Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1672

สรุปบท ตอนที่ 1672 ไม่เจียมตัว?: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 1672 ไม่เจียมตัว? – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1672 ไม่เจียมตัว? ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ที่นั่นคือหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง คละคลุ้งด้วยแสงระเรื่อปานอริยเทพ ชั้นเมฆบนเวิ้งฟ้าล้วนถูกย้อมเป็นสีทองงดงาม

ทอดสายตามองไปฟ้าดินเวิ้งวาง มีเพียงหุบเขาสีทองตั้งโดดอยู่ตรงนั้น ตระการตายิ่งยวด

หุบเขาตะวันคล้อย!

ไกลออกไปนัยน์ตาดำหลินสวินเยียบเย็นลุ่มลึก สีหน้าเรียบเฉยไม่ไหวติง

ด้านข้าง เจ้านกดำรีบแนะนำเป็นพัลวัน

“เผ่าอีกาทองนี่มีราชครูสวรรค์ทั้งสิ้นสามสิบหกคน แต่ละคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับอริยะแท้”

“มีผู้อาวุโสอริยะสิบสองคน สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้อย่างน้อยก็มีพลังต่อสู้ระดับมหาอริยะ”

“อย่างอูเหิงเทียนหัวหน้าเผ่าเผ่าอีกาทองคนปัจจุบันก็เป็นระดับมหาอริยะคนหนึ่ง”

“นอกจากนี้คนเผ่าอีกาทองมีราวๆ สามพัน จำนวนไม่ถึงขนาดมากมาย ทว่าแต่ละคนล้วนเป็นพวกร้ายกาจทั้งนั้น”

“แน่นอน สำหรับพวกเราแล้วราชครูสวรรค์ไม่มีค่าให้สนใจด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือผู้อาวุโสอริยะพวกนั้น”

“และเมื่อเทียบกับขุมอำนาจอื่นๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ รากฐานของเผ่าอีกาทองก็ไม่ได้น้อยหน้า ถึงขั้นอยู่เหนือกว่าด้วยซ้ำ”

“ส่วนหุบเขาตะวันคล้อยนั่น นับแต่อดีตจนปัจจุบันก็ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ที่นั่นเป็นรังนอนของเผ่าอีกาทอง กล่าวว่าเป็นถ้ำเสือบ่อมังกรก็ไม่เกินจริง หากพวกเราผลีผลามบุกเข้าไปอาจประสบอันตรายเหนือคาดหมายเอาได้ง่ายๆ”

“จริงสิ ในฐานะแดนเร้นอริยะ พวกนี้ก็เป็นเพียงแค่พลังเปลือกนอกของเผ่าอีกาทองเท่านั้น อิงจากคำเล่าลือในโลก เผ่าอีกาทองแม้ไม่มีระดับกึ่งจักรพรรดิควบคุมดูแล แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีพวกน่าสะพรึงระดับราชันอริยะอยู่แน่”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดมองเจ้านกดำอย่างประหลาดใจปราดหนึ่งไม่ได้ “เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจมากทีเดียว”

เจ้านกดำหัวเราะหึๆ กล่าวอย่างได้ใจ “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ครั้งนี้นายท่านนกอย่างข้าลับดาบมาอย่างดี ตั้งใจจะโค่นต้นเทพฝูซางนั่นเสีย และถือโอกาสคว้าสมบัติอื่นๆ บางส่วนไปด้วย จะไม่ให้ตั้งใจสืบข่าวของศัตรูได้อย่างไร”

หลินสวินเองก็นึกขึ้นได้ ท่านเซิ่นเคยบอกว่าพวกกึ่งจักรพรรดิของเผ่าอีกาทอง ยามนี้ล้วนทำหน้าที่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าในหุบเขาตะวันคล้อยจะไม่มีสัตว์ประหลาดเฒ่านั่งเป็นกำลังหลักอยู่

อย่างน้อย ระดับราชันอริยะก็คงต้องมีอยู่บ้าง!

และในดินแดนรกร้างโบราณตอนนี้ ในขุมอำนาจแห่งหนึ่ง หากมีราชันอริยะคนหนึ่งนั่งเป็นกำลังหลักก็ย่อมเรียกได้ว่าเป็นตัวตนประหนึ่งเทียมฟ้า สามารถข่มขวัญใต้หล้าได้

แต่หลินสวินในยามนี้ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว

อาหลู่ถูไม้ถูมือเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ พวกเราจะลอบโจมตีหรือจะรออยู่ที่นี่ โผล่มาหนึ่งคนก็เชือดหนึ่งคนดี”

“ลอบโจมตี?”

