Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1718

สรุปบท ตอนที่ 1718 โบราณสถานคุนหลุน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1718 โบราณสถานคุนหลุน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1718 โบราณสถานคุนหลุน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พลังชีวิตที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ปะทะเข้าหน้า เพียงวูบเดียวหลินสวินรู้สึกประหนึ่งเข้าสู่แดนเซียน!

ภูผาธาราที่นี่เขียวชอุ่ม ผืนดินกว้างเต็มไปด้วยสรรพสัตว์ เวิ้งฟ้ายังปรากฏสีฟ้าที่แวววาว ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดล้วนมีพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ไหลเวียน เขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ

ดอกไม้ป่าที่สามารถเห็นได้ทั่วไปจำนวนหนึ่งล้วนสาดพรมประกายแสงอบอวล กลิ่นหอมรัญจวนคละคลุ้งชวนให้ผู้คนลุ่มหลงแผ่ออกมา

ต้นไม้เก่าแก่เปลือกหนาแตกกิ่งก้านสาขามากมายตั้งเรียงรายสูงเสียดฟ้า ยามที่กิ่งใบของมันโบกแกว่ง ก็พรมแสงฝนที่เหมือนสายน้ำตกลงมาด้วย นั่นล้วนเป็นสิ่งที่วิวัฒน์ขึ้นจากพลังชีวิตอันเข้มข้น

สรรพสิ่งล้วนดูเหมือนแดนเซียนในตำนาน เป็นแดนมงคลที่เหล่าทวยเทพสิงสถิต

ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ต่างจากแดนหลอมสมบัติคือ ในฟ้าดินแห่งนี้มีระลอกคลื่นชีวิตที่ชวนตกใจไหลเวียนอยู่!

บนเวิ้งฟ้า เสียงกังวานใสสายหนึ่งดังแหวกม่านเมฆ กระเรียนขาวฝูงหนึ่งท่วงท่างามสง่า ดุงดั่งรุ้งเทพสีขาวฝูงหนึ่งวาบผ่านบนเวิ้งฟ้า

“กระเรียนเซียนคุนหลุน… ตามตำนาน กระเรียนเซียนเหล่านี้ถือกำเนิดพร้อมกับแหล่งสถานคุนหลุน เป็นสัญญาณแห่งมงคล คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะมาถึงก็จะถูกพวกเราเห็นเข้าตั้งแต่แรกแล้ว”

เมิ่งอี้ร้องชมคราหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่ไม่ได้หมายความว่า การเดินทางของพวกเขาครานี้จะต้องเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข โชคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอกหรือ”

“เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากพี่เมิ่งแล้ว”

จีเฉียนก็หัวเราะเช่นกัน

หลินสวินและอาหูเริ่มสำรวจรอบทิศ สัมผัสรับรู้เงียบๆ

ในภูผาธาราแถบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา ในพื้นที่ไม่ไกลออกไปยังมีเงาร่างของผู้ฝึกปราณคนอื่นปรากฏตัวผ่านอากาศออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่มาถึงต่างอดส่งเสียงอุทานออกมาไม่ได้

เพราะฟ้าดินแถบนี้เรียกได้ว่าสลักจิตงามประณีต ประหนึ่งแดนพิสุทธิ์สุขารมณ์

ยืนอยู่ในนี้ ไม่ต้องออกแรงสักนิดก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายมหามรรคที่ลอยเข้ามาตามธรรมชาติ!

“เถาวัลย์บรรลุนภาเมื่อครู่ล่ะ เหตุใดถึงหายไปแล้ว”

จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างอึ้งไป ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะใส่ใจปัญหาเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาเช่นนี้ด้วย

แม้จะเป็นเช่นนี้เมิ่งอี้ก็ยังกล่าวอธิบายอย่างใจเย็นว่า “เถาวัลย์บรรลุนภาเป็นเพียงวิธีเข้าสู่โบราณสถานคุนหลุนแห่งนี้ พาดเชื่อมระหว่างแดนหลอมสมบัติและโบราณสถานคุนหลุน พี่หลินจะมองว่ามันเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างสองโลกก็ได้”

หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง

เขาหาได้ถามสุ่มไปเรื่อย แต่เพราะคิดถึงที่มาของแดนหลอมสมบัติ

หากไม่ใช่เพราะได้รับก้อนทองแดงก้อนหนึ่งที่ ‘เตาหลอมสมบัติ’ ใบนั้นเหลือทิ้งไว้ เขาก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าแดนหลอมสมบัติที่ใหญ่โตนั่น จะถึงกับวิวัฒน์ขึ้นมาจาก ‘เตาหลอมสมบัติ’!

