หลินสวินไม่สนใจเสียงฮือฮาและตกตะลึง รวมถึงสายตาเจือแววประหลาดที่ทอดมองมาจากรอบๆ ที่แห่งนั้น
เขาเดินหน้าต่อ
ภูเขากลับหัวอยู่ข้างหน้าสามพันจั้ง ที่นั่นเปลวเพลิงพลุ่งพล่าน แสงเทพไหลเวียน ศักดิ์สิทธิ์ผิดธรรมดา
ณ ที่แห่งนั้น ไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นบทประพันธ์มหามรรคสะดุดตาที่สุด
แต่เช่นเดียวกัน เพลิงเทพสีม่วงที่เกิดขึ้นพร้อมไอมรรคหลอมสมบัติเช่นนี้ก็มีพลานุภาพน่ากลัวและดุร้ายที่สุด
เพลิงเทพเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นเพลิงวายุดับวิญญาณ มีที่แดนหลอมสมบัติที่เดียว แม้แต่มกุฎมหาอริยะ หากไม่มีสมบัติลับเป็นที่พึ่งก็ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสฤทธิ์เดชของมัน
ตูม!
นกปีศาจอีกตัวหนึ่งทะลวงอากาศเข้ามาโจมตีหลินสวินด้วยท่าทางเหิมฮึก
คราวนี้พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงต่างจับตามองอย่างตั้งใจ
แสงไฟลุกโชน ห้วงอากาศถูกหลอมละลาย แต่นกปีศาจนั่นยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกเพลิงมรรคอัศจรรย์กำราบและกลืนกินจนสิ้นอีกครั้ง
ง่ายดายดั่งขยี้แมงเม่าที่บินเข้ากองไฟตัวหนึ่ง!
พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงหน้าเปลี่ยนสีกันหมดแล้ว ในมือพวกเขาถือสมบัติลับอยู่ ถึงกล้าเสี่ยงอันตรายยิ่งยวดเข้าใกล้ภูเขากลับหัว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ยามพวกเขาเดินหน้าก็ยังคงถูกจู่โจม ต้องต้านทานและสลายด้วยพลังทั้งหมดที่มี ทำให้ความเร็วในการเดินหน้าชะลอลง
แต่หลินสวินกลับไม่เกิดเรื่องแบบนี้สักนิด อุปสรรคทั้งหมดต่างถูกกำจัดไปอย่างราบคาบ ดูทิ่มแทงตาถึงที่สุด
‘สารเลว!’
มีคนแช่งด่าในใจ รู้สึกไม่เป็นธรรมนัก แววดุร้ายฉายวาบในแววตา
‘ออกจะชอบกลแล้ว…’
มีคนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
และมีคนลงมือทันที ไม่อาจยอมถูกหลินสวินนำหน้าไปได้
ตูม!
ปราณกระบี่น่าเกรงขามโชติช่วงยาวนับหลายร้อยจั้งสายหนึ่งโฉบพุ่ง บดขยี้ห้วงอากาศ ฟันไปที่หลินสวิน
เสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นที่นั่น
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เหวลึกแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหมุนวน ปราณกระบี่ที่ฟันมานั้นถล่มลงไปทุกกระเบียด ถูกทำลายกลืนกินไปพร้อมกับเสียงดังสนั่นจนหูแทบดับ
หลินสวินเหลือบตามองไปก็เห็นรูปลักษณ์ของคนลงมืออย่างชัดเจน
คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มชุดฟ้าร่างผอมบาง ผิวพรรณเรื่อเรืองไปด้วยแสงสีเงิน ที่หน้าผากมีเขากิเลนเขาหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่เย็นชาและลุ่มลึก
เมื่อเห็นหลินสวินสลายกระบี่ของตนได้สบาย ชายหนุ่มเขากิเลนก็อึ้งไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ส่วนผู้แข็งแกร่งมากมายที่มองดูอยู่ไกลออกไปต่างอดวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮาขึ้นมาไม่ได้แล้ว
“ลู่อ๋างจากเผ่านักรบกิเลนโลหิตผู้นี้ก็อหังการไปแล้ว…”
“ไม่เห็นหรือ ลู่อ๋างก็อยู่ข้างหน้าหลินสวิน เขาจะยอมถูกหลินสวินไล่ตามได้อย่างไร”
“เหอะๆ มีเรื่องครึกครื้นให้ดูแล้ว”
จากเสียงสนทนาทำให้หลินสวินรู้ฐานะของชายหนุ่มเขากิเลนผู้นี้
ลู่อ๋าง ลูกหลานเผ่านักรบกิเลนโลหิต หนึ่งในสิบเผ่านักรบใหญ่ มกุฎมหาอริยะผู้หนึ่งที่อยู่อันดับเจ็ดสิบเจ็ดของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา
“ถ้าเจ้าถอยไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้”
ลู่อ๋างเอ่ยปากเย็นชา
เหนือศีรษะเขามีกระดูกสัตว์สีเลือดก้อนหนึ่งลอยอยู่ แสงเลือดบาดตาแผ่กระจายออกมา กำลังต่อกรกับนกปีศาจสีม่วงที่อยู่ใกล้เคียงตัวหนึ่ง
วาจาเขาไม่เกรงใจอย่างยิ่ง ข่มขู่หลินสวิน
พวกเหวินฉิงเสวี่ยกับเถาเจี้ยนสิงที่กระจายตัวอยู่ทางอื่นล้วนนิ่งดูดาย แน่นอน พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้า ยังคงดิ้นรนมุ่งหน้าดังเดิม
ชิ้ง!
