อ่านสรุป ตอนที่ 1693 แม่น้ำเซียนเหิน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1693 แม่น้ำเซียนเหิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
แหล่งสถานคุนหลุน กำลังจะเปิดหลังจากนี้สิบวัน!
อาหูมาคราวนี้ก็ด้วยต้องการพาหลินสวินไปทำภารกิจด้วยกัน
หลินสวินรับปากทันที
ตั้งแต่ถล่มหุบเขาตะวันคล้อยไปครั้งก่อนถึงตอนนี้ก็ครึ่งปีแล้ว ครึ่งปีมานี้เขาเก็บตัวอยู่ที่ทะเลหมากดารา ขัดเกลามรรควิถี พลังมหาอริยะขั้นต้นเคี่ยวกรำจนมั่นคงหาใดเปรียบนานแล้ว
ทั้งการหยั่งรู้ผ่านดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ก็ทำให้หลินสวินจับความมหัศจรรย์เสี้ยวหนึ่งของมหามรรคแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้ด้วย ภายหน้าขอแค่ศึกษาและหยั่งรู้ไปช้าๆ ก็จะยึดกุมพลังใหม่ที่มีเพียงมหาอริยะที่ควบคุมได้แล้ว
เพียงแต่เจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เจ้านกดำ ที่เดิมคิดฉวยโอกาสทะลวงระดับมกุฎมหาอริยะให้ได้ก่อนแหล่งสถานคุนหลุนจะเปิดออกต่างไม่อาจสมปรารถนา
ใช่ว่าไม่พยายาม หากแต่การเสาะหาอริยมรรค ปรารถนาทะลวงปราณขึ้นไป นอกจากขยันฝึกปราณแล้ว ยังต้องมีวาสนาด้วย
ตอนนี้สิ่งที่พวกเจ้าคางคกขาดก็คือวาสนาในการทะลวงปราณ
จากคำพูดของอาหู รอเมื่อเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว พวกเจ้าคางคกมีโอกาสมากมายที่จะไปช่วงชิงวาสนาทะลวงปราณ
ด้วยแหล่งสถานคุนหลุน เดิมทีก็มีศุภโชคชั้นยอดมากมายที่ยากจะจินตนาการได้อยู่แล้ว!
ทว่าก่อนจะบรรลุระดับมกุฎมหาอริยะ ถ้าพวกเจ้าคางคกอยากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน อาจจะเจออันตรายที่คาดไม่ถึงได้โดยง่าย
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ หลินสวินจึงตัดสินใจให้พวกเจ้าคางคกทั้งหมดอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดโดยไม่ลังเล
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้วเจออันตราย ก็ให้เขาต้านไว้คนเดียวก็พอ
“ผู้อาวุโส…”
เมื่อรู้ว่าหลินสวินใกล้จากไป ซูไป๋ก็อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง
ผ่านการฝึกปราณมาหลายเดือน เด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเข้มแข็งองอาจ ดวงตาส่องประกายดูหลักแหลม
“ข้าช่วยเตรียมวิชาและโอสถเทพบางส่วนในการฟื้นฟูพลังพรสวรรค์ไว้ให้เจ้าแล้ว แต่จะสำเร็จหรือไม่ล้วนอยู่ที่การขัดเกลาของตัวเจ้าเอง”
หลินสวินมอบถุงเก็บของใบหนึ่งให้ซูไป๋ คิดไปคิดมาก็กล่าวเสริม “ภายหน้าหากออกไปฝึกประสบการณ์ ต้องยืนหยัดเจตนารมณ์ ยามต้องสู้ก็สู้ ยามต้องถอยก็ถอย ว่ากันตามจริงคือเจ้าต้องพึ่งพาตัวเองไปแก้ไขปัญหาที่เจอบนหนทางฝึกปราณ”
ซูไป๋พยักหน้ารับคำ จดจำขึ้นใจ
หลินสวินตบบ่าที่ผอมบางนั้นของเด็กหนุ่ม ไม่พูดอะไรมากอีกก็หันหลังจากไป
วันนี้หลินสวินและอาหูออกจากทะเลหมากดาราไปพร้อมกัน มุ่งหน้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน!
