Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1684

สรุปบท ตอนที่ 1684 ข่าวลือของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1684 ข่าวลือของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1684 ข่าวลือของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลินสวินเลิกคิ้ว “เพราะอะไร”

เด็กหนุ่มผมเทากล่าว “เพื่อต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด”

ประโยคเดียวทำให้ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าวไม่พอใจทันที “นี่เป็นแค่ข่าวลือไร้สาระเท่านั้น”

เด็กหนุ่มผมเทาเหลือบมองต้นไม้เทพที่เคยติดตามฝึกปราณอยู่กับมหาจักรพรรดิแยกฟ้าต้นนี้เล็กน้อยแล้วกล่าว “หากไม่ได้ทำเพื่อต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด ทำไมเจ้าต้องหลอมรากแห่งต้นกำเนิดของต้นเทพฝูซางด้วย”

“ข้าแค่ทำเพื่อฝึกปราณ!”

ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าวโต้แย้ง

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มผมเทาฉายแววอำมหิต แววตาที่เยียบเย็นนั้นทำให้ต้นบรรพชนหลอมจิตไหวสั่นไปทั้งตัว ร้องออกมา “เจ้าคิดจะทำอะไร”

เด็กหนุ่มผมเทาถอนสายตากลับ กล่าวกับหลินสวิน “นายท่านน้อย ฝูซาง ชางอู๋ เจี้ยนมู่ คุนอู๋ สี่ไม้เทพบรรพกาลนี้ล้วนเกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิด มีลายมรรคของบ่อเกิดแรกกำเนิดตามธรรมชาติ”

“ลือกันว่าแค่รวบรวม ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ของไม้เทพทั้งสี่นี้ให้ครบถ้วน ใช้เจตวัตถุฟ้าประทานทั้งสี่อย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส วารีแรกปฐมมาบ่มเพาะ ก็จะปลูกต้นกล้าของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดได้!”

“ถึงตอนนั้นก็ค่อยฝังต้นกล้านี้ไว้ในร่าง มีคุณประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงต่อการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิ”

“ข้าเคยได้ยินนายท่านเทียนเชวียบอกว่า ในการต่อสู้ระดับจักรพรรดิ ใครครอบครองต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดต้นหนึ่งได้ ก็เหมือนหยั่งถึง ‘กฎเกณฑ์แรกกำเนิด’ ครองรากฐานของพลังมรรคแรกกำเนิดแล้ว ไม่ใช่ผู้ที่บุคคลระดับจักรพรรดิคนอื่นเทียบได้”

พอหลินสวินได้ฟังเรื่องพวกนี้ แววตาก็ดูแปลกออกไป มองไปที่ต้นบรรพชนหลอมจิต

เขาจำได้ชัดเจนว่าปีนั้นในแดนลับตำหนักใต้ดินของโลกมารโลหิตที่สมรภูมิเก้าดินแดน ยามจะพาต้นบรรพชนหลอมจิตต้นนี้มาด้วย เจ้าหมอนี่กลับยื่นข้อเรียกร้องมากมาย

ตัวอย่างเช่นขอดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสจากตนเป็นต้น

ตอนนั้นเขายังคิดว่าเจ้าหมอนี่แค่โลภมาก เห็นชัดว่าไม่คิดจะไปกับตน

แต่ตอนนี้ดูท่าว่าเจ้าหมอนี่คงวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด!

ต้นบรรพชนหลอมจิตถูกสายตาของหลินสวินจับจ้อง ทำเอาอึดอัดไปทั้งตัวทันที กระแอมกล่าว “ต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดน่ะหรือ แน่นอนว่าข้าก็เคยได้ยินมาก่อน ปีนั้นข้ากับมหาจักรพรรดิแยกฟ้าท่องตระเวนทั่วห้วงอากาศไร้สิ้นสุดด้วยกัน เป้าหมายก็คือเสาะหาไม้เทพทั้งสี่อย่างฝูซาง คุนอู๋ เจี้ยนมู่ ชางอู๋…”

ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบทกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้เจ้าน่ะอยู่นิ่งๆ!”

