจะพูดคุยเหตุผลสักนิด!
พวกหลิงเซียวจื่อ ซุ่นจี้สีหน้าขรึมลงทันที แต่บุตรนรกที่ยืนบนรถศึกผสานครามกลับยิ้ม ยิ้มอย่างลำพองหาใดเปรียบ
จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือแล้วอย่างไร
ขอแค่ได้แก้แค้น ใครจะไปสนใจเรื่องพวกนี้กัน
ถ้าพวกเจ้ามีปัญญา ก็ลองมาแอบอ้างบารมีเสือให้ข้าดูสิ
“หลีกไป!”
เสียงนักพรตชิวเย็นเยียบ สองคำสั้นๆ อานุภาพบีบคั้นผู้คน
เป็นกึ่งจักรพรรดิเหมือนกัน แต่ก็มีแบ่งแข็งแกร่งอ่อนแอ อย่างเช่นกู่เหลียงฉวี่ก็ถูกยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ
ส่วนพลังต่อสู้ของนักพรตชิวสามารถไต่เต้าขึ้นสู่สิบอันดับแรกในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ อานุภาพของเขาย่อมไม่เล็กจ้อยอย่างแน่นอน
บรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง
ท่าทีของนักพรตชิวไหนเลยจะแค่แข็งกระด้าง แต่ถึงขั้นไม่เห็นพวกเขาในสายตาด้วยซ้ำ!
“ไม่คุยเหตุผล ใช้กำลังรังแกผู้อื่นหรือ ได้ เจ้าอยากลงมือ ข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า!”
ซุ่นจี้เดือดดาลสุดขีด
ตูม!
เพิ่งสิ้นเสียง นักพรตชิวโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น หมื่นชีวิตเปลี่ยนสี แสงดาบคมกริบพุ่งยิงออกมา ฟาดฟันลงกลางอากาศ
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดพล่ามทำเพลงสักนิด เจ้าอยากสู้ เช่นนั้นก็จะสนองเจ้า!
ภายใต้เสียงดังกระหึ่มสะเทือนหู ร่างของซุ่นจี้โคลงเคลงรุนแรง โซซัดโซเซถอยออกไปหลายก้าว แต่ละก้าวที่เหยียบย่าง ห้วงอากาศล้วนทรุดทลาย
ยามเมื่อเขาทรงตัวมั่น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวแล้ว
อานุภาพดาบเดียวถึงกับน่าสะพรึงปานนี้!
บรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักได้ว่านักพรตชิวคนนี้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจัดการหลินสวินชัดๆ ขนาดซุ่นจี้ยังไม่ไว้หน้า
“เข้ามาอีก!”
ซุ่นจี้สีหน้าคล้ำเขียว ตั้งท่าจะพุ่งขึ้นไป แต่กลับถูกหลิงเซียวจื่อขวางไว้ กล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ให้ข้าไปดีกว่า”
หลิงเซียวจื่อย่างเท้าก้าวออกไป สีหน้าแน่วนิ่งไม่ไหวติง สายตาจับจ้องนักพรตชิวแล้วกล่าวใบหน้าไร้ความรู้สึก “ภายในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิห้ามต่อสู้ แต่เจ้านักพรตชิวหากคิดจะไม่สนอะไรทั้งสิ้น เช่นนั้นข้าหลิงเซียวจื่อก็จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
ดวงตานักพรตชิวหดรัดลงเล็กน้อย “หลิงเซียวจื่อ เจ้าน่าจะรู้ดี ข้ามาคราวนี้ไม่ใช่เพราะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ขอแค่ส่งตัวหลินสวินนั่นมา ข้าก็จะไปทันที”
หลิงเซียวจื่อเป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ หลายปีมานี้สร้างผลงานเนืองแน่น พลังต่อสู้ของเขาอาจธรรมดาทั่วไป แต่กลับเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้
ขนาดกู่เหลียงฉวี่ยังต้องให้ความเคารพสามส่วน!
“ฝันเฟื่องเพ้อพก!”
