ตอน ตอนที่ 1685 สถานที่พบอริยะ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1685 สถานที่พบอริยะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้บรรพกาลมีชื่อว่า นภาคราม ยมโลก นิรันดร์ เขี้ยวลำนำ แสงโชค เสี้ยวปีก ไร้พ่าย อธิจิต อมฤตาลัย
ศรนภาคราม หลินสวินได้มาจากสมรภูมิกระหายเลือด
ศรนิรันดร์ ยามข้ามแม่น้ำพรมแดนไปแดนชัยบูรพาครั้งแรก ได้มาจากมือของสิงอี่เทียนทายาทเผ่าปีกอสนี
หลายปีมานี้ศรเทพทั้งสองเข้าคู่กับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ช่วยหลินสวินสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งไปไม่รู้เท่าไร
แม้แต่หลินสวินเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะได้ศรเทพสองดอกอย่างแสงโชคและเสี้ยวปีกจากหุบเขาตะวันคล้อยนี้!
ทั้งนี่ยังเป็นศรเทพที่เสริมส่งกันและกันด้วย!
“เจ้าหนู นี่เป็นทรัพย์หลังศึกของข้า หากเจ้าอยากได้ อย่างน้อยก็ต้องนำสมบัติมาแลกเปลี่ยนกันหน่อยกระมัง”
เจ้านกดำกล่าวโวยวาย
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เก็บศรเทพทั้งสองนี้ลงไปอย่างไม่เกรงใจสักนิดแล้วกล่าว “หากไม่ได้ข้า เจ้าจะมีโอกาสขูดรีดสมบัติของเผ่าอีกาทองได้ที่ไหน เจ้าคางคก อาหลู่ หากพวกเจ้านำสมบัติที่นกขี้ขโมยนี่กินลงไปออกมาได้ ข้าจะแบ่งให้พวกเจ้าคนละครึ่ง”
พูดจบเขาก็หันหลังจากไป
เจ้าคางคกและอาหลู่สบตากันวูบหนึ่ง ล้วนหัวเราะกันขึ้นมา สายตามองไปยังเจ้านกดำอย่างมุ่งร้าย ฝ่ายหลังร่างกายสั่นเทา หวีดร้องขึ้นมาเหมือนสาวแรกรุ่นที่ถูกอันธพาลรุมล้อม
หลินสวินมองข้ามไปตรงๆ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เขาก้าวไปข้างหน้า พวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ เยวี่ยเจี้ยนหมิงกำลังพุ่งมาจากจุดที่ห่างออกไป
การโจมตีเผ่าอีกาทองครั้งนี้ สหายเหล่านี้เดินทางมาจากทั่วสารทิศอย่างยากลำบาก ยอมล่วงเกินเผ่าอีกาทองโดยไม่คำนึงถึงอะไร ต้องการสู้ศึกเคียงข้างตน
นี่จะไม่ให้หลินสวินซาบซึ้งใจได้อย่างไร
“ทุกท่าน ขอบคุณมาก คืนนี้พวกเรามาดื่มที่หุบเขาตะวันคล้อยนี้สักครั้งเป็นอย่างไร”
หลินสวินยิ้มกล่าว
“ฮ่าๆๆ รอประโยคนี้ของเจ้านี่แหละ”
“ด้วยความยินดี!”
ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา บรรยากาศอบอุ่น
ไม่ทันไรในหุบเขาตะวันคล้อยนี้ก็เปิดม่านงานเลี้ยงขึ้น
ทุกคนสังสรรค์กันครึกครื้น พูดไปหัวเราะไป กล่าวถึงมหามรรค ถกเรื่องทางโลก ดื่มเหล้าพูดคุยกันสนุกสนาน เบิกบานปรองดอง
ชีวิตคนเรายามปิติควรรื่นเริงให้เต็มที่ อย่าให้จอกทองว่างเปล่าคู่แสงจันทร์
คืนนี้หลินสวินก็ดื่มจนเมาแล้ว
งานเลี้ยงนี้ยังถูกคนรุ่นหลังเรียกว่า ‘งานเลี้ยงมกุฎมหามรรค’ พาให้ผู้คนกล่าวถึงอย่างเพลิดเพลิน
ต่อมาภายหลัง หุบเขาตะวันคล้อยที่กลายเป็นซากปรักหักพังนี้ กลายเป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าแห่งหนึ่ง ดึงดูดผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนมาชื่นชมเหมือนมาพบอริยะ
…
เผ่าอีกาทองถูกกำจัด หุบเขาตะวันคล้อยกลายเป็นซากปรักหักพัง!
