จนตอนนี้ในใจหลินสวินพอมีโครงร่างคร่าวๆ บ้างแล้ว
ในโลกมืดบนทางเดินโบราณฟ้าดารามีสามยักษ์ใหญ่ แบ่งเป็นสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ หอวิหคทองแดง
ในนั้นสำนักโบราณจรัสเทพมองตัวเองว่าเป็น ‘ทูตเทพพยากรณ์’ รับบัญชาแห่งทวยเทพ กระทำการเข่นฆ่า
แดนกษิติครรภ์มองว่าตนเป็น ‘ผู้หลุดพ้น’ ยึดการกำจัดมารนอกรีตในโลกเป็นหน้าที่แห่งตน
ส่วนหอวิหคทองแดงก็เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์และผู้ควบคุมระเบียบของโลกมืด อำนาจกระจายทั่วโลกมืด อิทธิพลหยั่งรากฝังลึก
มีแสงสว่าง ก็ย่อมมีความมืดมิด
ส่วนโลกมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในโลกนี้ต่างก็บอกไม่ถูก
รวมถึงอาหู ก็ได้แต่บอกว่าโลกมืดเป็นเพียงคำเรียกแบบกว้างๆ อย่างหนึ่ง โดยทั่วไปยิ่งก่อกวนแดนปั่นป่วนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสแทรกซึมอำนาจในโลกมืดได้มากขึ้นเท่านั้น
นี่ทำให้สามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดอย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ และหอวิหคทองแดงยิ่งเร้นลับขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
และนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในใจหลินสวินก็เกิดความระวังตัวขึ้นมาบ้างแล้วส่วนหนึ่ง
ถูกสองขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์หมายหัวพร้อมกัน ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางนิ่งเฉยได้
…
หนึ่งวันต่อมา
ทั่วทั้งแดนหลอมสมบัติสั่นสะเทือนรุนแรงครู่หนึ่ง ฟ้าดินไหวโคลง ผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวอยู่ในนั้นต่างหยุดการกระทำในมือ
“ที่แห่งนี้จะจมสู่ผนึกอีกครั้งแล้ว…”
มีคนพึมพำ
“บททดสอบและอันตรายที่แท้จริงจะเริ่มนับจากบัดนี้ อย่าลืมล่ะ ในกาลเวลาที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถรอดชีวิตออกจากแหล่งสถานคุนหลุนได้มีเพียงไม่กี่หยิบมือเท่านั้น!”
มีคนสีหน้าเคร่งขรึม
แดนหลอมสมบัติเป็นเพียงอาณาเขตรอบนอกของแหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้น ยังไม่มีอันตรายให้พูดถึงมากนัก
แต่ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุนย่อมไม่เหมือนกันแล้ว ทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยเคราะห์สังหาร เป็นไปได้สูงว่าแค่ดินโคลนก้อนหนึ่ง หญ้าเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาต้นหนึ่ง ล้วนสามารถเอาชีวิตมกุฎมหาอริยะได้ !
นี่หาได้กล่าวเกินจริง หากแต่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ในกาลเวลาที่ผ่านมา
“ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุนมีอันตรายยิ่งใหญ่ และมีมหาวาสนาด้วยเช่นกัน ความลับภายในนั้นดุจหมอกควันแผ่กว้าง หมื่นยุคสืบมาไม่เคยมีคนมองทะลุสภาพความเป็นไปทั้งหมดได้อย่างแท้จริง ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถได้รับวาสนาภายในนั้น…”
มีคนคิดไปต่างๆ นานา
ตูม!
ไม่ทันไรบนเวิ้งฟ้าแถบนั้นมีเสียงก้องกระหึ่มดังขึ้น ทำเอาสภาวะจิตของผู้คนสะท้านสะเทือน
หลังจากนั้นเถาวัลย์สีเขียวที่ใหญ่หนาเถาแล้วเถาเล่าตกลู่ลงมาจากฟากฟ้า สะบัดลงในพื้นที่แตกต่างกันในแดนหลอมสมบัติ
“เถาวัลย์บรรลุนภาปรากฏแล้ว!”