ท่าทีหลิงเซียวจื่อแข็งกระด้าง ไม่ยอมถอยสักนิด
“เจ้าเฒ่า นี่เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราให้ได้เลยหรือ”
บุตรนรกทนดูต่อไปไม่ไหว ส่งเสียงตะโกนออกมา
นี่ทำเอาพวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมา แค่คนรุ่นหลังคนหนึ่ง คิดว่าไปหานักพรตชิวใหม่มาเป็นผู้หนุนหลังแล้วจะพูดจาหยาบคาบปีนเกลียวได้แล้วหรือ
นักพรตชิวเองก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ตำหนิบุตรนรก “หลิงเซียวจื่อเป็นผู้อาวุโสของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ สร้างคุณูปการมากมาย เจ้าจะเสียมารยาทไม่ได้”
กล่าวพลางเขาทอดสายตามองหลิงเซียวจื่อ “ครั้งนี้ข้ามาเพราะรับคำสั่งของใต้เท้ากู่เหลียงฉวี่ หากเจ้าหลิงเซียวจื่อขัดขวาง นั่นเท่ากับไม่ไว้หน้าใต้เท้ากู่เหลียงฉวี่”
เขานำป้ายคำสั่งหยกดำออกมา “หากเจ้าไม่เชื่อก็ดูป้ายนี่”
วู้ม!
ป้ายคำสั่งเรืองแสง ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่ง สวมชุดผ้าป่าน ผมยาวรุงรัง ใบหน้าหนักแน่นมั่นคง ดวงตาคู่นั้นลุ่มลึกปานมหาสมุทรไพศาล
พวกหลิงเซียวจื่อแววตานิ่งขึง บุรุษชุดผ้าป่านคนนี้ก็คืออันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ กู่เหลียงฉวี่!
วู้ม…
เมื่อนักพรตชิวเก็บป้ายคำสั่ง เงามายาของกู่เหลียงฉวี่ก็อันตรธานหายไปด้วย
เพียงแต่สีหน้าของพวกหลิงเซียวจื่อมืดทะมึนอย่างยิ่ง
เพื่อจัดการเด็กคนหนึ่ง ไม่เพียงนักพรตชิวออกโรง แม้แต่กู่เหลียงฉวี่ยังก้าวออกมา นี่เห็นได้ชัดว่าข่มเหงรังแกกันนัก!
บรรยากาศกดดัน
ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่ากู่เหลียงฉวี่ อันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิที่สูงส่ง ถึงกับควักป้ายคำสั่งของตนออกมาเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
“เหอะๆ”
บุตรนรกหัวเราะเย็นชาขึ้นมา
ทั้งหมดนี้เดิมก็เป็นไปตามที่เขาคาด เขารู้ชัดแต่ต้นว่ามีสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้อยู่ ต่อให้นักพรตชิวออกหน้าก็ยากจะไปจัดการหลินสวิน
ดังนั้นจึงบากบั่นไม่เสียดาย ร้องขอจนได้ป้ายคำสั่งของกู่เหลียงฉวี่มา ที่ทำไปก็เพื่อข่มขวัญเจ้าเฒ่าพวกนี้ให้ไม่กล้ากางปีกปกป้องหลินสวินอีก!
“หลินสวินอยู่ไหน ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก!”
และเวลานี้เองจู่ๆ นักพรตชิวก็ตะโกนดังสนั่น เสียงดุจฟ้าคำราค์ สะเทือนทั่วสิบทิศ ก้องสะท้อนวนเวียนภายใต้แสงแดดกล้า
ชั่วขณะเดียวทั้งด่านตะวันที่แสนกว้างใหญ่ถูกทำให้แตกตื่น สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่ประจำการอยู่ในนั้นต่างตื่นตระหนก
หลิงเซียวจื่อเอ่ยอย่างเดือดดาล “นักพรตชิว เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว! ต่อให้กู่เหลียงฉวี่มาเองก็ไม่กล้าสามหาวเช่นเจ้าปานนี้!”
คนอื่นก็ๆ บันดาลโทสะ สีหน้ามืดทะมึนดุจกระแสน้ำ
กลับเห็นนักพรตชิวกล่าวเสียงเรียบ “ทุกท่าน ข้าเพียงแค่รับคำสั่งมาจัดการธุระ หากล่วงเกินประการใด ภายหน้าจะชดใช้คืนให้อย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์