ยามกึ่งจักรพรรดิเกรี้ยวโกรธ เพียงแค่กลิ่นอายเล็กน้อยก็สามารถบดขยี้เวิ้งฟ้า หวดขวางภูผาธารา!
“เจ้ากล้า!”
พริบตานี้พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่กระตุ้นพลังแห่งตนออกมาอย่างไม่ลังเล อานุภาพรอบกายต่างแผ่ซ่านออกมาโดยพลัน
ฮู้ม!
บรรดากึ่งจักรพรรดิประจันหน้ากันอย่างกร้าวแกร่ง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดโดยแท้ ฟ้าดินห้วงอากาศละแวกนั้นล้วนโกลาหลปั่นป่วน
ภายในด่านตะวัน เวลานี้มีเสียงอุทานตกตื่นไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ลอบสังเกตเรื่องทั้งหมดในเงามืด คล้ายคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะถึงขั้นตึงเครียดเช่นนี้!
นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น ชั่วพริบตาก่อนหน้านี้ เขารับรู้ถึงไอสังหารรุนแรงที่ปะทะเข้ามาอย่างแรงกล้า ไม่ต้องสงสัยสักนิด นักพรตชิวคนนี้หมายจะฆ่าตนแล้ว
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ให้ข้าจัดการคนเดียวเถิด!”
จู่ๆ หลินสวินพลันก้าวไปเบื้องหน้า ท่าทางสงบนิ่ง นัยน์ตากลับลุ่มลึกเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ
พวกซุ่นจี้ล้วนจนวาจา จนป่านนี้เจ้าหนูนี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ เขาคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของนักพรตชิวได้อย่างไร
“ฮ่าๆๆ หรือว่าทุกท่านดูไม่ออก เจ้าหนูนี่อยากใช้ความตายไถ่โทษชัดๆ แต่พวกเจ้าดันขวางอยู่ตรงหน้า ออกจะคิดเองเออเองเกินไปหน่อยหรือไม่”
บนรถศึกผสานคราม นักพรตชิวแหงนหน้าขึ้นฟ้าระเบิดหัวเราะ อำนาจบารมียิ่งบีบคั้นผู้คนมากขึ้น
พวกหลิงเซียวจื่อสีหน้ามืดทะมึนไม่หยุด แต่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแน่วแน่!
ที่นี่คือด่านตะวัน เป็นสถานที่ประจำการของพวกเขา หากแม้แต่หลินสวินยังปกป้องไม่ได้ พวกเขายังจะมีหน้าไปพบเจอผู้คนอยู่อีกหรือ
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินทั้งซาบซึ้งทั้งจนปัญญา อดกล่าวไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องนี้ข้าไม่อยากลากพวกท่านมาเกี่ยวด้วยจริงๆ ผลที่ตามมาทุกอย่างให้ข้าเป็นคนรับผิดชอบเองก็พอแล้ว”
ซุ่นจี้กล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าหนู ข้าไม่เคยเจอคนดื้อดึงเช่นเจ้ามาก่อนเลย ทุกคนล้วนหวังดีต่อเจ้าทั้งนั้น!”
นักพรตชิวระเบิดหัวเราะอีกครั้ง “ดูสิ คิดเองเออเองดังคาด!”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ เสียงคำรามสายหนึ่งก็ดังก้อง เบื้องหน้ารถศึกผสานคราม สิงห์มังกรทมิฬตัวหนึ่งพุ่งพรวดออกมาราวกับเมฆทะมึนแถบหนึ่ง เคลื่อนผ่านห้วงอากาศพุ่งตรงไปทางหลินสวิน
ระดับความเร็วและความแข็งกร้าวของกลิ่นอาย น่าสะพรึงเหนือจินตนาการ
แย่แล้ว!
พวกซุ่นจี้หน้าเปลี่ยนสี สิงห์มังกรทมิฬนี้เป็นสัตว์ประหลาดโดยกำเนิด ถูกกู่เหลียงฉวี่กำราบเมื่อนานมาแล้ว รับมาฝึกปราณข้างกาย
อย่ามองว่าสัตว์เหล่านี้เป็นแค่สัตว์ลากรถ ทว่าพลังต่อสู้แต่ละตัวล้วนเทียบเท่าราชันอริยะ เกรี้ยวกราดดุร้ายอย่างที่สุด
อย่าว่าแต่อริยะแท้อย่างหลินสวิน ต่อให้มหาอริยะอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ศัตรูระดับเดียวกับสิงห์มังกรทมิฬนั่น!
“เดรัจฉาน เจ้ากล้ารึ!”