ผู้ฝึกปราณมากมายต่างเริ่มเคลื่อนไหว
บ้างเรียกสมบัติออกมา บ้างก็ทำมุทราโคจรวิชา บ้างก็กระตุ้นพลัง…
พวกเขาต่างเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
เถาวัลย์บรรลุนภาจำนวนไม่อาจนับ ผู้ฝึกปราณแค่ต้องปีนไต่เถาวัลย์ขึ้นไป ก็สามารถออกจากแดนหลอมสมบัติ เข้าสู่ภายในแหล่งสถานคุนหลุนอย่างแท้จริงได้
แต่ในเถาวัลย์บรรลุนภาเหล่านั้น มากกว่าครึ่งแทบจะเชื่อมไปยัง ‘แดนมรณะ’ หากเคราะห์ไม่ดีเลือกผิด เป็นไปได้สูงว่าสถานที่ที่ไปถึงก็คือแดนไร้หวังเปี่ยมอันตราย!
ในกาลเวลาที่ผ่านมาไม่รู้มีผู้ฝึกปราณเท่าไหร่กลายเป็นคนตายจริงๆ เพราะเข้าสู่ ‘แดนมรณะ’ แบบไม่ทันตั้งตัว
“พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวกันเถอะ”
อาหูเอ่ยปาก มือเรียวของนางสะบัดคราหนึ่ง ปิ่นสีเงินเล่มหนึ่งพุ่งออกมา บนนั้นสลักลายมรรคแน่นขนัดเอาไว้
วู้ม!
ปิ่นสีเงินส่องแสง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งไกลออกไปโดยทันที
“ไป”
อาหูนำทางไปก่อน หลินสวินตามหลังนางติดๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้จู่ๆ หลินสวินก็นึกขึ้นมาได้ ปีนั้นยามทะลวงสามด่านสุดท้ายของทางเดินเมฆาหยกในห้องโถงมรรคาสวรรค์ ตนเคยได้รับสมบัติสามอย่าง
หนึ่งคือปีกผลาญเทพ สองคือพลังเร้นชะตาสวรรค์ ส่วนสิ่งสุดท้ายคือสมบัติที่มีชื่อว่า “พันฤกษ์วัฏจักรนำพา”
จากคำพูดของหญิงลึกลับ พันฤกษ์วัฏจักรนำพาอัศจรรย์พันลึกสุดขีด ไม่ว่าจะหลงทางในทะเลดาราไร้ขอบเขต จมสู่ปราการวงกตฟ้าดิน หรือว่าหลงเข้าไปในแดนเสี่ยงอันตราย ล้วนสามารถใช้สมบัติชิ้นนี้ชี้ทางรอดได้
“ถึงแล้ว”
ไม่ทันไรอาหูก็หยุดฝีเท้า เบื้องหน้าเทือกเขาลูกหนึ่งไกลๆ เถาวัลย์ยักษ์สีเขียวที่หยาบหนาเหมือนถังน้ำสายหนึ่งร่วงลงมาจากฟากฟ้า
ทอดสายตามองจากไกลๆ ก็เหมือนงูหลามสีเขียวตัวหนึ่งห้อยหัวลงมาจากฟ้า!
ปิ่นสีเงินของอาหูชี้ไปทางเถาวัลย์บรรลุนภาเถานี้พอดี
หลินสวินเงยหน้าขึ้นมอง ดูไม่ออกสักนิดว่าเถาวัลย์เถานี้ยาวแค่ไหนกันแน่ เหมือนแตกเครือทอดลงมาจากนอกเวิ้งฟ้า
“ปีนขึ้นไปเหนือฟ้าก็คือคุนหลุน ที่นั่นเป็นโบราณสถานที่ไพศาลไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง ซุกซ่อนอันตรายและความลับไม่รู้เท่าไหร่ หลังจากไปถึงที่นั่นต้องระวังตัวให้มากๆ”
อาหูกำชับหนึ่งประโยค ตั้งท่าเตรียมเคลื่อนไหว
จู่ๆ เสียงอ่อนโยนเสมือนลมวสันต์สายหนึ่งก็ดังขึ้น “บังเอิญจริง ถึงกับพบทั้งสองคนที่นี่”
ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือระลอกคลื่นสายหนึ่งที่ผุดขึ้นในห้วงอากาศไกลๆ จากนั้นเงาร่างสามสายก็เดินออกมา
ร่างผอมที่นำหน้าสุดสวมชุดแขนกว้างรัดเข็มขัด มีมาดบัณฑิตสุภาพ เป็นเมิ่งอี้ทายาทเลือดบริสุทธิ์ที่ผ่าเหล่าผ่ากอที่สุดคนหนึ่งของเผ่านักรบฉงฉี
จีเฉียนและเจียงเหิงจากสำนักยุทธ์เสวียนจีติดตามอยู่ข้างกายเขา ตอนที่มองเห็นหลินสวินและอาหู พวกเขาสองคนต่างอึ้งไป
จีเฉียนขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้างดงามของเจียงเหิงก็เย็นเยียบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์