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่มองส่งพวกเขาจากไปจมสู่ภวังค์ไปครู่ใหญ่ ในใจกลัดกลุ้ม ดื่มยอดเมรัยเป็นครั้งแรกของชีวิต
รสชาติร้อนแรงที่เหมือนมีดเฉือน บาดลึกจนเด็กหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาแทบไหลออกมา
หลังจากสูดลมหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์นั้นของเด็กหนุ่มก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว
“ผู้อาวุโส… เมื่อเจอกันครั้งหน้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
…
สำหรับดินแดนรกร้างโบราณ การจากไปของหลินสวิน พูดได้ว่าเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงและไม่มีใครรู้
แต่ชายฝั่งทะเลหมากดารา ทุกช่วงเวลายังคงดึงดูดผู้ฝึกปราณมากมายมาชื่นชมและพบอริยะเหมือนเดิม
…
โลกชั้นล่าง จักรวรรดิจื่อเย่า
เรือนโอบดารานิทราบุหลัน เฒ่าโดดเดี่ยวที่ปากกำลังคาบปล้องยาสูบทอดสายตามองไปบนเวิ้งฟ้า คิดคำนวณเงียบๆ ครู่ใหญ่ก็หัวเราะออกมาทันใด
“แหล่งสถานคุนหลุน… สถานที่อัศจรรย์ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานแห่งนี้ ในที่สุดก็จะปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งแล้ว…”
ข้างๆ ในดวงตากระจ่างบริสุทธิ์ที่เหมือนเด็กทารกนั้นของราชครูแห่งหอดูดาวหลวงระบายยิ้มเสี้ยวหนึ่ง กล่าวเนิบช้า
“นับแต่โบราณมา สถานที่นั้นเคยให้กำเนิด ‘บรรพจารย์มรรค’ ไม่น้อย และถูกมองเป็น ‘หอบรรพจารย์มหามรรค’ ด้วย”
“ทุกครั้งที่แหล่งสถานคุนหลุนเปิดออก ก็หมายความว่าศุภโชคชั้นยอดอย่างหนึ่งใกล้จะปรากฏ แต่ศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับการบรรลุจักรพรรดิเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครต่างสามารถครอบครองได้”
พูดจบในหัวของราชครูก็ปรากฏเงาร่างของหลินสวิน เจ้าหนุ่มนี่… ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางไปที่แหล่งสถานคุนหลุนแล้วกระมัง
เฒ่าโดดเดี่ยวเผยสีหน้าสับสน ถอนใจกล่าว “แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซุ่มซ่อนหมื่นกระแสทั่วหล้า ภายในมีสามพันเก้าร้อยแดน หนึ่งแดนหนึ่งกฎกรรม แดนผีสิงเช่นนี้ฝังร่างบุคคลระดับจักรพรรดิที่โลภมากไม่กลัวตายไปไม่รู้เท่าไร ทั้งถูกเรียกว่า ‘แดนมหามรรคเสื่อมโทรม’ ด้วย”
“แหล่งสถานคุนหลุน หอบรรพจารย์มหามรรค เคราะห์ร้ายและศุภโชคร่วมเคียง ทุกครั้งที่เปิดออกจะดึงดูดเหล่ายอดฝีมือทั่วฟ้าดาราให้มุ่งหน้าไป แต่ผู้รอดชีวิตไร้หนึ่งในพัน เป็นแดนสมบัติอวมงคลที่สมชื่อคู่ควร ภายในมีกฎกรรมมากเกินไป สมเป็นปริศนาแห่งหอบรรพจารย์มหามรรค”
“แหล่งสถานศุภโชค มีเพียงระดับจักรพรรดิที่เข้าไปได้ แต่ก็เคยปรากฏในสมัยดึกดำบรรพ์แค่ครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีก ได้ยินว่าสถานที่นั้นครึ่งหนึ่งเป็นหยินครึ่งหนึ่งเป็นหยาง หยินหยางร่วมเคียง ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง”
“แต่หากจะพูดถึงสถานที่ซึ่งลึกลับที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นแหล่งสถานอัศจรรย์ บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีแค่ตำนานของโบราณสถานนี้เท่านั้น ทั้งยังคลุมเครือหาใดเปรียบ ส่วนจะมีอยู่จริงหรือไม่ ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรคก็ไม่กล้าถือดีตัดสิน”
“จตุโบราณสถานนี้ซ่อนความลับแห่งต้นกำเนิดของทั่วหล้าไว้ สิ่งที่น่าเสียดายคือ นับแต่โบราณมายังไม่มีสักคนที่ได้ไปเยือนจตุโบราณสถานนี้จนครบ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เฒ่าโดดเดี่ยวคาบปล้องยาสูบ ใบหน้าอบอวลด้วยกลุ่มควัน จิตใจดูห่อเหี่ยวอยู่บ้าง