สันนิษฐานเช่นนี้ โบราณสถานคุนหลุนที่ยืนอยู่ในเวลานี้ จะมีที่มาอย่างไรกัน จะใช่…

วิวัฒน์มาจากของวิเศษบางอย่างเหมือนกันหรือไม่

เห็นได้ชัดยิ่ง ว่าไม่ว่าจะเป็นเมิ่งอี้หรือคนอื่นๆ ล้วนไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้

ทันใดนั้นจู่ๆ บริเวณที่ไกลออกไปก็มีเสียงร้องโหยหวนสายหนึ่งดังขึ้น แหลมเล็กหาใดเปรียบ ท่ามกลางบรรยากาศมงคลสงบสุขเช่นนี้จึงเสียดหูหาที่เปรียบไม่ได้

ในใจพวกหลินสวินตระหนก ต่างทอดสายตามองไป

ก็เห็นเบื้องหน้าต้นไม้โบราณต้นหนึ่งไกลๆ ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงคนหนึ่งถูกขึงไว้ ร่างกายห้อยต่องแต่งกลางอากาศ ดิ้นขัดขืนสุดชีวิตก็ไม่เป็นผล

และสิ่งที่ขึงคอของเขาไว้ เป็นกิ่งไม้เขียวมรกตยาวหลายสิบจั้งเต็มกิ่งหนึ่งที่ห้อยลงมาจากต้นไม้เก่าแก่!

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าร่างของชายหนุ่มชุดม่วงเหี่ยวเฉาลงไปอย่างรวดเร็ว สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณ รวมถึงเลือดเนื้อทั่วร่างราวกับถูกกัดกินไป

จนถึงตอนสุดท้าย แม้แต่ผิวหนังที่หลงเหลืออยู่ก็ยังกลายสภาพเป็นฝุ่นผง ลอยร่วงเกลื่อนพื้น

ภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงนี้ ทำเอาคนในที่นั้นไม่รู้เท่าไหร่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เสียงร้องผวาดังทั่วสี่ทิศ ขนพองสยองเกล้า

“นั่นเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของสำนักดาบจันทร์คราม และเป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง พลังต่อสู้แข็งแกร่ง แต่ว่า… แต่ว่ามาตายสภาพนี้หรือ”

มีคนขวัญผวา เอ่ยปากเสียงสั่น

นี่เพิ่งจะมาถึงโบราณสถานคุนหลุน ก็มีมกุฎมหาอริยะประสบเคราะห์เช่นนี้แล้ว ใครบ้างจะไม่ใจสะท้าน

คราวนี้คนมากมายถึงตระหนักอย่างลึกซึ้ง ว่าฟ้าดินเบื้องหน้านี้ดูเป็นมงคลเหมือนแดนพิสุทธิ์สุขาวดี ทว่าความจริงแล้วซุกซ่อนอันตรายยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครล่วงรู้เอาไว้มากมาย

นับแต่อดีตถึงปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้!

หลินสวินมองอย่างละเอียด ต้นไม้โบราณต้นนั้นกิ่งก้านเขียวมรกต สูงตระหง่านเสียดฟ้า พลังชีวิตเข้มข้นม้วนตลบดุจน้ำตกไหลหลั่งออกมา

มันวิเศษศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ออกเลยว่ามีอันตราย

แต่ใครจะคาดคิด กิ่งก้านเดียวของมันก็สามารถปลิดชีวิตมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งได้ง่ายๆ?

ยามเมื่อมองภูผาธาราของฟ้าดินแห่งนี้อีกหน หลินสวินยังอดสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้ ในใจผุดความรู้สึกอันตรายรุนแรง

“เห็นป่าอย่าใกล้ เจอเขาเลี่ยงเขา เจอน้ำเดินอ้อม เจอหมอกจงถอย…”

อาหูกล่าวเสียงเบา “นี่คือบทเรียนที่ผู้อาวุโสนับไม่ถ้วนที่มุ่งหน้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนในอดีตที่ผ่านมา ใช้เลือดและชีวิตสรุปออกมาได้ พวกเราก็อย่าประมาทโดยเด็ดขาด”

กล่าวพลางนางทอดสายตามองทางพวกเมิ่งอี้ “ทุกท่าน พวกเราขอออกจากที่นี่ก่อนแล้ว”

“ดี ข้าคนแซ่เมิ่งจะรอคำตอบของเจ้าทั้งสอง”

เมิ่งอี้ไม่ได้อิดออด

“ขอตัว”

หลินสวินและอาหูหันตัวจากไปพร้อมกัน

และพร้อมกันนั้น ผู้ฝึกปราณมากมายที่มาถึงโบราณสถานคุนหลุนแถบนี้ก็พากันเริ่มเคลื่อนไหว เหินไปยังทิศทางแตกต่างกัน

โบราณสถานคุนหลุนใหญ่โตยิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าฟ้าดินแห่งนี้ซุกซ่อนความลับเอาไว้เท่าไหร่ และไม่มีใครสามารถคาดคะเนความกว้างใหญ่ของมันได้

ผู้ฝึกปราณที่เข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ล้วนมาด้วยความพร้อม มีแผนการแต่แรก ในมือก็ไม่ขาดเบาะแสและคำชี้แนะจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับแหล่งสถานคุนหลุน

ดังนั้นยามที่เคลื่อนไหวต่างก็ไม่ได้บุ่มบ่ามเหมือนแมลงวันไร้หัว หากเป็นเช่นนั้นอาจประสบเคราะห์ได้ง่ายๆ

ก็เหมือนอย่างชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่ เพียงแค่เข้าใกล้ต้นไม้โบราณต้นหนึ่งเท่านั้นก็ถูกขึงตายทั้งเป็น!

