Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1687

เรื่องที่ผู้แข็งแกร่งดูถูกผู้อ่อนแอ ดำรงอยู่ทั่วทุกหนแห่งในใต้หล้า นับแต่โบราณมาล้วนเป็นเช่นนี้

โดยเฉพาะพวกชนชั้นสูงหรือพื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดาบางส่วน ยามเผชิญหน้ากับคนที่สู้ตนเองไม่ได้จะมีความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีตามธรรมชาติ

ก็เหมือนเวลานี้ ยามเซวียหย่งเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มรองเท้าฟางก็ดูกำเริบเสิบสาน คำพูดไม่ถึงขั้นอำมหิตมากเท่าไร แต่สิ่งที่มีอยู่เต็มเปี่ยมคือรสชาติของความหยามเหยียดดูถูก

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางรู้สึกโกรธแต่ไม่กล้าโกรธ ความอึดอัดภายในใจแค่คิดก็รู้แล้ว

เหมือนประโยคนั้นที่พูดต่อกันมา ผู้อ่อนแอถ้าอยากอยู่รอดบนหนทางแห่งมหามรรค นอกจากอดกลั้นแล้วก็ไม่มีวิธีอื่น!

เด็กสาวชุดสีพื้นกลับทนไม่ไหว ยิ้มหยันกล่าว “เห็นเจ้าโอหังเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าตัวเองจะกราบอาจารย์สำเร็จอย่างแน่นอนรึ”

เซวียหย่งชะงักไป แต่ไม่โกรธ ยิ้มกล่าว “ต่อให้ข้าผู้แซ่เซวียไม่เอาไหน ก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าอ่อนหัดนี่ไม่ใช่แค่ร้อยพันเท่า หากผู้อาวุโสหลินสวินอยากรับศิษย์ โอกาสของข้าผู้แซ่เซวียก็ถูกลิขิตให้มีมากกว่าเจ้าอ่อนหัดนี่นับร้อยพันเท่า”

เด็กสาวชุดสีพื้นส่งเสียงฮึเย็นชา

แม้ว่านางจะฝึกปราณสำเร็จ แต่ก็พูดต่อปากต่อคำไม่เก่ง อยากจะพูดย้อนถากถาง แต่สุดท้ายก็เกินกำลังไปอยู่บ้าง ชั่วขณะหนึ่งจึงโมโหเป็นอย่างยิ่ง

เซวียหย่งนัยน์ตาเป็นประกาย เด็กสาวผมม่วงตรงหน้านี้เป็นยอดหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย งามพริ้งเพราไร้เดียงสา แม้จะโกรธก็ยังมีเสน่ห์

เพียงพริบตาเขาก็ใจสั่น เกิดความมุ่งหวังปรารถนาอย่างห้ามไม่อยู่ ลอบตัดสินใจแล้วว่าจะหาโอกาสชิงตัวแม่สาวงามตัวน้อยที่มีเสน่ห์แต่กำเนิดคนนี้มาให้ได้!

‘ซูไป๋ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนผู้นี้ คนแบบนี้ต่อให้พรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน ภายหน้าก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร’

เด็กสาวชุดสีพื้นสื่อจิตปลอบใจเด็กหนุ่มรองเท้าฟาง

‘พี่เสี่ยวฉง ข้าเข้าใจแล้ว’ เด็กหนุ่มรองเท้าฟางเผยรอยยิ้มให้เห็น

เพียงแต่รอยยิ้มนั้นเมื่ออยู่ในสายตาของเด็กสาวชุดสีพื้น กลับทำให้นางเริ่มคัดจมูก

ว่าไปแล้วนางก็แค่เดินทางผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกฝูงสัตว์อสูรบุกจู่โจมเท่านั้น จึงบังเอิญได้เจอเด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่กำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ปีศาจอย่างห้าวหาญ

เขาที่อ่อนแอเช่นนี้ แต่ยามนั้นกลับกล้าหาญ

ดังนั้นนางจึงช่วยเด็กหนุ่มรองเท้าฟางไว้

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยก็รู้สาเหตุที่เด็กหนุ่มสู้สุดชีวิต เป็นเพราะบิดามารดาล้วนสิ้นชีพในปากของอสูรปีศาจ ในฐานะที่เป็นบุตร แน่นอนว่าต้องแก้แค้น จะมาสนความเป็นตายได้ที่ไหน

ตั้งแต่นั้นมาเด็กสาวชุดสีพื้นก็เกิดความเห็นใจและชื่นชม ตัดสินใจช่วยเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าซูไป๋คนนี้ไว้ทันที

ด้วยนางต้องการมาพบหลินสวิน จึงถือโอกาสพาเด็กหนุ่มรองเท้าฟางมาด้วย ในใจก็หวังว่าหากเด็กหนุ่มรองเท้าฟางถูกหลินสวินหมายตาได้ นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ต่อให้ไม่ถูกใจก็ช่างเถอะ ขอแค่มีนางอยู่ แน่นอนว่าต้องช่วยเด็กหนุ่มรองเท้าฟางให้ตั้งตัวบนมรรคาไปทีละก้าวได้