สายตาเขามองไปที่เด็กหนุ่มผมเทาแล้วกล่าว “ในเมื่อจิตวิญญาณของต้นเทพฝูซางนี้ถูกมหาจักรพรรดิอีกามารเอาไปแล้ว รากแห่งต้นกำเนิดของมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วไม่ใช่หรือ”

เด็กหนุ่มผมเทาส่ายหัว “ขอแค่มีรากแห่งต้นกำเนิดของมัน ก็ให้กำเนิดจิตวิญญาณสายหนึ่งได้อีกครั้ง จากนั้นจึงกลายเป็น ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ”

หลินสวินเข้าใจแล้ว ยามมองไปยังต้นเทพฝูซางที่ยืนหยัดค้ำฟ้าต้นนี้อีกครั้ง แววตาก็ต่างออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

ต้นไม้เทพต้นนี้ยังเกี่ยวข้องกับการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิ เป็นสมบัติจากธรรมชาติที่เหล่าจักรพรรดิยังต้องเสาะหาอย่างยากลำบาก!

บางทีนี่อาจเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเผ่าอีกาทอง สมบัติชิ้นอื่นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วดูจางไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด

“นายท่านน้อยรอสักครู่ ข้าจะเก็บต้นไม้นี้ให้ท่านเอง”

เด็กหนุ่มผมเทาพูดพลางทะยานสู่ฟากฟ้า ยื่นมือออกไปคว้าทันที

ตูม!

ต้นเทพฝูซางที่แดงเพลิงตลอดต้น ยืนหยัดค้ำฟ้า พลันไหวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที เหมือนว่ามันยังคงขัดขืน

แต่ภายใต้แรงกดดันของเด็กหนุ่มผมเทา ลำต้นของมันหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็กลายเป็นไม้เทพต้นหนึ่งที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ บริสุทธิ์เหมือนเจียระไนจากหยกงามหมอกเพลิง ไอคลุมเครือไหลบ่า หมอกเซียนพวยพุ่ง งดงามยิ่งนัก

“นายท่านน้อย พลังของต้นเทพฝูซางถูกข้าพันธนาการไว้แล้ว รอภายหน้าหากท่านหาดินอัศจรรย์ห้าสีได้ สามารถเลี้ยงมันไว้ในนั้นก่อน”

เด็กหนุ่มผมเทาพูดพลางนำไม้เทพฝูซางที่เล็กเท่าฝ่ามือมอบให้หลินสวินด้วยสองมือ

ต้นบรรพชนหลอมจิตน้ำลายแทบหกอยู่ข้างๆ ดูมุ่งหวังปรารถนาหาใดเปรียบ

แต่หลินสวินไม่ใส่ใจมัน เก็บต้นเทพฝูซางลงไปอย่างระมัดระวังแล้วกล่าว “ขอบคุณมาก”

เด็กหนุ่มผมเทาเผยให้เห็นฟันขาวดุจหิมะเรียงเป็นระเบียบ ยิ้มสดใสกล่าว “นายท่านน้อย ท่านเป็นนาย ข้าเป็นบ่าว การทำเรื่องพวกนี้เดิมทีก็เป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

โดยทั่วไปยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ยามคิดจะก้มหัวให้คนรุ่นหลังที่อ่อนแอกว่าตน ย่อมไม่มีใครไม่รู้สึกอับอาย แขวนหน้าไว้ไม่อยู่

แต่เด็กหนุ่มผมเทากลับดูเป็นธรรมชาติ ท่าทางเปิดเผย ทั่วร่างไม่มีไอพลังดุร้ายแม้เศษเสี้ยว กลับมีกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

หลินสวินคิดไปคิดมาก็เอ่ยถาม “พวกอูเฟิงจื่อ… ตายหมดแล้วหรือ”

เด็กหนุ่มผมเทาพยักหน้า ส่วนลึกของนัยน์ตาฉายแววดุดันอย่างยากสังเกตเห็น “แม้ว่าพวกเขาจะตาย แต่เผ่าอีกาทองยังไม่ถึงขั้นมลายสิ้นอย่างแท้จริง บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังมีพวกเศษเดนของเผ่านี้อยู่ไม่น้อย”

“มหาจักรพรรดิอีกามารหรือ”

“ถูกต้อง”

“จริงสิ เคยมีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เฟยหลัน’ พูดถึงเจ้ากับข้า บอกว่าพวกเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกัน”

“เฟยหลัน…”

เด็กหนุ่มผมเทาอึ้งงัน ตื่นเต้นอย่างยากจะได้เห็นอยู่บ้าง “เขายังมีชีวิตอยู่หรือ ถ้าเช่นนั้นเขาก็หาจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้แล้วหรือ”

หลินสวินบอกเล่าเรื่องราวที่ชายหนุ่มจักจั่นทองพาพวกเฟยหลัน จ้าวหยวนจี๋มุ่งหน้าไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราออกมาทันที

