หลายวันหลังจากนั้น
เจ้าคางคกที่เบื่อหน่ายที่สุดกำลังหรี่ตา นอนเหม่ออยู่บนหินก้อนหนึ่ง
ข้างๆ อาหลู่กำลังหลับปุ๋ย
เสี่ยวอิ๋นกำลังฝึกมรรคกระบี่ คู่ต่อสู้คือเสี่ยวเทียนผีเสื้อมารแยกฟ้า
เจ้านกดำพิงหม้อดำของตนแล้วดื่มเหล้าอย่างเกียจคร้าน
“คางคกเรื้อน เจ้าว่าพี่ใหญ่ปิดด่านมาเดือนกว่าแล้ว เหตุใดจนตอนนี้ยังไม่ตื่น ข้าวางแผนเอาไว้หมดแล้ว รอไปหุบเขาตะวันคล้อยนั่น จะตัดต้นเทพฝูซางต้นนั่นทันที!”
เจ้านกดำอาจจะเบื่อเกินไปจึงอดพูดไม่ได้ “นี่เป็นถึงต้นไม้เทพที่มีชื่อเสียงในยุคดึกดำบรรพ์ หล่อเลี้ยงแหล่งเพลิงสมาธิ กิ่งก้านดุจเพลิง ตระหง่านค้ำฟ้า ใบไม้ทุกใบล้วนเทียบได้กับสุริยันแท้จริงดวงหนึ่ง มีคุณสมบัติมหัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้”
“ยังมี ‘วารีมรกตรังกา’ สมบัตินี้เป็นสมบัติพิเศษของหุบเขาตะวันคล้อย ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเก้าวารีแห่งฟ้าดิน หากจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บ วารีมรกตรังกาเพียงหยดเดียวก็สามารถรักษาให้เป็นปกติได้ในทันที มหัศจรรย์อย่างยิ่ง”
“อืม ข้าคิดๆ แล้ว บนอาณาเขตของอีกาทองพวกนั้นเหมือนจะยังมี ‘หินเทพหยางแกร่ง’ อีกอย่าง เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการสร้างเกราะระดับอริยะ”
“สมัยดึกดำบรรพ์ ตอนที่มหาจักรพรรดิอีกามารยังไม่แจ้งมรรค ‘เกราะเทพหยางแกร่ง’ ที่สวมก็สร้างจากของสิ่งนี้ สามารถต้านการโจมตีเต็มกำลังของระดับมหาอริยะได้ ความแข็งแกร่งของพลังป้องกันเรียกได้ว่าหายาก”
ว่าแล้วเจ้านกดำเกือบน้ำลายไหล ในดวงตาเต็มไปด้วยความละโมบ
“สรุปแล้วเบื้องลึกเบื้องหลังของเผ่าอีกาทองนั่นเก่าแก่อย่างที่สุด ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ปริมาณของสมบัติที่เผ่านี้สั่งสมไว้เหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!”
เจ้าคางคกเหลือบมองเจ้านกดำคราหนึ่งแล้วหลุดขำ “ดูปากนั่นของเจ้าสิ ยังไม่ทันไปหุบเขาตะวันคล้อยด้วยซ้ำ ก็คิดจะฮุบสมบัติทั้งหมดของผู้อื่นแล้ว ช่างใจดำจริงๆ”
“เฮ้อ ฝึกปราณมหามรรค สมบัติมิตรสหายวิชาและสถานที่ล้วนขาดไม่ได้ และสมบัติก็เป็นที่หนึ่ง อีกหน่อยเจ้าจะเข้าใจเอง ว่าอะไรที่เรียกว่าเงินทองเมื่อถึงยามใช้จึงรู้ตัวว่ามีน้อย”
เจ้านกดำถอนหายใจยาว “ยุคบรรพกาลเคยมีคนร้ายกาจที่มีคุณสมบัติ มีรากฐานพลังและความสามารถในการก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ แต่เพราะฐานะย่ำแย่เกินไป แม้แต่สมบัติข้ามด่านเคราะห์ที่เข้าท่าชิ้นหนึ่งยังไม่มี สุดท้ายตอนที่เคราะห์บรรลุระดับจักรพรรดิมาเยือนก็ถูกผ่าตายทั้งอย่างนั้น พวกเจ้าว่าน่าอนาถหรือไม่”
“ตอนนั้นหากเขามีสมบัติที่แข็งแกร่งสักชิ้นป้องกันตัว จะร่วงหล่นได้อย่างไร คงหลายเป็นจักรพรรดิยิ้มมองโลกไปนานแล้ว!”
เจ้าคางคกกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “จริงหรือ”
เจ้านกดำสีหน้าดูถูกเต็มประดา “โง่น่า ตอนนี้พวกเราต่างบรรลุอริยะแล้ว ทรัพยากรที่ต้องใช้ในการฝึกปราณล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าชั้นหนึ่งในโลก ลูกกลอนโอสถ วัตถุดิบวิญญาณทั่วไป ไม่มีทางตอบสนองความต้องการของพวกเจ้าได้แล้ว”
“และยิ่งเป็นสมบัติที่ล้ำค่าก็ยิ่งหายาก หากในมือไม่มีเงิน พวกเจ้ายังจะแสวงมรรคผายลมอะไร แม้แต่การฝึกปราณก็คงไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้!”