เมื่อใคร่ครวญขึ้นมาจริงๆ ทุกอย่างนี้อาจเป็นเพราะความเห็นใจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เด็กหนุ่มรองเท้าฟางมีนิสัยใจคอที่ไม่เหมือนใคร ทำให้นางยอมรับในตัวเขายิ่งนัก

นั่นก็คือความหนักแน่น ไร้เดียงสา และเรียบง่าย

ผู้ฝึกปราณบนโลกมีความคิดที่จะวิ่งเต้นทำทุกอย่างเพื่อลาภยศโดยไม่ละอายมากเกินไป คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อย่างเด็กหนุ่มรองเท้าฟางมีน้อยมากจริงๆ

ของหายากย่อมมีราคาแพง คนเราก็เช่นกัน

เด็กสาวชุดสีพื้นรู้สึกว่าตนเจอเพชรเม็ดงาม แน่นอนว่าต้องทุ่มเทดูแลเป็นอย่างดี

ไม่ว่าคนอื่นจะมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางเป็นอย่างไร นางก็ไม่สนใจ

ตามเวลาที่ล่วงเลย เซวียหย่งก็ไม่สนใจจะเหน็บแนมเย้ยหยันเจ้าอ่อนหัดแล้ว มีเพียงสายตาที่เหลือบมองเด็กสาวชุดสีพื้นเป็นพักๆ

ผู้ฝึกปราณคนอื่นที่อยู่ใกล้ก็เหมือนกัน

สำหรับพวกเขาหากไปเจอเด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้ที่อื่นตามปกติ พวกเขาคงไม่แม้แต่จะสนใจ มองข้ามไปทั้งอย่างนั้นแล้ว

เวลานี้ที่ยังเหลือบมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางอยู่เป็นระยะ ก็ด้วยมีเด็กสาวชุดสีพื้นเป็นเหตุเท่านั้น

“พี่เสี่ยวฉง พวกเราจะรออยู่ที่นี่ไปตลอดหรือ”

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางถาม

เขามองทะเลหมากดาราที่หมอกควันอบอวลอยู่ห่างออกไป รู้สึกว่าแค่ก้าวเข้าไปในนั้นจะต้องหลงทางทันทีแน่

“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าคิดหาวิธีก่อน”

เด็กสาวชุดสีพื้นกล่าวเสียงเบา ในใจนางก็ค่อนข้างว้าวุ่นใจอยู่บ้าง

จากกันครั้งก่อน นางไม่ได้เจอหลินสวินมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วจะยังจำเด็กโง่อย่างตนได้หรือไม่

คิดดูแล้วตนในปีนั้นก็โง่พอตัวจริงๆ ไม่รู้ประสีประสาเหมือนเด็กไร้หัวคิด หากไม่ใช่ว่ามีเขาพาตัวไปส่งและดูแลมาตลอดทาง เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว

เมื่อออกด่านครั้งนี้ ได้ยินว่าหลินสวินเก็บตัวฝึกปราณอยู่ในทะเลหมากดารา นางก็รู้สึกขัดแย้งอย่างบอกไม่ถูก ต้องการมาพบอีกฝ่ายทันที

แต่หลังจากมาถึงที่นี่เข้าจริงๆ กลับกลายเป็นว่านางลังเล

หลินสวินในปีนั้นยังเป็นแค่ผู้ฝึกปราณเล็กๆ ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ส่วนนางก็เป็นแค่เด็กที่ไม่เข้าใจเรื่องทางโลกคนหนึ่ง

แต่ตอนนี้หลินสวินเป็นบุคคลในตำนานที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า ประหนึ่งตะวันกลางนภาแล้ว เป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งที่ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนเลื่อมใสศรัทธา

เขาจะยังจำนางได้หรือไม่

หากเจอตัวเองที่บุ่มบ่ามมาเข้าพบ เขาจะยังลูบหัวของตนเหมือนปีนั้นอยู่หรือไม่

ในจุดที่ห่างออกไปพลันมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์มาเยือน ในอากาศโชยกลิ่นหอมเย็นสบายที่พาให้คนชื่นใจ

ทุกคนในที่นั้นต่างชะงัก เหลือบสายตามองออกไป

ก็เห็นว่ากลางอากาศมีละอองแสงเจิดจรัสสายหนึ่งลอยละล่อง กลายเป็นเด็กสาวชุดเหลืองร่างงามระหงคนหนึ่งทันที

นางคิ้วตาโค้ง คางแหลมเหมือนกระบี่ นัยน์ตากระจ่างแวววาว รูปโฉมงดงามราวกับเซียน ชุดกระโปรงพลิ้วไหว ขับเน้นให้เรือนร่างเย้ายวนอ่อนหวานของนางงามถึงขีดสุด

ทุกคนต่างหยุดหายใจ เผยความเคลิบเคลิ้มและหลงใหล

งดงามยิ่งนัก!

ผู้หญิงคนนี้มีความงามเฉพาะตัว บุคลิกสันโดษยากจับต้อง ดุจดั่งเซียนสาวผู้สำรวมตน

แต่เรือนร่างของนางกลับเพรียวบาง เอวบางร่างน้อย คิ้วตาโค้ง เผยเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูกออกมาโดยปริยาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์