เสียงเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ
หลินสวินร้องอ้อคำหยนึ่งแล้วโยนท้อแบนในมือขึ้นไปกลางอากาศ
ฉึบ!
ชายหนุ่มชุดฟ้าเคลื่อนตัวกลางอากาศ มือข้างหนึ่งคว้าไปที่ท้อแบน เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
เพียงแต่ที่เร็วกว่าเขาคือดาบหักขาวเปล่งปลั่งดั่งหิมะ พุ่งมาถึงกะทันหัน
หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า!
มิหนำซ้ำหลินสวินยังไม่ออมมือ
เพราะอาหูยังนั่งสมาธิฝึกปราณอยู่ ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หลินสวินไม่กล้าให้มีอะไรรบกวนสักนิด
ชิ้ง!
เสียงกระแทกเลื่อนลั่นจนหูแทบดับดังขึ้น ชายหนุ่มชุดฟ้าใช้กระบี่เข้าต้าน และต้านกระบวนเฉือนนี้ไว้ได้ เพียงแต่เงาร่างเขาก็ถูกซัดกระเด็นซวนเซออกไป
เขาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย คล้ายคิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินจะถึงกับแข็งแกร่งปานนี้ เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขา เมื่อไรกันที่บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีมหามกุฎอริยะผู้ยอดเยี่ยมเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
ตูม!
ด้านหลินสวินไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด พุ่งกวาดออกมา ร่างกายส่องแสง องอาจดั่งทวยเทพ ไม่คิดจะให้โอกาสชายชุดฟ้าได้หลบหนี
พริบตาเดียวทั้งสองก็ประมือกันหลายสิบครั้ง กระบี่โบราณดังชิ้งๆ ดาบหักพวยพุ่ง เข้าประชันกันและกัน ทำให้ห้วงอากาศฉีกขาดยุบตัว
ฟุบ!
ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มชุดฟ้ากระอักเลือด แววประหลาดใจปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่”
เขาตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ด้วยพลังต่อสู้ของเขา ในหมู่มหามกุฎอริยะก็เรียกได้ว่าเป็นคนเพียงหยิบมือ สามารถผงาดผยองเหนือคนรุ่นเดียวกันทั้งปวง
แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บแล้ว!
หลินสวินไม่พูดสักคำ หนักแน่นดุร้ายดั่งพายุ ใช้พลังทั้งหมดเข้าสู้ ทั้งตัวดูจองหองและอหังการหาใดเทียบ ไอพิฆาตน่าตกตะลึง
ความจริงแล้วในใจเขาก็ตะลึงงันนัก
ควรรู้ว่าพลังปราณของเขาในตอนนี้พัฒนาขึ้นไปอีก ทั้งยังอาศัยพลังของดาบหัก ช่วยให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นราวหนึ่งในสิบส่วน
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ทันที แค่คิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นผู้แกร่งกล้าคนหนึ่งแน่!
“รนหาที่ตาย!”
ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ถูกกำราบโดยสิ้นเชิงสีหน้าอึมครึม เดือดดาลอย่างสมบูรณ์
เสียงวู้มดังขึ้น แส้อ่อนที่มีสายฟ้าสีม่วงพันพัว ยาวสามจั้งเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา ตวัดไปในห้วงอากาศอย่างรุนแรง
เผียะ!
ห้วงอากาศถูกฟาดกระจุยราวกระดาษเปื่อย สายฟ้าน่ากริ่งเกรงกระเซ็นกระสาย เกิดเสียงดังปึงครั้งหนึ่ง หวดดาบหักของหลินสวินกระเด็นออกไป
เห็นได้ชัดว่าแส้อ่อนสายฟ้าเส้นนี้ไม่อาจเทียบกับสมบัติอริยะทั่วไปได้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างน่าสะพรึงกลัว ดูเหมือนนุ่มนวล แต่ความจริงแล้วแข็งแกร่งร้อนแรง อหังการรุนแรงถึงที่สุด!
เผียะ! เผียะ! เผียะ!