เด็กหนุ่มผมเทายิ้มสดใส “เช่นนั้นก็ดียิ่ง! นายท่านน้อยคงไม่รู้ เฟยหลันเหมือนกับข้า ร่างเดิมของเขาก็คือ ‘ระฆังมหามรรครวมศูนย์’ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วพวกเราสองคนต่อยตีกันจนรู้จัก ต่อมาได้ผ่านเหตุการณ์บางอย่าง พวกเราสองคนจึงพูดได้ว่าเป็นเพื่อนตาย ในเมื่อเฟยหลันเคยพูดถึงข้ากับนายท่านน้อย นั่นก็หมายความว่าเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านน้อยยิ่งนัก”

สายตาที่เขามองไปทางหลินสวินเจือความสนิทชิดเชื้อสายหนึ่ง ไม่มีกลิ่นอายที่แม้จะถ่อมตนแต่กลับดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

คิดดูแล้วก็ใช่ เด็กหนุ่มผมเทาอยู่มาชั่วกาลแต่ไม่ดับสลาย ท่าทางดูเหมือนเด็กหนุ่มแปลกประหลาด แต่ความจริงก็เรียกได้ว่าเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง

หลังจากนั้นอู้เชวียก็กลายร่างเป็นหมอกขาวสายหนึ่งกลับเข้าไปในธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ส่วนหลินสวินก็นำสมบัติอริยะที่ไม่จำเป็นต้องใช้บางส่วนมอบให้อู้เชวียทั้งหมด

หลินสวินเฝ้ารอเป็นอย่างยิ่ง ว่ายามอู้เชวียฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมาดังเดิมจะแข็งแกร่งเพียงใด!

“พี่ใหญ่”

ไม่ทันไรพวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็พุ่งโฉบมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

แต่เจ้านกดำกลับหน้าตากลัดกลุ้ม ด้วยปีกทั้งสองของมันถูกเจ้าคางคกและอาหลู่ยึดไว้แน่นหนา มีท่าทีเป็นห่วงว่ามันจะหนีไป

หลินสวินชะงัก “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

อาหลู่หัวเราะพลางกล่าว “เจ้านกขี้ขโมยนี่ขูดรีดสมบัติชั้นดีไปไม่น้อย พวกเราสองคนห่วงว่าจะถูกมันกอบโกยไปหมด ดังนั้นจึงคุมตัวมันไว้ชั่วคราว”

“มารดามันเถอะ ข้าใช่คนแบบนั้นรึ” เจ้านกดำตะโกนออกมาอย่างน้อยใจ

เจ้าคางคกยิ้มแย้มกล่าว “เจ้าไม่ใช่คน เป็นนก ใจนกยากหยั่งถึง”

หลินสวินบื้อใบ้

อาหลู่ใช้มือข้างหนึ่งตบหัวของเจ้านกดำดังป้าบแล้วกล่าว “เร็วเข้า นำสมบัติสองชิ้นนั้นออกมา”

เจ้านกดำโกรธจนร้องเสียงดัง แต่สุดท้ายก็ต้านแรงกดของเจ้าคางคกและอาหลู่ไม่ได้ ได้แต่อ้าปากคายออกมาด้วยจำยอม

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ศรเทพสองดอกปรากฏออกมา

ดอกหนึ่งขาวดุจหิมะ เปล่งแสงเงินยวงขาวโพลน ปลายศรเยียบเย็น ตัวศรหนาประมาณนิ้วโป้ง บนนั้นสลักอักษรมรรคที่เฉียบคมน่าพรั่นพรึงอยู่สองคำ…

แสงโชค!

อีกดอกหนึ่งเปล่งแสงเทพน้ำเงินเข้มคล้ายมายา เหมือนกับศรเทพแสงโชคไม่มีผิด แต่ตัวศรกลับสลักอักษรมรรคสองคำว่า ‘เสี้ยวปีก’ อยู่รางๆ

ศรเทพทั้งสองลอยคว้าง สาดแสงสว่างไสว กลิ่นอายล้วนน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด ฉายแววอัศจรรย์

แสงโชค เสี้ยวปีก!

นี่เป็นถึงหนึ่งใน ‘ศรเทพทั้งเก้า’ ของเผ่าต้าอี้บรรพกาลเหมือนศรนภาครามและศรนิรันดร์ มหัศจรรย์หาใดเปรียบ พลังทำลายล้างก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!

………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์