สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1686 เด็กหนุ่มรองเท้าฟางและเด็กสาวชุดสีพื้น – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 1686 เด็กหนุ่มรองเท้าฟางและเด็กสาวชุดสีพื้น ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
วันนี้ชายฝั่งทะเลหมากดารายังมีเงาร่างของผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏอยู่เหมือนเดิม
มีผู้ฝึกปราณอิสระที่พาดกระบี่มา มีลูกหลานตระกูลที่ขี่นกวิญญาณ และมีผู้สืบทอดสำนักที่เกาะกลุ่มร่วมทางกันมาสั่งสมประสบการณ์
คนพวกนี้เกือบทั้งหมดล้วนมาพบอริยะ แค่มาชื่นชมแหล่งพำนักของมหาอริยะหลินสวินบุคคลในตำนาน ว่าเป็นแดนพิสุทธิ์มงคลระดับใดกันแน่
แต่ส่วนมากกลับเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวที่ติดตามผู้อาวุโสบิดามารดามา คนที่อายุมากก็สิบห้าสิบหกปี คนที่อายุน้อยยังเป็นเด็กเล็กผมกระเซิงห้าหกขวบ
คนพวกนี้มาครานี้ ก็ด้วยหวังว่าคนรุ่นเยาว์ตระกูลตนจะสามารถกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักของหลินสวินได้!
แน่นอนว่าความหวังช่างริบหรี่
ด้วยหลายวันมานี้ไม่รู้ว่ามีลูกหลานตระกูลที่มีความคิดจะฝากตนเป็นศิษย์มาที่นี่เท่าไร แต่สุดท้ายอย่าว่าแต่ฝากตนเป็นศิษย์ แม้แต่หน้าของหลินสวินก็ยังไม่ได้พบ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ยังคงต้านผู้ฝึกปราณแต่ละสายที่มีความคิดหวังจะเห็น ‘บุตรชายกลายเป็นมังกร บุตรสาวกลายเป็นหงส์’ ให้มาที่นี่ไม่ได้
ภายในนั้นไม่ขาดลูกหลานบางส่วนที่เกิดในเผ่าที่มีชื่อเสียงเด่นดัง สำนักใหญ่โต ไม่ว่าพรสวรรค์หรือคุณสมบัติล้วนเรียกได้ว่าคัดสรรมาอย่างดี
เท่านี้ก็รู้แล้วว่า ชื่อเสียงของหลินสวินในดินแดนรกร้างโบราณยามนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน!
พูดอย่างไม่เกินจริง ในใจของผู้ฝึกปราณที่อยู่ใต้ระดับอริยะ หลินสวินราวกับเป็นตัวตนที่เหมือนดั่งเทพไท้บนสวรรค์แล้ว
ตัวคนเดียวก็สู้ขุมอำนาจโบราณแห่งหนึ่งได้!
ทั้งหลินสวินยังเป็นมกุฎมหาอริยะเพียงคนเดียวของดินแดนรกร้างโบราณบนโลกปัจจุบันด้วย!
หากกราบหลินสวินเป็นอาจารย์ได้ ภายหน้ามีหรือจะต้องกังวลว่าจะไม่บรรลุมหามรรค
ดังนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ จึงเห็นว่าทุกหนแห่งใกล้ทะเลหมากดารามีผู้ฝึกปราณที่มาจากทั่วสารทิศ ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำพาคนรุ่นเยาว์ตระกูลตนมาด้วย ดูยิ่งใหญ่อลังการนัก
ต่อให้ตอนนี้ยังไม่มีใครได้พบหน้าหลินสวินสักคน แต่ใครจะยอมแพ้ด้วยเรื่องแค่นี้เล่า
ความหวัง ท้ายที่สุดก็ยังมีอยู่ ถ้าโชคดีล่ะ
ใช่แล้ว ถ้ามีวาสนาถูกหลินสวินหมายตาขึ้นมา คนรุ่นเยาว์ตระกูลตนจะไม่กางปีกบินสู่ฟากฟ้า ทะยานขึ้นเหนือเมฆด้วยประการฉะนี้หรือ
