แสงสีแพรวพราวเป็นสายๆ โรยร่วงลงมา อาบชโลมเงาร่างของอาหูไว้ภายใน เจือประกายพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด
เขาเงยหน้าขวับ จ้องมองอย่างละเอียด ไม่นานก็ชี้ที่มาของแสงสายนี้ได้
นั่นคือท้อแบนเขียวขาวราวหยกผลหนึ่ง ขนาดเท่ากำปั้น หลบเร้นแต่ขับเน้นซึ่งกับและกันอยู่ท่ามกลางกิ่งใบ ผิวที่โปร่งใสแวววาวรินประกายศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นเป็นสายๆ ลงมา
เมื่อมองดูอาหูอีกที นางหลับตาสนิท ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายไหววูบ ดุจดั่งภิกษุเฒ่าเข้าฌาน สภาพเดียวกับพวกชายชุดฟ้าที่สะพายกระบี่โบราณไม่มีผิด
หลินสวินมุ่นคิ้ว ทอดสายตามองดูอาหู แล้วมองศิลาไม้เขียวแผ่นนั้นที่อยู่อีกด้าน
ชีวิตเลื่อนลอยราวฝันมายา ชะตามนุษย์กี่วสันตสารท!
เขากล้าฟันธง หากตนก็ท่องประโยคนี้ออกมาเหมือนกับอาหู จะต้องเกิดเหตุประหลาดเช่นนี้ขึ้นแน่นอน
เพียงแต่เหตุประหลาดนี่ดีหรือไม่ดีกันแน่
สายตาหลินสวินมองไปยังส่วนล่างของต้นไม้วิเศษต้นนั้น ใต้แสงหมอกขมุกขมัวที่ปิดครอบ เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกขาวเกลื่อนกล่น!
ตอนยังมีชีวิตซากโครงกระดูกเหล่านี้ก็ผ่านเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้เหมือนกันใช่หรือไม่
หืม?
ทันใดนั้นหลินสวินเห็นว่าร่างที่ยืนอยู่ไม่ไกลร่างหนึ่ง จู่ๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะลั่นคล้ายชอบใจออกมา
เขาหน้าตาเหมือนเด็กหนุ่ม ผมขาวชุดผ้าป่าน ผมมัดเป็นมวยเช่นนักพรต แม้แต่ตอนที่หัวเราะลั่นก็ยังหลับตาสนิท เสียงหัวเราะราวกับเปล่งออกมาจากคนโง่งมที่นอนละเมอ
ตูม!
ครู่ต่อมาชายชุดผ้าป่านคนนี้ร่างกายล้วนลุกโชน แต่เขากลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ยินดี มีแต่รอยยิ้มน้อยๆ คล้ายมองทะลุสรรพสิ่ง
“สหายยุทธ์!”
หลินสวินตะโกนเสียงดัง เขามองออกแล้ว คนผู้นี้ส่อแววธาตุไฟเข้าแทรก มรรควิถีทั่วร่างจวนจะมอดไหม้หมดสิ้น
แต่ชายชุดผ้าป่านกลับไม่รู้ตัวสักนิด
เลือดเนื้อทั่วกายเขาต่างเริ่มสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทีละนิด!
ภาพพิสดารที่น่าสะพรึงนี้ทำเอาหลินสวินยังอดขนลุกซู่ในใจไม่ได้ ลงมือโดยไม่ลังเล หมายจะเข้าไปเรียกสติ
เพียงแต่ฝ่ามือที่เขาตบออกไป ไม่รอให้เฉียดใกล้ก็ถูกพลังไร้รูปสายหนึ่งที่แผ่มาจากใกล้ๆ ต้นท้อแบนสลายไป
ท้ายที่สุดภายใต้สายตาตื่นตระหนกที่จับจ้องของหลินสวิน ชายชุดผ้าป่านผมขาวก็กลายเป็นซากกระดูก ล้มลงกับพื้น!
ตายไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ อย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้!
หลินสวินสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง เขามองไปบนต้นท้อแบน ที่ตรงนั้นมีท้อแบนสดอ่อนแวววาว สีแดงชาดราวแสงสายัณห์อยู่ผลหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นสายๆ ที่หลั่งรดบนร่างชายผมขาวชุดผ้าป่าน ก็มาจากท้อแบนผลนี้เช่นกัน!
“ในนี้ซ่อนอันตรายยิ่งยวดเอาไว้ หรือว่าจะมาจากท้อแบนต้นนั้นจริงๆ…”
หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึมหาใดเปรียบ
เขายังไม่เคยเห็นเรื่องพิสดารเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่ทำให้เขากังวลใจมากที่สุด คืออาหูในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกับชายผมขาวชุดผ้าป่านก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน
หลินสวินซักถามเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวอิ๋นก็ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่รู้
หลินสวินไปถามกับเจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวเทียน เจ้านกดำอีก… พวกเขาก็ไม่สามารถบอกเหตุผลได้เช่นกัน
แหล่งสถานคุนหลุนเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ซุกซ่อนความลับไม่รู้เท่าไหร่ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนไม่เคยมีใครสอดส่องความลับทั้งหมดได้
นับประสาอะไรกับพวกเจ้าคางคก
เดิมทีหลินสวินยังคิดจะไปถามอู้เชวีย วิญญาณอาวุธที่เก็บตัวฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสารอีกสักหน่อย แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
พูดให้ถูกคือ… ต้นไม้ต้นหนึ่ง
สวบ!