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั่วดินแดนรกร้างโบราณก็ตกอยู่ในความแตกตื่น เปิดฉากความปั่นป่วนโกลาหลทันที
ใครเล่าจะคาดคิด หลินสวิน อันดับหนึ่งของสมรภูมิเก้าดินแดนที่เงียบหายมาครึ่งปี ไม่เคยเผยตัว แต่โผล่มาทีก็สร้างความแตกตื่นให้ผู้คน กลายเป็นศูนย์รวมที่ใต้หล้าให้ความสนใจอีกครั้ง
ใต้หล้าอึกทึกครึกโครม ผู้คนบนโลกตกตะลึง
“สวรรค์! นี่เป็นเรื่องจริงรึ”
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไป แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ในดินแดนรกร้างโบราณแต่ละแห่งก็ยังนั่งกันไม่ติดแล้ว ถูกทำให้หวั่นหวาด
เผ่าอีกาทอง นั่นเป็นถึงเผ่าพันธุ์โบราณแห่งหนึ่งที่คงอยู่มาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด อาศัยอยู่ที่หุบเขาตะวันคล้อย เรียกได้ว่าเป็นยอดสิ่งใหญ่โตมหึมาบนโลก
แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินกำจัดจนสิ้นซาก!
ใครจะกล้าเชื่อ
“นี่เป็นไปไม่ได้ ในข่าวบอกว่าเขากลายเป็นมกุฎมหาอริยะแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเผ่าเก่าแก่เผ่าหนึ่งได้อย่างไร”
“ต้องมีผู้สูงส่งคอยช่วยเขาอยู่แน่!”
“น่าชังนัก นี่ไม่ได้หมายความว่าด้วยอานุภาพของหลินสวินตอนนี้ ล้วนสามารถคุกคามความเป็นตายของขุมอำนาจเก่าแก่บนโลกได้แล้วหรือ”
ขุมอำนาจใหญ่ที่เดิมเห็นหลินสวินเป็นศัตรูพวกนั้น แต่ละคนต่างหวั่นใจ ถูกข่าวนี้ทำให้ตระหนกจนจิตใจสะท้านไหว วุ่นวายกันไปหมด
ครึ่งปีก่อนต่อให้รู้ว่าหลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดนแล้ว แต่ขุมอำนาจใหญ่ที่เห็นหลินสวินเป็นศัตรูพวกนี้ก็ไม่ถึงขั้นเกรงกลัว อย่างมากก็แค่หวาดกลัวความเร็วในการเติบโตของหลินสวินเท่านั้น
แต่ตอนนี้หลังจากเผ่าอีกาทองพินาศย่อยยับ พวกเขาจึงพบความจริงที่เหี้ยมโหดน่าพรั่นพรึง
การมีอยู่ของหลินสวินสามารถคุกคามความเป็นตายของขุมอำนาจพวกเขา เหยียบพวกเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว
นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“สมเป็นเทพมารหลินจริงๆ หลังจากศึกนี้ ขุมอำนาจเก่าแก่ที่ไหนบนโลกนี้จะกล้าดูถูกเขาอีก”
และมีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนชื่นชมและทอดถอนใจ แสดงออกถึงความเทิดทูนและนับถือหลินสวิน
หลายปีมานี้ในแต่ละช่วงเวลาจะมีข่าวเกี่ยวกับหลินสวินปรากฏ ทำให้ผู้แข็งแกร่งบนโลกแทบจะเฝ้ามองว่าหลินสวินเด่นผงาดในดินแดนรกร้างโบราณทีละก้าวอย่างไร
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลซึ่งเกิดจากความพังพินาศของเผ่าอีกาทองยิ่งใหญ่แค่ไหน!
พูดอย่างไม่เกินจริง ขุมอำนาจที่เคยมองหลินสวินเป็นศัตรูพวกนั้นคงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยเรื่องนี้เป็นแน่
สำนักใหญ่ๆ บนโลกก็ต้องเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลินสวินไปอย่างแน่นอน สำนักใดกล้าไม่เคารพหลินสวินอีก ก็ต้องชั่งน้ำหนักพิจารณาผลที่ตามมาว่าจะแบกรับไหวหรือไม่แล้ว!