ด้วยมีความคิดเช่นนี้ ต่อให้รู้ว่าความหวังริบหรี่ก็ยังมีผู้ฝึกปราณมากมายมาเสี่ยงโชค แม้จะฉุดก็ยั้งหยุดไม่อยู่ ทำให้ใกล้ๆ ทะเลหมากดาราเปลี่ยนเป็นคึกคักหาใดเปรียบ
ทะเลหมากดาราปกคลุมด้วยหมอกควันที่ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา เหมือนมีม่านปริศนาปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง
บนชายฝั่งผู้ฝึกปราณมากมายกำลังเฝ้ารอ ชะเง้อคอมอง
“เฮ้อ พวกเรามาจากเมืองจรัสแสงแห่งแดนกาฬทักษิณ ตลอดทางห้อตะบึงมาหลายแสนลี้ เฝ้าตรากตรำอยู่ที่นี่มาสี่สิบเก้าวันแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้เจอผู้อาวุโสหลินสวินเลย”
ชายวัยกลางคนที่แต่งกายหรูหราคนหนึ่งทอดถอนใจ
ข้างกายเขามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามมาด้วย ท่าทางสง่างามไม่ธรรมดา ความสามารถโดดเด่นเหนือใคร
“หึ สี่สิบเก้าวันนับเป็นอะไร ข้ารออยู่ที่นี่มาสามเดือนแล้ว ขอแค่หลานชายคนนั้นของข้าได้มีหวังกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักของผู้อาวุโสหลินสวินเสี้ยวหนึ่ง ต่อให้ข้าต้องรออยู่ที่นี่อีกสามปีห้าปีก็คุ้มค่า”
ชายชราชุดม่วงคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามั่งคั่งร่ำรวยยิ้มหยันกล่าว ข้างกายเขายังมีบ่าวรับใช้ที่ทรงพลังมากมายติดตามมาด้วย ทั้งมีเด็กอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ผิด ผู้อาวุโสหลินสวินเหมือนเทพบนสวรรค์ คิดจะฝากตนเป็นศิษย์ในสำนักของผู้อาวุโสหลินสวินมีหรือจะเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนั้น พวกเราก็รออยู่เงียบๆ เถอะ มีเพียงเช่นนี้จึงจะสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของพวกเราได้”
ผู้คนไม่น้อยพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของชายชราชุดม่วงยิ่งนัก
“แต่นี่เป็นแค่ความคิดของพวกเราฝ่ายเดียว ถ้าหาก… ผู้อาวุโสหลินสวินไม่มีความคิดจะรับศิษย์เล่าควรทำอย่างไร”
มีคนกล่าวขึ้นมาทันใด
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนมองหน้ากันไปมา เงียบกริบแล้ว
“แต่ถ้าถูกผู้อาวุโสหลินสวินหมายตาล่ะ”
และมีคนอดกล่าวไม่ได้
ถ้าหาก!
คำนี้ก็เหมือนความหวังที่เลือนรางหาใดเปรียบ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็สามารถดึงดูดผู้คนมากมายให้พยายาม ไม่ยอมแพ้
เพียงพริบตาทุกคนในที่นั้นล้วนมีความคิดมากมาย
การรอคอยทำให้คนทรมาน แต่จะยอมแพ้แค่นี้ใครก็ไม่ยินยอม
เหล่าผู้ฝึกปราณ ณ ที่นั้น ไม่ขาดแคลนบุคคลสำคัญที่ชื่อเสียงสะเทือนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฐานะสูงส่ง อำนาจล้นฟ้า สามารถสร้างคลื่นลมได้
แต่บนชายฝั่งทะเลหมากดารานี้กลับได้แค่เฝ้ารอแต่โดยดี ไม่มีใครกล้าหุนหันพลันแล่น ทั้งไม่มีใครกล้าล่วงล้ำ
เปรียบเทียบกับหลินสวินแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่มดปลวกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น!