ฮูหยินมู่โพล่งผรุสวาท ตั้งท่าจะลงมือ
สถานการณ์อันตราย พลังขับเคลื่อนและเป้าหมายก่อนหน้านี้ของพวกเขาอยู่ที่ตัวนักพรตชิว ใครก็คิดไม่ถึงว่าสิงห์มังกรทมิฬนั่นจะพุ่งโจมตีกะทันหัน
เพียงแต่ยังไม่รอให้ฮูหยินมู่เคลื่อนไหว ภาพเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น
สิงห์มังกรทมิฬที่พุ่งสังหารไปทางหลินสวินตัวนั้น ยังอยู่ระหว่างทางกลางห้วงอากาศก็ฟุบราบกับพื้นเสียงดังลั่น ร่างหมอบกระแตสั่นระริก ส่งเสียงร้องโหยหวนหวาดกลัวปานสะอื้นไห้ คล้ายถูกทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิง
นี่ไหนเลยจะเหมือนสัตว์ดุร้ายที่เทียบเท่าราชันอริยะ ไม่เหลือสภาพเกินไปแล้ว!
บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบแปลกประหลาดทันที
พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อต่างอึ้งงัน เกิดอะไรขึ้น
บนรถศึกผสานคราม รอยยิ้มของนักพรตชิวแข็งทื่อทันควัน นัยน์ตาหดรัด ทำท่าเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ
“นี่…”
บุตรนรกเกือบตาถลนออกมา
เจ้าเป็นถึงสิงห์มังกรทมิฬที่เทียบเท่าระดับราชันอริยะเชียวนะ เหตุใดเจ้าแม่งเหมือนแมวป่วยตัวหนึ่งไม่มีผิด
ต่อมาทุกคนถึงมองเห็น ไม่รู้เมื่อไหร่บนฝ่ามือหลินสวินปรากฏใบไม้ขาวโปร่งแสงปานหิมะน้ำแข็งใบหนึ่ง
ใบไม้กลมมนแวววาว ไหลเวียนด้วยแสงเรื่อแปลกประหลาด มดสำริดขนาดเท่าเมล็ดงาตัวหนึ่งกำลังนอนฟุบอยู่บนนั้น
มดสำริดเล็กจ้อยไม่เตะตาปานนั้น แต่ยามเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าทอดสายตามองไป ไม่มีใครไม่ใจสะท้าน
กลิ่นอายน่าสะพรึงยิ่ง!
เป็นพวกระดับใดกัน
ชั่วขณะนั้นบรรยากาศยิ่งเงียบกริบขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดสิงห์มังกรทมิฬที่เทียบเท่าระดับราชันอริยะถึงถูกทำให้ตกใจจนกลายเป็นสภาพนี้
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะกลิ่นอายของมดสำริดตัวนั้นน่าสะพรึงเกินไป!
และยามนี้ หลินสวินคล้ายสั่นสอนหลานชายไม่มีผิด พูดกับมดสำริดตัวนี้ว่า “ตกลงกันแล้ว ให้เจ้าออกมาสูดอากาศ หากกล้าเล่นซน ข้าก็จะผนึกเจ้าไว้ตลอดกาล”
มดสำริดคล้ายเดือดดาล ขยับหนวดไปมา แต่สุดท้ายก็รอมชอม เค้นคำพูดออกมาจากปากคำหนึ่งว่า “ได้”
ทุกคนไม่มีใครไม่ปากอ้าตาค้าง
มะ… มดสำริดน่าสะพรึงระดับนี้ ถึงกับเชื่อฟังคำสั่งคนรุ่นหลังอย่างหลินสวิน?
คราวนี้หลินสวินจึงยิ้มพอใจ ขยับปลายนิ้วเบาๆ ใบไม้แวววาวปานหิมะน้ำแข็งพลันสั่นไหว
ตูม!
มดสำริดตัวนั้นโฉบพุ่งออกไป ร่างกายที่แต่เดิมขนาดเท่าเมล็ดงา พริบตาเดียวก็มีขนาดเท่าลูกวัว ทั่วร่างประหนึ่งสร้างจากทองเทพ แผ่กลิ่นอายเจิดจ้าแพรวพราวออกมา
โดยเฉพาะกรามที่แหลมคมคู่นั้น น่าสยดสยองเทียบเท่าใบมีดศาสตราจิตชัดๆ
และเมื่อมดสำริดเผยร่างแท้จริง อานุภาพเย็นเยียบดุกร้าวก็พลอยพวยพุ่งออกมาด้วย ครอบฟ้าคลุมดิน ทำเอาฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน
มันดูคล้ายหิวจะแย่ ทันทีที่ปรากฏตัวก็อ้าปากสูดกลืนหนึ่งครา กลืนสิงห์มังกรทมิฬที่นอนหมอบราบบนพื้นตัวนั้นเข้าไปในปากและเริ่มเคี้ยวอย่างเมามัน
เสียงกระดูกเลือดเนื้อระเบิดปะทุดังออกมาจากเขี้ยวฟันที่แหลมคมนั่น เลือดสดไหลเอ่อ ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าแถวนั้นขนลุกขนพอง
มดสำริดจอมพลัง!
นี่เป็นถึงสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ที่หายากตัวหนึ่ง ซ้ำยังมีพลังน่าเหลือเชื่อ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์