ในลานเงียบสงัด บรรยากาศกดดัน
สีหน้าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองแต่ละคนล้วนฉายแววมืดทะมึน บ้างเดือดดาล บ้างหวาดหวั่น บ้างเหยเก มากมายหลากหลาย
การต่อสู้ศึกแรก อูเหิงไห่ที่ถูกขนานนามว่า ‘มหาอริยะนักเชือดอันดับหนึ่งในรอบแปดร้อยปี’ ตายไป ถูกนิ้วเดียวสังหาร
ส่วนการต่อสู้ครั้งที่สองนี้ อูเหิงเจิ้นที่ถูกมองเป็นมหาอริยะขั้นสัมบรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าอีกาทองก็ตายเช่นเดียวกัน ตายภายใต้อสนีเคราะห์ที่พิสดารครั้งหนึ่ง
นี่ก็เหมือนการโจมตีอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ในใจทุกคนรวมถึงอูเจิ้นเทียนล้วนหลั่งเลือด โกรธเกรี้ยวเดือดดาลมากขึ้น
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
มกุฎอริยะแท้คนหนึ่ง เดิมคิดว่าส่งระดับมหาอริยะออกไปก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ใครจะคิดว่ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันซ้ำๆ!
เวลานี้หลินสวินยืนนิ่งกลางห้วงอากาศ เงาร่างมีระลอกคลื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของระดับมหาอริยะไหลเวียน ยิ่งใหญ่ประหนึ่งไร้ขอบเขต
มองจากภายนอกเพียงอย่างเดียว ยากจะจินตนาการว่าในร่างเขาจะถึงกับมีมหาเคราะห์แห่งยุคซุกซ่อนอยู่!
นี่สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญมรรคคนใดก็ตามต่างกริ่งเกรง
“เดิมคิดว่าการต่อสู้เช่นนี้ไม่ยุติธรรมยิ่งนัก ไหนเลยจะคิดว่าตอนสุดท้ายกลับเป็นหลินสวินที่รบทุกครั้งชนะทุกครั้ง ช่างเป็นผลกรรมที่สาสมจริงๆ”
เซ่าเฮ่าทอดถอนใจ คำพูดเจือแววเย้ยหยันเผ่าอีกาทอง
แรกเริ่มอูเหิงเทียนกริ่งเกรงขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังมกุฎอริยะแท้อย่างพวกเขา จึงเสนอวิธีต่อสู้ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ขึ้นมา
แต่พอสุดท้าย ไม่ใช่ว่าถูกหลินสวินฆ่าสัตว์ประหลาดเฒ่าสองคนต่อเนื่องกันหรือ
ควรรู้ว่าระดับมหาอริยะไม่ใช่คนธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกร้ายกาจอย่างอูเหิงไห่ อูเหิงเจิ้น ในดินแดนรกร้างโบราณล้วนมีพลังน่าเกรงขามทรงอิทธิพลยิ่งใหญ่
แต่ยามนี้ล้วนตายในมือหลินสวิน นี่สำหรับเผ่าอีกาทองแล้ว เท่ากับขโมยไก่ไม่ได้ซ้ำยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ถูกโจมตีหนักหน่วง!
ได้ยินเช่นนี้พวกรั่วอู หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เจ้าเฒ่า ควรสู้รอบที่สามแล้ว”
เวลานี้เสียงเรียบเฉยของหลินสวินทำลายความเงียบกริบในลาน และทำให้สีหน้าของอูเหิงเทียนเปลี่ยนเป็นอึมครึมด้วยเช่นกัน
อูเหิงเจิ้นซึ่งเป็นระดับมหาอริยะขั้นสัมบูรณ์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หรือว่า… ต้องเชิญเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับราชันอริยะออกมาจริงๆ ถึงจะได้ผล
“แย่แล้ว เจ้าเฒ่านี่คงจะไม่ได้คิดจะเชิญราชันอริยะออกมาลงมือกระมัง”
จู่ๆ เจ้าคางคกก็หน้าเปลี่ยนสีโพล่งขึ้นมา
เวลาไล่เลี่ยกันคนอื่นๆ ก็สีหน้าแปรเปลี่ยนน้อยๆ เดาได้ถึงความเป็นไปได้นี้
หากเป็นเช่นนี้จริง ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!
ราชันอริยะคืออะไร
ควบคุม ‘เขตแดนแห่งมรรค’ ควบรวม ‘กฎเกณฑ์ผูกโลก’ เป็นราชันในหมู่อริยะ อยู่เหนือเหล่าอริยะ!
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะ อยู่ต่อหน้าราชันอริยะยังไม่น่าดูสักนิด ห่างชั้นเกินไป ประหนึ่งความแตกต่างระหว่างชั้นเมฆกับโคลนตม
ใครต่างก็รู้ดี การตายของอูเหิงเจิ้นหมายความว่า ในระดับมหาอริยะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อีก
และหากต้องการคว้าชัยชนะในการต่อสู้รอบที่สาม เผ่าอีกาทองก็มีทางเดียวให้เลือก
เชิญราชันอริยะออกมา!