แต่เห็นได้ชัดมากว่าพวกคุนจิ่วหลินก็ไม่ได้คิดจะลงมือเช่นกัน ต้องรู้ดีเช่นกันว่าหากลงมือที่นี่จะประสบกับอันตรายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้แน่นอน

หลินสวินแดกดันกลับ “คราวที่แล้วหากไม่ใช่เพราะเหวินฉิงเสวี่ย เกรงว่าเจ้าคงกลายเป็นคนตายไปนานแล้วกระมัง”

คุนจิ่วหลินสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาทันที

“ข้าให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง หากเจ้ากล้าลงมือตอนนี้ ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติ หากไม่กล้าก็ไสหัวหลีกไปให้ข้าซะ”

หลินสวินและอาหูพุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่ได้หลบหลีกสักนิด หมายจะสวนผ่านข้างกายพวกคุนจิ่วหลินไป

คุนจิ่วหลินหน้าเบ้บวมแดง หน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปน เกือบอดไม่ไหวอยากลงมือหลายต่อหลายครั้ง

แต่ท้ายที่สุดก็ยังมองหลินสวินและอาหูเดินอาดๆ ผ่านหน้าพวกเขาไปตาปริบๆ

“สวะ!”

หลินสวินกล่าวทิ้งท้ายแล้วจากไปโดยไม่เหลียวหลัง

“หลินสวิน! เจอกันคราวหน้าข้าจะขยี้ศพเจ้าให้แหลกเป็นหมื่นชิ้นแน่!”

คุนจิ่วหลินระงับเพลิงโทสะในใจไม่อยู่อีกต่อไป ส่งเสียงคำรามออกมา ไอสังหารยะเยือกเย็น

ข้างกายเขาผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มต่างก็เดือดดาลยากสงบเช่นกัน หลินสวินนี่ไม่เห็นพวกเขาในสายตาเกินไปแล้ว

ตูม!

ทันใดนั้นในพื้นที่ใกล้เคียง ประกายไฟฟ้าสีเทาขมุกขมัวสายหนึ่งผุดวาบ

คุนจิ่วหลินสะดุ้งตกใจ รีบเก็บไอสังหารที่ล้นทะลักออกมารอบกายอย่างรวดเร็ว ประกายไฟฟ้าสีเทาขุ่นมัวสายคล้ายสูญเสียเป้าหมาย ไม่นานก็อันตรธานหายไป

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้กับตา พวกคุนจิ่วหลินต่างสูดหายใจหนาวเยือก เมื่อครู่หากอดไม่อยู่ลงมือกับหลินสวิน เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิดโดยเด็ดขาด!

และพร้อมกันนั้นในใจหลินสวินก็เสียววาบไม่หายเช่นกัน สัมผัสได้ถึงประกายไฟฟ้าสีเทาที่โผล่มาปุบปับสายนั้น

“กล่าวเช่นนี้ ในโบราณสถานคุนหลุนแห่งนี้ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้เลยหรือ” เขาอดถามไม่ได้

เมื่อครู่คุนจิ่วหลินเพียงแค่เผยไอสังหารวูบหนึ่งเท่านั้น ก็ชักนำประกายไฟฟ้าสีเทาสายหนึ่งออกมาแล้ว นี่ชวนให้ผู้คนตกใจเกินไปแล้ว

อาหูส่ายหน้า “ไม่ได้ขนาดนั้น โบราณสถานคุนหลุนแห่งนี้ย่อมมีกฎระเบียบฟ้าดินของตนเอง รอหลังจากพวกเราปรับสภาพกับกฎระเบียบของที่นี่ได้แล้ว ก็จะสามารถแยกแยะและสอดส่องอันตรายจำนวนหนึ่งที่ซุกซ่อนในฟ้าดินแห่งนี้ได้แล้ว”

หลินสวินพยักหน้า

หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป เสียงวู้มดังขึ้นคราหนึ่ง ปิ่นสีเงินที่นำทางอยู่เบื้องหน้าสั่นเบาๆ ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งโดยพลัน

ที่นั่นเป็นป่าแถบหนึ่ง กว้างขวางหาใดเปรียบ กิ่งใบสูงเสียดฟ้า ปกฟ้าคลุมตะวัน

เห็นได้ชัดว่าอาหูเตรียมพร้อมมาแต่เนิ่นๆ นางพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ปรากฏกิ่งไม้สีดำสนิทกิ่งหนึ่งขึ้นมา จากนั้นกล่าวว่า

“นี่เป็นกิ่งที่ผลัดร่วงมาจากต้นท้อแบนเมื่อนานมาแล้ว มีมันอยู่ ยามที่เข้าสู่ป่าแห่งนี้ ก็สามารถทำให้พวกเราสัมผัสถึงตำแหน่งที่ตั้งของท้อแบนต้นหลักได้!”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์