ราชครูแห่งหอดูดาวหลวงกล่าว “ว่าไปแล้วเจ้าหนูหลินสวินนี่ก็น่าสนใจ เมื่อเยาว์วัยก็เคยเข้าไปใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ครั้งนี้ก็ต้องไปเยือนแหล่งสถานคุนหลุนแน่ ก็ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าเขาจะมีโอกาสไปแหล่งสถานศุภโชคและแหล่งสถานอัศจรรย์ดูหรือไม่”
ก็ไม่แปลกที่ตอนนั้นอ๋าวเจิ้นเทียนกับอิ๋นฮวนจะเชิญหลินสวินไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ด้วยคิดว่าดินแดนรกร้างโบราณไม่อาจเติมเต็มความต้องการในการฝึกปราณของหลินสวินได้แล้ว
เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานยามซย่าสิงเลี่ยบิดาของซย่าเสี่ยวฉงจากไป ก็เคยกล่าวคำพูดที่คล้ายกัน
“พี่หลิน หากเป็นไปดังคาด ภายในสามวันพวกเราจะไปถึง ‘แม่น้ำเซียนเหิน’ ที่นั่นตั้งอยู่ในโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันที่นั่นก็เป็นหนึ่งในทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนด้วย”
อาหูกล่าว “ผู้แข็งแกร่งที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ขอแค่เป็นพวกที่อยากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนล้วนต้องผ่านแม่น้ำเซียนเหินไปทั้งสิ้น ถึงจะเข้าไปในนั้นได้”
“นอกจากนี้ ในสถานที่พิเศษซึ่งรวมตัวจากโลกที่สลายไปบางแห่ง หากใช้ป้ายคำสั่งเซียนเหินก็จะสัมผัสเส้นทางมุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุนได้ เพียงแต่สถานที่ซึ่งเส้นทางพวกนี้พาไป แม้จะตั้งอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจเข้าไปในแดนใจกลางของแหล่งสถานคุนหลุนได้”
“เพื่อความปลอดภัย ครั้งนี้พวกเราก็จะทำเหมือนผู้แข็งแกร่งที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้น มุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุนผ่านแม่น้ำเซียนเหิน”
หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน นอกจากตน อาหลู่ เจ้าคางคก เสี่ยวอิ๋น จ้าวจิ่งเซวียนแล้ว ในมือของพวกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ต่างก็มีป้ายคำสั่งเซียนเหินเช่นกัน
ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่
หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “แม่นางอาหู เจ้ารู้ไหมว่าแหล่งสถานคุนหลุนกว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่”
อาหูอมยิ้ม “คำถามนี้ไม่ว่าใครในใต้หล้าก็ล้วนตอบไม่ได้ ด้วยตั้งแต่โบราณมายังไม่เคยมีคนประเมินได้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนกว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
หลินสวินพยักหน้า
วันต่อมา
ยานขนส่งอวกาศพลันพุ่งเข้ามาในปราการโลกที่เหมือนแดนแรกกำเนิดแห่งหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของอาหู ไม่นานก็จะท่องทะยานเข้าไปในห้วงอากาศที่ราวกับว่างเปล่าแล้ว
กระทั่งผ่านไปสองวัน เสียงกัมปนาทครั่นครืนระลอกหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล
หลินสวินยืนอยู่บนหัวยาน สอดส่องสายตาไป ก็เห็นปลายทางของห้วงอากาศที่เปลี่ยวดายไร้ขอบเขตนั้นมีธารสวรรค์สายหนึ่งสาดส่องลงมา ยิ่งใหญ่ดุจทางดาราที่โน้มลงมาจากเก้าชั้นฟ้า!
กระแสน้ำหลากสีขาวโหมกระหน่ำทิ้งตัวลงมาสู่ความว่างเปล่าโดยรอบ กลายเป็นธารสายเล็กนับไม่ถ้วนไหลบ่า แผ่ขยายออกมากลางอากาศ
พาให้คนรู้สึกเหมือนแม่น้ำใหญ่สายหนึ่งพลิกตลบอยู่กลางอากาศ มาจากความว่างเปล่า หวนคืนสู่ความไร้สิ้นสุด กว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่ายิ่งใหญ่นัก
“นั่นก็คือแม่น้ำเซียนเหิน เล่าลือกันว่าต้นน้ำของมันมาจาก ‘น้ำพุศักดิ์สิทธิ์’ แห่งหนึ่งในแหล่งสถานคุนหลุน สายน้ำขุ่นใสหลอมรวมกันจึงไหลบ่าพลิกตลบกลางอากาศได้!”
ชายเสื้อของอาหูพลิ้วไหว นัยน์ตาคู่งามฉายแววอัศจรรย์
………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์