“ตอนนี้พวกเจ้ายังตระหนักไม่ได้ เพราะได้รับทรัพยากรฝึกปราณมหาศาลจากสมรภูมิเก้าดินแดน เพียงพอให้พวกเจ้าจะใช้อย่างฟุ่มเฟือย แต่ต่อไปพอพลังปราณสูงขึ้น สักวันก็ต้องมีวันที่ใช้หมด เป็นทุกข์เพราะเงินทอง”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดบุคคลระดับจักรพรรดิจึงอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณกันน้อยมาก จุดสำคัญก็คือทรัพยากรฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ เดิมทีก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของพวกเขาได้!”
เจ้านกดำพูดจาฉะฉาน น้ำลายกระเด็น
เจ้าคางคกกลับหัวเราะเสียงดัง “พูดไปพูดมาก็เพื่อทรัพย์สินของเผ่าอีกาทองนั่นแหละ แต่ตอนนี้นกหัวขโมยอย่างเจ้าจะใจร้อนแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ พี่ใหญ่ยังปิดด่านอยู่”
เจ้านกดำสีหน้ากล่าวโทษเต็มประดา “เจ้าว่าพี่ใหญ่เจ้าเนี่ย บอกว่าจะไปหุบเขาตะวันคล้อย แต่กลับไม่เคลื่อนไหวเสียที ทำให้ข้ากระวนกระวายใจ แม่งทรมานจริงๆ”
ครืน!
และตอนนี้เอง ในบ้านไม้ที่หลินสวินปิดด่านอยู่ กลิ่นอายน่าสะพรึงสายหนึ่งพุ่งออกมากะทันหัน ทะยานขึ้นฟ้า ราวกับหุบเหวใหญ่พาดขวางห้วงอากาศ บดบังท้องฟ้า
ชั่วขณะเดียวพลังวิญญาณที่อยู่ในทะเลใกล้ๆ เริ่มรวมตัวมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง ถูกหุบเหวขนาดใหญ่กลืนกิน
ปึงๆๆ!
จนสุดท้ายพลังกลืนกินนั่นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่น้ำทะเลยังซัดโหม อากาศล้วนบิดเบี้ยวทรุดตัว เมฆทั่วทิศทลาย
เจ้าคางคกกับเจ้านกดำอึ้งไปโดยพร้อมเพรียง
อาหลู่ที่หลับปุ๋ยอยู่กระโดดพรึ่บขึ้นมา เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนหยุดการกระทำในมือ
ต่างล้วนตกใจ
พวกเขาเสื้อผ้าโบกสะบัด ดวงตาแทบจะลืมตาไม่ขึ้น ต้องโคจรพลังทั้งหมดจึงพอจะฝืนบังคับร่างไม่ให้ถูกพลังกลืนกินที่น่ากลัวนั่นม้วนไป
“นี่…”
พวกเจ้าคางคกต่างหน้าเปลี่ยนสี กลิ่นอายนี้เผด็จการเกินไป ราวกับกลืนกินฟ้าดิน กลืนกินสรรพสิ่ง ช่วงชิงมหาอิทธิพลแห่งวัฏจักรมาใช้!
ต่อให้เป็นพวกเขา กายใจยังรู้สึกถึงความกดดันที่ปะทะเข้ามา
และในเวลาเดียวกัน ในบ้านไม้ร่างของหลินสวินมีแสงมรรคไหลเวียน เปลี่ยนเป็นลักษณ์แห่งหุบเหวใหญ่ ทั้งตัวประหนึ่งหลุมดำที่โคจรอยู่ในส่วนลึกของวัฏจักร กำลังกลืนกินพลังทั้งหมดที่มาจากสี่ทิศแปดด้าน!
กลิ่นอายผงาดกร้าวเผด็จการที่ทำให้ผู้คนพรั่นพรึงแผ่ออกจากร่างของเขา
เพียงแต่ไม่ทันไรปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินสวินหยุดการฝึกปราณ จมสู่ภวังค์ความคิด
หลายวันมานี้เขาควบคุมนัยเร้นลับของคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดขั้นต้นได้แล้ว ในใจมีเพียงความรู้สึกเดียว
มรดกนี้ เผด็จการไม่อาจประเมิน!
มองพลังแห่งวัฏจักรฟ้าดินเป็นเหยื่อ กลืนกินมาใช้เป็นของตน ร่างข้าไร้สิ้นสุด มรรคข้าไร้สิ้นสุด วิชาข้าก็ไร้สิ้นสุด!
นี่แตกต่างกับคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคที่หลินสวินใช้มรรควิถีทั้งชีวิตสร้างขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง
เตาหลอมมหามรรคสามารถบรรจุหมื่นมรรค สามารถแสดงหมื่นวิชา คล้ายมหาสมุทรแห่งหนึ่ง สามารถทำให้หมื่นกระแสกลับสู่จุดตั้งต้น ไม่ใช่การเข้าไปกลืนกิน แต่เป็นพลังที่รองรับหมื่นกาล รวบรวมสี่สมุทร
มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘ยามบุปผาข้าเบ่งบาน กลิ่นหอมจะโชยมาเอง’ อยู่รางๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์