ดาบหักเคลื่อนออกมาแสงเรืองสีขาวโพลนกรีดทะลุอากาศออกไป
นี่ก็คือคำตอบของหลินสวิน
ลู่อ๋างสีหน้าขรึมลง พอความคิดเขาขยับไหว ประทับกระบี่ชิ้นหนึ่งก็ถลาออกมา แปรสภาพเป็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ปราณกระบี่บนภูเขาแน่นขนัดนับหมื่นม้วนตลบออกไป
ปราณกระบี่ไพศาลแน่นขนัด แต่ละสายต่างมีอานุภาพสังหารอริยะ!
ตูม โครมๆ!
เสียงปะทะสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ปราณกระบี่นับหมื่นพันถาโถมเชี่ยวกราก ทันทีที่สัมผัสกับดาบหักก็ระเบิดกระจุยสะเทือนเลื่อนลั่น
มองจากไกลๆ ความแกร่งกล้าคมประกายของดาบหักประหนึ่งไม่อาจต้านทานได้โดยสมบูรณ์ ทะลวงปราณกระบี่เชี่ยวกรากหนาแน่นให้เป็นรอยแหวกตรงแน่วเส้นหนึ่ง
ในที่สุดเสียงตูมก็ดังขึ้น ประทับกระบี่ที่เปลี่ยนเป็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่านถูกดาบหักฟันออก ละอองแสงกระเซ็นกระสายราวหิมะถล่มลูกใหญ่!
พลังโจมตีอันน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขตนั่นซัดจนร่างลู่อ๋างสั่นไหว เลือดลมทั้งกายปั่นป่วน
แข็งแกร่งนัก!
ลู่อ๋างหน้าเปลี่ยนสี
แต่ไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบสนองสักนิด ดาบหักก็ฟันมาอีกครั้งภายใต้การควบคุมของหลินสวิน คมประกายน่าครั่นคร้ามและดุดันนั้นมีแสงมรรคคลุมเครือน่าหวาดหวั่นหลั่งไหลอยู่
ลู่อ๋างขนลุกเกรียว ใช้พลังทั้งหมดเข้าต้าน
ครู่ต่อมาตัวเขาก็ถูกฟันกระเด็นออกไป ริมฝีปากมีเลือดไหล ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ที่อนาถที่สุดก็คือ นกปีศาจสีม่วงที่อยู่ใกล้กันตัวหนึ่งถือโอกาสเข้าโจมตีให้สิ้นซาก
ทว่าลู่อ๋างสมกับเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎที่มีชื่ออยู่ในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ในช่วงเวลาวิกฤตยิ่งนี้ ก็ใช้ศักยภาพแฝงของตัวเองทั้งหมดเคลื่อนย้ายหนีออกมาจากบริเวณนั้น
เงาร่างของเขาปรากฏห่างออกมาหลายพันจั้ง สีหน้าไม่น่าดู อึมครึมเป็นที่สุด
เพราะด้วยการโจมตีนี้ ข้อได้เปรียบที่เขาได้มาก่อนหน้านี้จึงอันตรธานไปหมดแล้ว คิดจะเข้าใกล้ภูเขากลับหัวนั้นอีกก็ทำได้เพียงเคลื่อนไหวใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“เอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง น่าขัน”
หลินสวินเผยสีหน้าเย้ยหยัน
พวกเหวินฉิงเสวี่ย เถาเจี้ยนสิงเห็นดังนี้ ในใจก็หวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ ลู่อ๋างขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ถึงกับถูกขับออกจากการช่วงชิง นี่เป็นสิ่งที่ใครก็คิดไม่ถึง
เช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาก็ทำให้พวกเขาระแวดวะวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์