หอฤทธิ์เทพ
แวบแรกที่ท่านเมี่ยวเสวียนเห็นหลินสวินก็อดอึ้งไม่ได้
ไม่เจอกันสามเดือน หลินสวินราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง บนร่างมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่คนในรุ่นเดียวกันไม่มีเพิ่มเข้ามา
ตระหง่านโดดเด่นราวกับภูเขา กว้างใหญ่ไพศาลดั่งมหาสมุทร ยิ่งใหญ่และก้าวไกล ไร้ขอบเขตไร้จำกัด!
หรือเขาบรรลุระดับขึ้นไป กลายเป็นมกุฎมหาอริยะแล้ว
ไม่นานท่านเมี่ยวเสวียนก็พบว่าหลินสวินไม่ได้บรรลุระดับ เพียงแต่บนร่างของเขากลับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่ง ‘ความยิ่งใหญ่’ วนเวียนอยู่
โดยเฉพาะตอนที่เขาหมายจะสัมผัสอย่างละเอียด กลับพบว่าแต่ละภาพที่เห็นก่อนหน้านี้ล้วนหายไป หลินสวินยังคงเป็นหลินสวินคนนั้น ราบเรียบราวกับหยกเจียระไน เก็บซ่อนอยู่ภายใน มีความเป็นธรรมชาติ
หากผู้ฝึกปราณคนอื่นเห็นเข้า จะต้องเข้าใจผิดว่าหลินสวินเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!
‘สิ่งมหัศจรรย์เก็บงำประกาย คนก็เช่นกัน เมื่อน่าทึ่งถึงขีดสุดเหมือนดั่งหมื่นลักษณ์ไร้รูป แต่กลับทำให้คนไม่อาจสังเกตเห็น’
ท่านเมี่ยวเสวียนแอบชื่นชมในใจ
หลินสวินไม่ได้หยุดที่หอฤทธิ์เทพ สนทนากับท่านเมี่ยวเสวียนคร่าวๆ ก็วางแผนจะจากไปทันที
สามเดือนที่แล้วยามเขาเตรียมจะมุ่งหน้าไปกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เคยเจอผู้กล้าที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวน
อ๋าวเจิ้นเทียนเป็นญาติผู้พี่ของจ้าวจิ่งเซวียน มาดินแดนรกร้างโบราณคราวนี้เพื่อพาจ้าวจิ่งเซวียนไปร่วม ‘งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร’ ที่เผ่าเจินหลง
เพียงแต่ตอนนั้นหลินสวินไม่ได้ตอบรับ บอกเพียงว่าหลังจากเขากลับจากสนามรบแนวหน้าแล้วค่อยตัดสินใจเรื่องนี้
และเมื่อครู่นี้หลังจากคุยกับท่านเมี่ยวเสวียน หลินสวินถึงรู้ว่าอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนไปจากหอฤทธิ์เทพ มุ่งหน้าไปยังทะเลหมากดาราตั้งแต่เมื่อสองเดือนที่แล้ว
นี่ทำให้หลินสวินอดกังวลไม่ได้ หากอ๋าวเจิ้นเทียนซี้ซั้วทำอะไร บังคับพาจ้าวจิ่งเซวียนไป เช่นนั้นก็ไม่ดีแน่
ดังนั้นหลินสวินจึงไม่กล้าอยู่ต่ออีก
……
ทะเลหมากดารา
เกาะแต่ละเกาะราวกับดวงดาวที่กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า จุดประกายบนผิวทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล หมอกควันคละคลุ้ง ราวกับปกคลุมด้วยผ้าคลุมลึกลับชั้นหนึ่ง
บนเกาะหนึ่งในนั้น
“ไม่ใช่พี่ชายอย่างข้าคุยโว บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ใครกล้าไม่ไว้หน้าข้าอ๋าวเจิ้นเทียนบ้าง ทายาท ‘สิบเผ่านักรบใหญ่’ อะไร ผู้สืบทอด ‘หกเรือนมรรคใหญ่’ อะไร ต่อให้พลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าข้า ระดับอาวุโสสูงกว่าข้า แต่พอเห็นข้าก็ยังต้องเกรงใจ!”
ดวงตาที่เมามายของอ๋าวเจิ้นเทียนฉ่ำเยิ้ม แก้มแดงระเรื่อ นั่งคุยโม้อยู่ตรงนั้น
“คุยโว เจ้าคุยโวไปเถอะ เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ เหตุใดจนตอนนี้ยังไม่เบียดตัวขึ้นกระดานอริยะแท้ฟ้าดาราอะไรนั่นอีก”
เจ้าคางคกหัวเราะ ไม่เชื่อเลยสักนิด
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า ไม่เพียงแค่คางคกขึ้นวอ ชอบยกหางตัวเอง แม้แต่เผ่าเจินหลงก็ชอบคุยโวด้วย ฮ่าๆๆ…”
อาหลู่หัวเราะยิ้มอย่างปลดปล่อยและดิบเถื่อน
ข้างๆ ทั้งสามมีไหเหล้าสิบกว่าไหไว้ ล้วนเป็นเหล้าที่อ๋าวเจิ้นเทียนนำมา เป็นเหล้าชั้นดีของเผ่าเจินหลง เรียกกันว่า ‘เทพเซียนกลับหัว’
“โง่งม!”