ครู่ต่อมาต้นบรรพชนหลอมจิตที่เคยติดสอยห้อยตามอยู่ข้างมหาจักรพรรดิแยกฟ้า ท่องไปทั่ววัฏจักรว่างเปล่าด้วยกัน ก็กลายเป็นประกายแสงเขียวสายหนึ่ง ถูกหลินสวินปล่อยออกมา
“ต้นท้อแบน!”
ทันทีที่มันปรากฏตัวก็ร้องเสียงแหลมอย่างตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ ที่นี่ต้องเป็นแหล่งสถานคุนหลุนแน่ มีแต่แหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้นถึงจะให้กำเนิดของแปลกล้ำแห่งฟ้าดินระดับนี้ได้!”
แววตาหลินสวินเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าต้นไม้เฒ่านี่รู้อะไรบางอย่าง!
ลองคิดๆ ดูก็ถูก เจ้านี่เป็นต้นบรรพชนหลอมจิต สามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ไม้เทพ’ เหมือนกับต้นท้อแบนได้ นับว่าเป็นจำพวกเดียวกัน
“เช่นนั้นเจ้ามองอันตรายของที่นี่ออกหรือไม่”
หลินสวินถาม
ต้นบรรพชนหลอมจิตสงบอารมณ์ลงจากอาการบ้าคลั่งแล้ว มันมองสำรวจต้นท้อแบน แล้วมองดูอาหูกับหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่อยู่ไกลๆ
“ข้าเคยได้ยินมหาจักรพรรดิแยกฟ้าบอกว่า ท้อแบนถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าผลมรรคห้วงฝัน คิดจะกลืนกินผลไม้นี้ จะต้องผ่านการเคี่ยวกรำในความฝัน หากความแข็งแกร่งไม่มากพอ จะกลายเป็นทำร้ายตนเองระหว่างการเคี่ยวกรำเอาได้”
“บางคนจมสู่ห้วงฝัน คิดเอาเองว่ารู้แจ้งนัยเร้นลับมหามรรคแล้ว ทำให้จิตมรรคลุ่มหลง สุดท้ายตายเพราะธาตุไฟเข้าแทรก”
“หากข้าเดาไม่ผิด โครงกระดูกที่อยู่ใต้ต้นท้อแบนนั่น เกรงว่าล้วนจมสู่การเคี่ยวกรำในห้วงฝันจนไม่สามารถถอนตัว ตายเพราะประสบเคราะห์ทั้งสิ้น!”
ประโยคนี้ของต้นบรรพชนหลอมจิตทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัด เริ่มเชื่อบ้างแล้วเจ็ดแปดส่วน
เพราะเมื่อครู่เขาเห็นเองกับตาว่าชายผมขาวชุดผ้าป่านคนนั้นประสบเคราะห์อย่างไร!
“กล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าอาหูก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วหรือ”
ในใจหลินสวินบีบรัด
“ไม่ นั่นต้องขึ้นอยู่กับโชคของนางแล้ว หากสามารถผ่านการเคี่ยวกรำในห้วงฝันมาได้ จะสามารถช่วงชิงศุภโชคสูงสุดได้เลยทีเดียว”
ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าว
หลินสวินขมวดคิ้วเอ่ยว่า “แต่สุดท้ายก็ยังอันตรายเกินไปอยู่ดี หมายจะช่วงชิงศุภโชค ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”
“นี่ข้าก็ไม่รู้แล้ว”
ต้นบรรพชนหลอมจิตส่ายหน้า
หลินสวินผิดหวังเล็กน้อย เก็บต้นบรรพชนหลอมจิตลงไปอีกครั้ง
ก่อนไปต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้ยังไม่วายบ่นพึมพำเหมือนท่องจำจนขึ้นใจ “สหายน้อย อย่าลืมดินอัศจรรย์ห้าสีเด็ดขาดเชียว ของนี่ล้ำค่ายิ่งกว่าท้อแบนเสียอีก…”
ดินอัศจรรย์ห้าสี!
ในใจหลินสวินสะท้าน จิตรับรู้แผ่กว้าง กวาดมองจากเบื้องสูงและสังเกตเห็นทันที ว่าที่ราบกว้างแถบนี้มีสีสันแพรวพราว เต็มไปด้วยเงาแสงห้าชนิดได้แก่ เขียว ทอง ดำ ชาด และขาว
ใต้ดินนี่ คงไม่ใช่ซ่อนแฝงดินอัศจรรย์ห้าสีอยู่กระมัง
เพิ่งคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สังเกตเห็นโดยพลัน ว่าสีหน้าอาหูฉายแววดิ้นรนขัดขืน คล้ายกำลังต่อต้านพลังที่น่ากลัวสุดขีดบางอย่างอยู่ พยายามจะตื่นขึ้นมา
แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็ล้วนไม่เป็นผล
ตรงข้ามระหว่างการต่อต้านขัดขืนนี้ สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างนางต่างเริ่มปั่นป่วน ส่อแววจะลุกไหม้อยู่รำไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์