ชายหนุ่มชุดฟ้าโจมตีถนัดมือ หวดแส้พิฆาตเข้าใส่ ชี้ฟ้าตีดินประหนึ่งระบายไฟโทสะออกมา ซัดเงาแส้นับหมื่นพันเงา แสงสีม่วงม้วนตลบออกมาประหนึ่งกระแสธารเชี่ยว
หลินสวินเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาโดยไม่ลังเล
วิ้ง…
ตัวเจดีย์ดั่งสร้างขึ้นจากกระจกทองเทพ มีแสงมรรคทองนิลกาฬสายแล้วสายเล่าไหลเวียนออกมา ปกคลุมฟ้าดิน กำราบสี่ทิศ
พร้อมๆ กับเสียงปะทะสะเทือนฟ้าดิน การโจมตีของชายหนุ่มชุดฟ้าถูกกำราบโดยสมบูรณ์ แส้สายฟ้าสีม่วงในมือเขาก็อัศจรรย์หาใดเทียบเช่นกัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็ไม่ร้ายกาจแล้ว
นี่ทำให้ชายหนุ่มชุดฟ้าหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง แส้อสนีหยินม่วงก็ไม่ไหวหรือ
เขายังออกจะทำใจเชื่อได้ยาก
ควรรู้ว่าแส้อสนีหยินม่วงเป็นถึงสมบัติลับที่สะท้านอดีตสั่นคลอดนปัจจุบันชิ้นหนึ่ง ทั้งยังเป็นไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดในมือเขาด้วย ด้วยสมบัตินี้เขาถึงขั้นกล้าไปงัดข้อกับราชันอริยะ!
แต่ตอนนี้กลับถูกเจดีย์หลังหนึ่งกำราบไว้อย่างแน่นหนา…
ไม่นานนักชายหนุ่มชุดฟ้าที่ถูกกำราบไว้อีกครั้งก็ยืนหยัดไม่ไหวในที่สุด กระอักเลือดอีกครั้ง เขาปลีกตัวถอยอย่างไม่ลังเล คิดจะหลบหนี
แต่ก็ในตอนนี้เองที่หลินสวินเข้าประชิดตัว ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตในฝ่ามือส่องแสง
ตูม!
ปราณกระบี่ที่วิวัฒน์เป็นกระบี่สามสิบสามชั้นถาโถมออกไปมืดฟ้ามัวดิน ท่วมตัวชายหนุ่มชุดฟ้าจนมิด
แต่ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ยังเหนือความคาดหมายของหลินสวิน ไม่ทันได้ถอนหายใจโล่งอก ก็เห็นว่าชายชุดฟ้าส่งเสียงคำรามครั้งหนึ่ง
มือกระดูกขาวแววววาวดั่งหยกมือหนึ่งควบรวมเหนือศีรษะของเขา นิ้วมือทั้งห้ามีคลื่นมหามรรคประหลาดประทับอยู่
จากนั้นมือกระดูกขาวนี้ก็ตบออกมา
โครม!
มหาสมุทรปราณกระบี่แน่นขนัดระเบิดออก แปรสภาพเป็นละอองแสงปลิวว่อน!
พลานุภาพน่ากลัวนั่นทำให้ดวงตาดำของหลินสวินหดรัด มือกระดูกที่เจือด้วยกลิ่นอายมรรคจักรพรรดินี้เต็มไปด้วยอานุภาพยอดเยี่ยม
ชายหนุ่มชุดฟ้าถือโอกาสนี้ปลีกตัวหนี เพียงแต่ร่างของเขาถูกปราณกระบี่แทงทะลวง มีบาดแผลเป็นรูพรุน เลือดหลั่งรินชวนหดหู่หาใดเทียบ
เขาส่งเสียงคำรามโหยหวน สภาพเหมือนเทพผี ดุร้ายน่ากลัว “ข้าจะให้เจ้าตาย!”
ฝึกปราณจนตอนนี้ เขายังไม่เคยบาดเจ็บหนักเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังไม่เคยถูกคนอื่นเล่นงานถึงขั้นนี้ด้วย นี่ทำให้เขาเดือดดาลโดยสมบูรณ์
ตูม!
มือกระดูกขาวมือนั้นเคลื่อนขึ้นมา มันเปล่งประกายเจิดจ้า อบอวลด้วยแสงมรรคคลุมเครือ เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำให้หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัว จิตวิญญาณกดดัน
ทว่าพอแสงมรรคทองนิลกาฬกวาดออกไปจากเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด กลิ่นอายที่กดดันน่ากลัวนั้นก็ถูกชะล้างหายไปจนหมดสิ้น
“ทะยาน!”
หลินสวินตะคอกดังลั่น ไอสังหารในดวงตายิ่งเข้มข้น
ท่วงทำนองเทพอันเก่าแก่ไพศาลของเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดส่งเสียงดังฮูมกลางห้วงอากาศ สำแดงอานุภาพยิ่งใหญ่กำราบนิรันดร์กาล
ต่อหน้าอานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้ มือกระดูกขาวข้างนั้นถูกผนึกอย่างจัง ไม่อาจดิ้นรน แม้แต่กลิ่นอายมรรคจักรพรรดิที่ประทับอยู่บนกระดูกนิ้วมือยังถูกกำราบไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์