ระดับมหาอริยะ แสวงหาเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
แต่อย่างที่ทราบกันดี พลังที่ผู้ฝึกปราณควบคุมได้มีจำกัด จะมีพลังที่ ‘ไร้ขอบเขต’ ได้อย่างไร สิ่งสำคัญอยู่ที่คำว่า ‘ห้วงอากาศว่างเปล่า’
มีเพียงบรรลุถึงระดับมหาอริยะ จึงจะมีคุณสมบัติไปหยั่งรู้มหามรรคแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้
สำหรับหลินสวินในตอนนี้ มรรคาในภายหน้าก็ใกล้จะได้ไปหยั่งรู้และควบคุมนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าแล้ว
‘สองกระบวนท่านี้ ‘ห่างไกลล้วนไปถึง’ ‘ใกล้เสมือนไกล’ ในดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ล้วนประทับความมหัศจรรย์ของห้วงอากาศว่างเปล่าไว้…’
‘เมื่อมาถึงระดับอริยะ ก็จะใช้วิชาเคลื่อนผ่านห้วงอากาศได้ตามธรรมชาติ’
‘เพียงแต่ตัวข้าในอดีต ได้แค่รู้นัยเร้นลับพวกนี้แต่จับต้องไม่ได้ สุดท้ายในเมื่อไม่อาจควบคุมนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้ ก็แน่นอนว่าไม่อาจรู้ความอัศจรรย์ของแก่นแท้ในนั้นได้เช่นกัน’
‘แต่ยามหยั่งรู้พลังของห้วงอากาศว่างเปล่า กลับสามารถเริ่มจากดรรชนีมหาอุดมสลายมายาและการเคลื่อนผ่านห้วงอากาศได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ บางทีอาจทำให้หยั่งรู้พลังของห้วงอากาศว่างเปล่าได้อย่างรวดเร็ว…’
หลินสวินฝึกสมาธิพลางใคร่ครวญไปด้วย
มีเพียงยึดกุมพลังของห้วงอากาศว่างเปล่า จึงจะสร้าง ‘เขตแดนแห่งมรรค’ ออกมายามก้าวเข้าสู่ระดับราชันอริยะได้ สามารถยกระดับบนการเสาะหามหามรรคขึ้นไปอีกขั้น
พูดอย่างไม่เกินจริง ระดับมหาอริยะ สิ่งที่ฝึกก็คือพลังของ ‘ห้วงอากาศว่างเปล่า’ เพียงแค่นี้ก็จะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตได้
หลินสวินในตอนนี้พลังปราณอยู่ในระดับมหาอริยะขั้นต้น พลังมหามรรคที่ครอบครองอยู่ ยามทะลวงระดับล้วนแปรสภาพเป็น ‘กฎเกณฑ์มหาอริยะ’ แล้ว
เปรียบเทียบกับอดีตแล้วย่อมต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเป็นธรรมดา
ยกตัวอย่างแบบง่ายที่สุด นับจากนี้ไปต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะแท้ที่อยู่มาหลายปี ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินก็ต้องเรียกเขาว่า ‘ผู้อาวุโส’ !
และเช่นเดียวกับหลินสวิน หลังจากกลับมาพวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็เริ่มปิดด่าน ฝึกปราณอย่างบากบั่น การที่หลินสวินกลายเป็นระดับมกุฎมหาอริยะได้กระตุ้นพวกเขาไม่น้อย ทำให้พวกเขาเกรงว่าจะถูกสลัดทิ้งห่างออกไป ตามก้าวย่างของหลินสวินไม่ทันอีก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเร่งมือหมายจะทะลวงปราณขึ้นไปถึงระดับมกุฎมหาอริยะ ก่อนมุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุน
แม้แต่เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนก็ยังพยายามยิ่งกว่าเดิมแล้ว
มีเพียงเจ้านกดำที่ขี้เกียจเป็นอย่างยิ่ง หรือพูดได้ว่ามันแทบจะไม่เคยขยันฝึกปราณมาก่อน
ตั้งแต่มันกลับมาที่ทะเลหมากดารา หากไม่นอนหลับอุตุก็ออกไปบินเล่น ผ่านไปสามวันห้าวันก็ยังไม่กลับ ทำตัวลับๆ ล่อๆ ก็ไม่รู้ว่ากำลังง่วนทำอะไรอยู่
เวลาล่วงเลยไปในบรรยากาศที่เงียบสงบเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกล้วนไม่เกี่ยวกับพวกเขา
ผ่านไปครึ่งปีโดยไม่รู้ตัว
ครึ่งปีมานี้ข่าวที่หลินสวินเก็บตัวฝึกปราณอยู่ที่ทะเลหมากดาราก็ไม่รู้ว่าแพร่สะพัดออกไปได้อย่างไร เพียงพริบตาก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนมาที่นี่
ภูเขาไม่สูง หากมีเซียนย่อมเลื่องชื่อ ทะเลหมากดาราก็เช่นกัน เดิมที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่ผู้คนไม่กล้าล่วงล้ำแม้เพียงก้าว
แต่เมื่อข่าวที่บอกว่าหลินสวินพักอยู่ที่นี่แพร่ออกไป ก็ทำให้ทะเลผืนนี้กลายเป็นสถานที่พบอริยะซึ่งอยู่ในใจของผู้ฝึกปราณมากมาย!
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์