เจ้านกดำส่วยหน้าทันควัน “ภายในหุบเขาตะวันคล้อยมีกระบวนผนึกเป็นชั้นๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเหลือโอกาสให้พวกเราลอบโจมตี คอยเฝ้ารอก็ไม่ดี พวกเรามาแก้แค้นนะ หากไม่ได้โค่นต้นเทพฝูซางจะไม่ขายหน้าเกินไปหรอกหรือ”

เจ้านกหัวขโมยนี่ทั้งใจยึดติดแต่กับต้นเทพฝูซาง!

“แล้วเจ้าว่าควรทำอย่างไร”

อาหลู่ถลึงตา

ลูกตาเจ้านกดำกลอกกลิ้ง เหลือบมองทางหลินสวิน “เจ้าหนู ถามเจ้าอยู่นะ”

มันก็ใคร่รู้อยู่ในใจว่าเหตุใดหลินสวินถึงนิ่งนอนใจไร้กังวลเช่นนี้ ควรรู้ว่าต่อให้ราชันอริยะคิดอยากต่อกรกับเผ่าอีกาทอง เกรงว่ายังต้องชั่งใจถึงผลที่ตามมาอยู่บ้าง

“ทำอย่างไร แน่นอนว่าต้องไปเยี่ยมเยียนถึงที่ก่อน”

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ยิ้มกล่าว

ระหว่างพูดคุยพวกเขาก็มาถึงบริเวณที่อยู่ห่างจากหุบเขาตะวันคล้อยไม่กี่พันจั้ง ไกลออกไปเป็นปากทางเข้าหุบเขามหึมาที่ถูกแสงทองเจิดจรัสห้อมล้อม เต็มไปด้วยกลิ่นอายอริยเทพ

“พวกเจ้ามาทำอะไร”

จู่ๆ อีกาทองตัวหนึ่งก็ทะยานลงมาจากฟ้า กลายเป็นชายหนุ่มตัวผอมคนหนึ่ง สีหน้าจองหอง แววตาเยียบเย็น

“หากมาเยี่ยมเยียนก็ต้องยื่นเทียบคารวะ หากไม่มีเทียบคารวะก็รีบหัวไสไป! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้าจะมาตามอำเภอใจ”

พร้อมกันนั้นบริเวณหุบเขามีเงาร่างมากมายหลายสายเพิ่มขึ้นมา ล้วนทอดสายตามองไปยังแขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มนี้

“หลินสวิน มุ่งหน้ามาเยี่ยมเยียนเผ่าอีกาทอง!”

จู่ๆ หลินสวินก็โพล่งขึ้น เสียงไม่ดังนักแต่กลับก้องกังวานอยู่ในใจทุกคน ดังลอยเข้าไปยังหุบเขาตะวันคล้อย

“อะไรนะ เจ้าก็คือหลินสวิน?”

“แย่แล้ว เจ้าหมอนี่มาแก้แค้น!”

“ไม่ใช่กระมัง นี่เป็นถึงอาณาเขตของพวกเราเผ่าอีกาทอง หากเขามาแก้แค้น จะต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย”

ในลานฮือฮา ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั้งกลุ่มเลิ่กลั่ก สีหน้าแปรเปลี่ยน

หลินสวิน อันดันหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดน มกุฎอริยะคนหนึ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณตอนนี้ ใครไม่รู้จักบ้าง

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากหายหน้าหายตาไปครึ่งปี หลินสวินถึงกับปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าอาณาเขตเผ่าอีกาทองของพวกเขา!

ชั่วขณะเดียวสายตาทุกคู่ที่มองมาทางหลินสวินล้วนเจือแววตกใจระคนสงสัย เคียดแค้น หวาดกลัว

หลินสวินคร้านจะใส่ใจ ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ผ่าเผยตรงไปตรงมา ขวางอยู่นอกหุบเขาตะวันคล้อยสามพันจั้ง!

“นี่… นี่คิดจะใช้บารมีน่าเกรงขามเหยียบที่นี่ให้มอดดับหรือ”

เจ้านกดำยังเบิกตากว้างยากจะเชื่อ

เจ้าหนูนี่กล้าบ้าบิ่นปานนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในแดนเร้นอริยะอย่างเผ่าอีกาทองยังไม่เห็นอยู่ในสายตา

“เจรจาก่อนค่อยสู้ทีหลัง หยั่งเชิงเผ่าอีกาทองเสียหน่อย”

หลินสวินเอ่ยง่ายๆ

หุบเขาตะวันคล้อย ถึงอย่างไรก็มีพวกระดับจักพรรดิแท้ เป็นไปได้หรือที่จะไม่เหลือทางหนีทีไล่อะไรไว้เลย

ไม่นานภายในหุบเขาสีทองกว้างใหญ่นั่นพลันมีเงาร่างที่กลิ่นอายน่าสะพรึงสายแล้วสายเล่าพุ่งโฉบออกมา มีทั้งเด็กทั้งแก่ มีทั้งชายทั้งหญิง

ผู้นำก็คืออูเหิงเทียนนั่นเอง!