อ๋าวเจิ้นเทียนสีหน้าดูถูกเต็มประดา “พวกเจ้าทั้งสองอยู่แต่ในที่เล็กๆ อย่างดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้มาโดยตลอด จะรู้ความกว้างใหญ่ไพศาลของทางเดินโบราณฟ้าดาราได้อย่างไร มีเวลาพวกเจ้าก็ไปสืบค้นที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราดู ว่าข้าอ๋าวเจิ้นเทียนโกหกหรือเปล่า”
ห่างออกไปอิ๋นฮวนและจ้าวจิ่งเซวียนกำลังดื่มชา
เห็นทั้งหมดนี้อิ๋นฮวนก็จนใจอยู่บ้าง “ญาติผู้พี่คนนั้นของเจ้าดีทุกอย่าง แต่ชอบดื่มเหล้าเกินไป ดื่มทีก็เมาจนลืมตัว ปากไม่มีหูรูด”
นี่เป็นการดื่มรอบที่เก้าหลังจากนางและอ๋าวเจิ้นเทียนมาถึงทะเลหมากดาราแล้ว แต่ละครั้งก็ต้องดื่มถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน
ทำให้อิ๋นฮวนเองยังอดปวดหัวไม่ได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบให้ผู้ชายของตนติดเหล้าเป็นชีวิตจิตใจหรอกนะ
จ้าวจิ่งเซวียนยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
สองเดือนก่อนหลังจากอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนมาถึง ก็ได้แสดงจุดประสงค์การมาอย่างชัดเจน และทำให้จ้าวจิ่งเซวียนได้เจออ๋าวเจิ้นเทียน ‘ญาติผู้พี่’ ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนคนนี้ได้ในที่สุด
อีกฝ่ายกระตือรือร้นมาก ในฐานะ ‘องค์ชายเจ็ด’ ของเผ่าเจินหลง แต่กลับไม่ได้วางมาดข่มกัน
จากปากของอ๋าวเจิ้นเทียนก็ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนได้รู้เป็นครั้งแรกว่า ที่แท้มารดาของนางเป็นลูกหลานสายตรงของเผ่าเจินหลง ผู้นำเผ่าเจินหลงคนปัจจุบันก็คือพี่ชายแท้ๆ ของมารดา!
ในเวลาเดียวกันจ้าวจิ่งเซวียนก็ได้รู้ถึงรายละเอียดของงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร สุดท้ายจึงมั่นใจว่าอ๋าวเจิ้นเทียนมาครั้งนี้ด้วยความหวังดีจริงๆ
“ทั้งสองคน พวกเจ้าไม่ไปทางเดินโบราณฟ้าดารากับข้าจริงๆ หรือ นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพบ อยากจะเดินทางไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราจากดินแดนรกร้างโบราณ หากไม่มีวิธีการพิเศษก็ต้องบรรลุจักรพรรดิเสียก่อน จึงจะมีความสามารถไปได้”
เห็นได้ชัดว่าอ๋าวเจิ้นเทียนเมาแล้ว พูดอย่างเย่อหยิ่ง “แต่ขอเพียงแค่พวกเจ้าเต็มใจ ตอนที่ข้าพาญาติผู้น้องจากไป รับรองว่าสามารถพาพวกเจ้าไปด้วยได้แน่ ด้วยรากฐานพลังและพรสวรรค์ของพวกเจ้า แม้ไปถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ไม่มีทางถูกขวางกั้นหรอก บวกกับมีข้าอ๋าวเจิ้นเทียนหนุนหลัง ใครจะกล้ารังแกพวกเจ้า”
เจ้าคางคกดื่มเหล้าพลางคุยจ้อ “เหอะๆ ยังไม่ต้องพูดถึงพวกเรา แค่แม่นางจิ่งเซวียนที่เจ้าจะพาตัวไป หากพี่ใหญ่ข้าไม่พยักหน้า เจ้าก็อย่าฝัน”
“ใช่ ไม่มีทาง!”
อาหลู่พยักหน้า
อ๋าวเจิ้นเทียนเดือดดาล “ข้าพาญาติผู้น้องไปร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร ไม่ได้จะทำร้ายนางเสียหน่อย เหตุใดพวกเจ้าจึงท่าทางระแวงเช่นนี้”
เจ้าคางคกและอาหลู่พูดเป็นเสียงเดียวกัน “เพราะตอนนี้แม่นางจิ่งเซวียนเป็นผู้หญิงของพี่ใหญ่ของข้า”
“เฮ้อ!”
อ๋าวเจิ้นเทียนถอนหายใจยาว “พวกเจ้าไม่เข้าใจ ในร่างมีเลือดของเผ่าเจินหลงไหลเวียนอยู่ หากญาติผู้น้องของข้าจะออกเรือนไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก… อย่างข้าในฐานะองค์ชายเจ็ดของเผ่า ตำแหน่งสำคัญเพียงใด แต่หากจะสู่ขอแม่นางอิ๋นฮวนยังต้องได้รับการยินยอมจากผู้อาวุโสในเผ่า เฮ้อ ไม่พูดแล้ว พูดไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
อิ๋นฮวนขมวดคิ้ว อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ พูดกับจ้าวจิ่งเซวียนด้วยเสียงอ่อนโยน “น้องสาว หากเจ้ากับหลินสวินนั่นชอบพอกันจริง ข้าจะกล่อมให้คุณชายอ๋าวช่วยพวกเจ้าให้มากๆ”
บางทีอาจจะเพราะสถานการณ์ของจ้าวจิ่งเซวียนและหลินสวินมีจุดที่เหมือนนางกับอ๋าวเจิ้นเทียน ทำให้นางรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างอดไม่ได้
จ้าวจิ่งเซวียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
นางไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจมากขนาดนั้น เพราะแม้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่อต้าน นางก็จะอยู่กับหลินสวินโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์