Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1671

ห่างจากช่วงที่สมรภูมิเก้าดินแดนปิดม่าน ผ่านไปเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว

ในช่วงครึ่งปีนี้ดินแดนรกร้างโบราณเกิดเรื่องฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่ ยิ่งไม่รู้มีคนเท่าไหร่ที่สั่นผวาเพราะผลงานการศึกในสมรภูมิเก้าดินแดนของหลินสวิน

อันดันหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดน!

ฉายานี้สะดุดตาราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่บนเวิ้งฟ้า ขอเพียงเป็นผู้บำเพ็ญในดินแดนรกร้างโบราณ ยามนี้ใครจะไม่รู้จักชื่อของหลินสวินบ้าง

คลื่นลมใต้หล้ากำเนิดในรุ่นข้า ในเหล่าข้าเขาคือสุดยอด!

‘เขา’ คนนี้ก็คือหลินสวิน

ไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณที่ผูกแค้นหลินสวินเหล่านั้นก็ดี หรือจะเป็นขุมอำนาจใหญ่ที่กริ่งเกรงต่อหลินสวินพวกนั้นก็ตาม

ไม่ว่าใครต่างก็รู้ชัดว่าดินแดนรกร้างโบราณในยามนี้ หลินสวินบารมีแกร่งกล้า เรืองรองคมประกาย ไม่มีใครสามารถกดข่มได้!

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าขุมอำนาจที่เคียดแค้นหลินสวินเหล่านั้นจะหวาดผวาและก้มหัวเพราะเหตุนี้

ถึงอย่างไรก็เป็นขุมอำนาจเก่าแก่ที่สืบทอดมาช้านาน ภายในจะขาดรากฐานแห่งมกุฎอริยะที่ไร้เกรงกลัวได้อย่างไร

แต่ว่าขอเพียงไม่โง่ ก็ไม่มีขุมอำนาจใหญ่แห่งไหนกล้าลงมือกับหลินสวินอีก

หลินสวินคนเดียวอาจไม่ควรค่าให้ผู้คนกริ่งเกรงนัก แต่เบื้องหลังเขามีเงาของขุมอำนาจน่าสะพรึงมากมายหนุนอยู่นานแล้ว!

อย่างเช่นตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ลัทธิเทพต้นกำเนิด หรืออย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ตระกูลเยี่ยเขาจื่อเวยเป็นต้น

ล้วนเพราะหลินสวินเคยปกป้องทั่วทั้งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ ผูกไมตรีกับมกุฎอริยะในหมู่คนรุ่นเยาว์ไว้มากมายในสมรภูมิเก้าดินแดน

และเบื้องหลังมกุฎอริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้ แทบจะมีขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่งหนุนหลังอยู่!

หากหลินสวินประสบเคราะห์ คนรุ่นเดียวกันที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาในสมรภูมิเก้าดินแดน มีหรือจะอยู่เฉยไม่ทำอะไร

นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดที่ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณหวาดกลัว!

ถึงขนาดที่ว่าเพราะจุดนี้ ขุมอำนาจใหญ่ไม่น้อยที่เคยตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อหลินสวิน ยังต้องกังวลว่าหลินสวินจะมุ่งหน้าบุกมาแก้แค้นหรือไม่

นี่ก็คือพลังแห่งอิทธิพล!

เป็นอานุภาพที่ล้นทะลักออกมาจากการที่หลินสวินกรำศึกคนเดียวนานปี!

……

เพียงแต่ที่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณคือ ในช่วงครึ่งปีหลังสมรภูมิเก้าดินแดนปิดม่าน บุคคลโดดเด่นสะดุดตา ใต้หล้าเป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างหลินสวินนี่ กลับเงียบหายไปเหมือนระเหยกลางอากาศ ไม่มีข่าวคราวแพร่งพรายออกมาอีกเลย

มีคนบอกว่าเขากำลังปิดด่านแจ้งมรรค

และมีคนบอกว่า เป็นไปได้สูงว่าเขาอาจออกไปจากดินแดนรกร้างโบราณ หวนสู่ ‘โลกชั้นล่าง’ ไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

ถึงขั้นยังมีคนบอกว่าหลินสวินรู้ตัวว่าประกายคมแข็งกล้าแข็งเกินไป พานจะถูกริษยาได้ง่ายๆ ฉะนั้นจึงเลือกปิดบังชื่อแซ่ เก็บตัวอยู่แต่ในเรือน…

แน่นอนว่านี่ย่อมเหลวไหลอย่างเห็นได้ชัด

แต่ก็มีข่าวบอกว่าหลินสวินเคยหยิบยืมพลังของหอฤทธิ์เทพ มุ่งหน้าสู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ทำเอาที่นั่นอึกทึกครึกโครมฟ้าพลิกดินคว่ำ

น่าเสียดาย ข่าวที่ใกล้เคียงความจริงเช่นนี้ หลังจากแพร่กระจายในดินแดนรกร้างโบราณ กลับถูกผู้คนมากมายคิดว่าเหลวไหลไม่ได้เรื่องเสียได้