หากเป็นเช่นนี้ แม้หลินสวินจะก้าวสู่มกุฎมหาอริยะแล้ว และแม้ว่าภายในกายจะมีอสนีเคราะห์แห่งยุคอยู่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านราชันอริยะซึ่งควบคุม ‘เขตแดนแห่งมรรค’
นี่เป็นเรื่องทั่วไปที่คนทั้งโลกต่างรู้กัน
ดังคาด ครู่ต่อมาก็เห็นอูเหิงเทียนกัดฟันอย่างแรง กล่าวเน้นถ้อยคำ “ใครก็ได้ ไปเชิญผู้อาวุโสอูหยาจื่อ!”
เสียงเพิ่งสิ้นสุด ในลานก็มีเสียงถอนใจยาวเฮือกหนึ่งดังลอยเข้ามา “ข้ามาแล้ว เพียงแต่สุดท้ายก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่อาจช่วยเหิงเจิ้นไว้ได้…”
ชายชราผมเคราดุจหิมะ เงาร่างผอมแห้ง นัยน์ตาลึกล้ำคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศอย่างเงียบๆ
เขาสวมชุดคลุมดำ ดูเหมือนแก่หง่อมอย่างมาก แต่ทันทีที่ปรากฏตัวกลับมีอานุภาพของนายเหนือหัวครอบครองโลก
คล้ายราชันผู้ปกครองจักรวาล ปากคาบสุริยันจันทรา!
“คารวะผู้อาวุโส!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั้งหมดรวมถึงอูเหิงเทียนต่างไม่มีใครไม่ก้มหัวคารวะ สีหน้าเคารพเลื่อมใส
อูหยาจื่อ นี่เป็นถึงหนึ่งในเสาหลักที่คอยดูแลหุบเขาตะวันคล้อย ราชันอริยะที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้กี่กาลเวลา!
ภายใต้สถานการณ์ที่กึ่งจักรพรรดิในโลกล้วนประจำการอยู่ที่สนามรบแนวหน้า บุคคลอย่างราชันอริยะก็เรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณแล้ว
ขุมอำนาจแห่งหนึ่ง หากมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ดูแล ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกขุมอำนาจอื่นใดมาข่มขวัญ!
พวกเจ้าคางคก อาหลู่ต่างหนักอึ้งในใจ สุดท้ายเรื่องเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ราชันอริยะคนหนึ่ง เพียงพอจะเหยียบระดับอริยะคนใดก็ได้!
บนเวิ้งฟ้าแววตาหลินสวินยิ่งลุ่มลึกมากขึ้น
เขาเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงไม่ได้ลนลาน หนำซ้ำตอนที่อยู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เขาก็เคยเห็นคนใหญ่คนโตระดับกึ่งจักรพรรดิมามากแล้ว
ส่วนราชันอริยะ ยิ่งเห็นบ่อยจนไม่แปลกใหม่
แต่เคยเห็นก็ส่วนเคยเห็น หากลงมือจริงๆ หลินสวินก็รู้สึกถึงอุปสรรคได้ถึงความยากลำบากและความกดดันมหาศาล
เขาเพิ่งบรรลุระดับมกุฎมหาอริยะ พลังยังไม่มั่นคงโดยสมบูรณ์ การควบคุมพลังในระดับนี้ก็ยังไม่ได้ผสานเข้ากันอย่างแท้จริง
สิ่งเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ อาจมีแค่อสนีเคราะห์ภายในร่างเท่านั้น
แต่สำหรับราชันอริยะ พิบัติเคราะห์ที่พุ่งเป้าไปยังระดับมกุฎมหาอริยะนี้ ย่อมไม่ใช่ภัยคุกคามยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“เรื่องวุ่นวายนี้ควรจบลงได้แล้ว”
อูหยาจื่อถอนใจเบาๆ เงาร่างพลันปรากฏอยู่เหนือเวิ้งฟ้าสูง ประหนึ่งราชันในหมู่อริยะมาเยือนโลก
ฟ้าดินพลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหาใดเปรียบ อานุภาพไร้รูปก็คละคลุ้งแผ่กว้างฉับพลัน
ทุกคนในลานล้วนมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง…
ราชันเยือนใต้หล้า!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่พลังยังอ่อนแอบางส่วนล้วนรู้สึกอยากคุกเข่ากราบกราน ก้มหัวยอมจำนน
นี่ก็คืออานุภาพของราชันอริยะ!
อย่าว่าแต่ในสายตาคนทั่วไป แม้แต่ในสายตาของมหายุทธ์ห้าระดับใหญ่หรือระดับสังสารวัฏ ราชันอริยะก็ไม่ต่างจาก ‘ทวยเทพ’ ในตำนาน
ส่วนสำหรับพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าแล้ว อานุภาพของอูหยาจื่อก็น่าสะพรึงอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน ทำเอาร่างกายพวกเขาล้วนแข็งทื่อ ขนลุกขนพอง
นี่คือความกดดันเด็ดขาดแห่งระดับพลัง!
และเวลานี้ หลินสวินพุ่งโจมตีแต่แรกโดยไม่ลังเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์