เดิมทีได้ยินว่าหลินสวินเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ ในใจอูเหิงเทียนยังรัดเกร็งอยู่พักหนึ่ง นึกว่าหลินสวินหาที่พึ่งมั่นคงอะไรได้แล้วถึงใจกล้าปานนี้

ใครเลยจะคาดคิด เมื่อมาถึงที่นี่ ภาพที่เห็นกลับมีสภาพเช่นนี้

หลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่ เจ้านกดำ คนไม่กี่คนกับนกหนึ่งตัว ยืนนิ่งเปิดเผยอยู่ตรงนั้น

นอกจากนี้ก็ไม่มีใครอื่นอีก!

หลังจากผ่านคลื่นลมครั้งใหญ่จากสมรภูมิเก้าดินแดน มีหรือพวกเขาจะสนใจสถานการณ์เช่นนี้

ตราบใดที่มีหลินสวินอยู่ ต่อให้เข่นฆ่ากับเทพสวรรค์พวกเขาก็ไม่หวั่น!

ชั่วขณะเดียวสีหน้าเหล่าคนใหญ่คนโตเผ่าอีกาทองอย่างพวกอูเหิงเทียนล้วนมืดทะมืนขึ้นมา พวกเขามองไม่ใคร่ออกจริงๆ ฉะนั้นจึงไม่ได้ลงมือตั้งแต่แรก

ต่อให้ปากจะดูแคลนหลินสวินแค่ไหน แต่ในใจพวกเขาก็ไม่กล้าดูเบา

ถึงอย่างไรก็เป็นพวกร้ายกาจที่อาศัยพลังต่อสู้ของตนเข่นฆ่าผงาดขึ้นมา ครองฉายา ‘อันดันหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดน’ มีหรือจะเป็นพวกไม่รู้จักเป็นตาย

ในเมื่อเขากล้ามุ่งหน้ามาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีที่พึ่งบางอย่างแล้วก็เป็นได้!

และเพราะเหตุนี้ พวกอูเหิงเทียนจึงไม่ได้ลงมือทันที

หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่นกล้าบุกมาเอะอะในอาณาเขตของพวกเขา ป่านนี้คงถูกพวกเขาซัดตายเหมือนแมลงวันไปนานแล้ว คงไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด

และในเวลานี้ หลินสวินถอนใจเบาๆ “ดูท่าครั้งนี้คงได้แต่ต้องใช้กำลังลงแล้ว”

“อาศัยแค่พวกเจ้า เกรงว่ายังห่างไกลเกินไป!”

อูเหิงเทียนแค่นเสียงเย็น

เขาอดกลั้นมาเต็มทนแล้ว อยู่ในจุดที่จวนระเบิดเต็มที ไอสังหารรายล้อมทั่วร่าง

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นกัน

ฟ้าดินครัดเคร่ง บรรยากาศกดดัน

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินระบายยิ้ม ตั้งท่าเตรียมเคลื่อนไหว

ก็ในเวลานี้ เสียงหัวเราะลั่นที่ดังก้องสะเทือนไกลสายหนึ่งก็ดังมาแต่ไกลๆ

“หุบเขาวาโยพิสุทธิ์ เซี่ยวชางเทียนมาแล้ว!”

ฮู้ม!

เงาร่างกำยำสายหนึ่งแหวกอากาศมาเยือนก่อนโรยตัวสู่พื้นแผ่วเบา กลิ่นอายน่าสะพรึงโสโอหังก็พลอยแผ่กว้างตามมาด้วย

คนผู้นี้หัวไหล่สะพายดาบยาวเล่มหนึ่ง บุคลิกแข็งกร้าว เป็นเซี่ยวชางเทียนนั่นเอง

นัยน์ตาของพวกอูเหิงเทียนหดรัด

หุบเขาวาโยพิสุทธิ์ คนทั่วไปอาจไม่ค่อยรู้จักชื่อนี้เท่าใดนัก แต่ไม่ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนใดที่เหยียบย่างระดับอริยะ ก็แทบจะรู้ดีว่านี่คือแดนเร้นอริยะแห่งหนึ่งที่น่ากลัวและเร้นลับปานใด!

อย่างน้อยหากพูดถึงรากฐาน ก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาเผ่าอีกาทองเลยสักนิด

นี่ก็คือที่พึ่งของเจ้าหลินสวินนี่หรือ

ในใจพวกอูเหิงเทียนหัวเราะเย็นชา แค่มีคนจากหุบเขาวาโยพิสุทธิ์มาคนเดียว ก็คิดอยากงัดข้อกับพวกเขาเผ่าอีกาทองหรือ

ไม่เจียมตัว!

เพียงแต่ครู่ต่อมาก็มีเสียงดังก้องขึ้นอีกครั้ง เจือกลิ่นอายล่าสังหารดังชิ้งๆ ประหนึ่งเสียงกระบี่ครวญ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์