เหตุผลง่ายดายยิ่ง ใครบ้างไม่รู้ว่ากำแพงเมืองด่านจักรพรรดิคือโลกของสัตว์ประหลาดเฒ่ากึ่งจักรพรรดิ

อย่าว่าแต่มกุฎอริยะแท้คนหนึ่ง ต่อให้ราชันอริยะไปเองก็ต้องตกเป็นรอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘อึกทึกครึกโครมฟ้าพลิกดินคว่ำ’ เลย

บางครั้งความจริงและข่าวลือล้วนสับสนแยกจากกันไม่ออกเช่นนี้

สรุปแล้วเวลาครึ่งปีผ่านไป คำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวกับหลินสวินก็ค่อยๆ สงบลง

ในช่วงนี้ขุมอำนาจใหญ่ที่แต่เดิมยังอกสั่นขวัญแขวน กังวลอยู่บ้างว่าหลินสวินจะบุกมาแก้แค้นถึงที่ก็ค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องเหล่านี้ไปบ้าง

ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ ขบวนของพวกหลินสวินเริ่มเคลื่อนไหวมุ่งหน้าสู่หุบเขาตะวันคล้อยแล้ว!

……

หุบเขาตะวันคล้อย

อาณาเขตของเผ่าอีกาทอง และถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘แดนเร้นอริยะ’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนรกร้างโบราณ

เหนือตำหนักมโหฬารที่สร้างขึ้นจากอิฐสีทองแห่งหนึ่ง อีกาทองขนาดเล็กตัวแล้วตัวเล่าสยายปีกโผบิน ปีกสาดพรมเปลวเพลิงสายแล้วสายเล่า วิเศษอัศจรรย์เหนือธรรมดา

ภายในโถงตำหนัก อูเหิงเทียนนั่งบนตำแหน่งประธานตรงกลาง นั่งนิ่งอยู่คนเดียว หว่างคิ้วเจือแววเศร้าโศก

เขาสวมชุดคลุมสีทอง ผมเคราสีขาวขุ่น ใบหน้าเหี่ยวแห้ง เป็นหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันของเผ่าอีกาทอง เป็นบุคคลน่าสะพรึงที่ทรงอิทธิพลมาเนิ่นนานหลายพันปี

เพียงแต่ในช่วงหลายปีนี้น้อยครั้งนักที่อูเหิงเทียนจะสนใจเรื่องภายในเผ่า

“เจ้าเจ็ด เจ้าสิบสาม… แค้นของพวกเจ้า ต่อไปพ่อจะต้องแก้แค้นแทนพวกเจ้าแน่…”

อูเหิงเทียนพึมพำ สีหน้าเจือแววหม่นเศร้า

ด้านข้าง ข้ารับใช้อาวุโสคนหนึ่งเห็นเช่นนี้ก็ลอบทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

ในแดนมกุฎเมื่อหลายปีก่อน องค์ชายเจ็ดอูหลิงเต้า องค์ชายสิบสามอูหลิงเฟยของเผ่าอีกาทองล้วนถูกหลินสวินฆ่าตาย ยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองถูกฆ่าไปอีกไม่รู้เท่าไหร่

เผชิญการโจมตีอย่างหนักจากความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียลูกชาย ทุกครั้งที่หัวหน้าเผ่านึกถึงเรื่องนี้ล้วนรู้สึกเจ็บปวดปางตาย

ข้ารับใช้อาวุโสรู้ดียิ่งว่าหัวหน้าเผ่าอยากฆ่าหลินสวินนั่นมากเพียงใด แต่ก็คว้าโอกาสไม่ได้เรื่อยมา!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งปีมานี้ เมื่อเจ้าหลินสวินนี่ผงาดง้ำเป็น ‘อันดันหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดน’ ชื่อสะท้านดินแดนรกร้างโบราณ นี่สำหรับเผ่าอีกาทองแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าการถูกโจมตีอย่างหนักเลย

ในเวลาเช่นนี้แม้จะเคียดแค้นหลินสวินปานใด เผ่าอีกาทองก็ไม่กล้าลงมือผลีผลาม!

และก็เพราะเป็นเช่นนี้ ช่วงครึ่งปีมานี้สภาพจิตใจของอูเหิงเทียนจึงไม่เคยดีขึ้นเลย เวลาปกติมักจะนั่งเหม่อคนเดียว จมสู่ภวังค์ความเคียดแค้นระคนเศร้าโศกเพียงลำพัง

ทายาทถูกฆ่า กลับไม่อาจแก้แค้น นี่เป็นการทรมานที่ทารุณอย่างที่สุดชัดๆ!

“ยามที่แดนมกุฎปิดม่าน ราชครูอาวุโสอูหลิ่วฉือออกโจมตี กลับถูกเจ้านั่นฆ่าตายด้วยศรเดียว…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์