ความเข้าใจนี้ ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างรู้ดี
ไม่เห็นหรือว่าเผ่าอีกาทองแข็งแกร่งระดับใด แต่ผู้อาวุโสหลินสวินบอกจะทำลายก็ทำลายได้แล้ว
“ซูไป๋ ทำไมเจ้าไม่เดินล่ะ”
ห่างออกไปเด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนร่วมทางที่หยุดเดินไม่ก้าวไปข้างหน้า
เด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีพื้น มวยผมยาวสีม่วงอ่อนไว้สองข้าง ปล่อยปลายยาวไว้ข้างหูเล็กเรียบเนียน นัยน์ตาดั่งคลื่นใบไม้ร่วงใสสะอาดบริสุทธิ์ หน้าตางดงามไร้เดียงสา
แต่กลับไม่มีใครกล้าไปตำหนิเขา
ด้วยสายตาของคนใหญ่คนโตในที่นั้นร้ายกาจระดับใด จำเด็กหนุ่มในชุดผ้าไหมคนนี้ได้นานแล้ว ว่าเป็นเซวียหย่ง ทายาทสายตรงตระกูลเซวีย ตระกูลใหญ่ที่ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘ตระกูลอริยมรรค’ แห่งแดนชัยบูรพา
อย่าเห็นว่าเซวียหย่งอายุแค่สิบห้าสิบหกปี ความจริงแล้วพรสวรรค์ล้ำเลิศ สติปัญญาเฉียบแหลม ถูกมองเป็นบุตรกิเลนของตระกูลเซวีย
ลือกันว่าเคยมีสำนักเก่าแก่ไม่น้อยต้องการรับเซวียหย่งไปเป็นผู้สืบทอด แต่ล้วนถูกปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น เพียงพริบตาก็กลายเป็นเรื่องน่าชื่นชมเรื่องหนึ่งที่ผู้คนกล่าวถึงอย่างเพลิดเพลิน
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางกำสองหมัดแน่น ในแววตาความโกรธเข้าแผ่คลุม แต่ถูกเขาข่มกลั้นเอาไว้
เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนเป็นเด็กยากจนคนหนึ่งที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง มีชีวิตอยู่รอดมาได้ก็ไม่ง่ายแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะบันดาลโทสะแต่แรก มิฉะนั้นจะนำมหันตภัยใหญ่มาสู่ตน
เด็กสาวชุดสีพื้นมุ่นคิ้วเหลือบมองเซวียหย่งที่อยู่ในชุดผ้าไหมเล็กน้อย ทั้งมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่อยู่ข้างกาย ก่อนลอบถอนใจโดยไม่รู้ตัว
นางสื่อจิตกล่าวกับเด็กหนุ่มรองเท้าฟางด้วยเสียงทุ้มต่ำ ‘ซูไป๋ เจ้าเลือกจะอดกลั้นนั้นถูกแล้ว เดิมทีเจ้าก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ แต่เจ้าต้องจำไว้ ถ้าอยากถูกคนให้ความสำคัญ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่น ถึงตอนนั้นพวกเขาจะได้แต่อิจฉาเจ้า ยำเกรงเจ้า เคารพเจ้า!’
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางพยักหน้าหนักแน่น นัยน์ตาวาววาบขึ้นไม่น้อยกล่าว “พี่เสี่ยวฉง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เด็กสาวชุดสีพื้นตบบ่าของเด็กหนุ่มรองเท้าฟาง ยิ้มกล่าว “อย่าทำให้ตัวเจ้าในภายหน้าผิดหวังในตัวเจ้าตอนนี้ก็พอ”
เซวียหย่งเห็นภาพนี้แล้วแค่นเสียงหัวเราะ กล่าวเนิบช้า “แม่นาง เจ้าทุ่มเทกายใจให้คนอ่อนหัดนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่จากมุมมองข้า ชีวิตนี้ของเขาตอกฝาโลงไปนานแล้ว ถูกลิขิตให้ไม่มีหวังจะเด่นผงาดบนหนทางแห่งมหามรรค หากจะทำเช่นนี้ ไม่สู้บอกให้เขายอมแพ้บนเส้นทางนี้เสียยังดีกว่า จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ปุถุชนให้ผ่านไปได้บ้าง”
คำพูดนี้แม้จะเสียดหู แต่ทุกคนได้ยินแล้วต่างเห็นด้วยยิ่งนัก
พวกสามัญชนหัวขี้เลื่อยมีความทะเยอทะยานไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่หากไม่มีความสามารถที่คู่ควรกับความทะเยอทะยาน นั่นเป็นเรื่องร้ายไม่ใช่ดี มีแต่จะทำลายตัวเอง!
ความเป็นจริงซึ่งชโลมเลือดนับไม่ถ้วนบนโลกนี้ได้พิสูจน์ประเด็นนี้มานานแล้ว ไม่เห็นหรือว่าบนหนทางสู่มรรคฝังความทะเยอทะยานและซากกระดูกแห้งมาเท่าไหร่
เพี๊ยะ!
เซวียหย่งตบหน้าผาก เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ในชั่วขณะ สีหน้าพิกลกล่าวประหลาดใจ “แม่นาง ข้าพลันนึกขึ้นมาได้ เจ้าคงไม่คิดจะพาเจ้าอ่อนหัดนี่มากราบอาจารย์กระมัง”
เขาพูดพลางอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เหมือนรู้สึกว่าไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง “ผู้อาวุโสหลินสวินเป็นบุคคลระดับใด มีหรือจะถูกใจพวกอ่อนหัดเช่นนี้”
เขาขึ้นเสียงสูงเจือความโอ้อวด
ผู้คนไม่น้อยที่อยู่ใกล้เคียงต่างหัวเราะขึ้นมา สีหน้าเย้ยหยัน
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางก้มหน้า ใบหน้าอัดอั้นจนแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่ากำลังข่มโทสะในใจอย่างเต็มที่
เด็กสาวชุดสีพื้นสีหน้าเย็นชาลงมาเล็กน้อย
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์