เมื่อมองไปที่ภาพหมื่นวิญญาณเซ่นไหว้บนกำแพง ในหัวหลินสวินก็ปรากฏเรื่องในอดีตบางส่วนเมื่อปีนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ปีนั้นยามเทศกาลโคมกถามรรคที่แดนฐิติประจิมปิดฉาก เคยมีโอสถราชันกายสิทธิ์ต้นหนึ่งปรากฏ อุปนิสัยเหมือนอันธพาลเฒ่า
แต่ก็เป็นโอสถราชันกายสิทธิ์ต้นนี้ที่ทำให้หลินสวินได้รู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับ ‘ระฆังมหามรรคไร้กฎ’
‘เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก็หมายถึงพลังของสรรพชีวิตรวมตัวกัน สามารถเปลี่ยนแปลงจักรวาลโดยง่าย ทำให้ผีเทพถอยหนี ลี้ลับถึงที่สุด หากผู้ใดได้ครอบครอง ผู้นั้นก็เท่ากับถือครองพลังแห่งสรรพชีวิต!’
มันยังเคยพูดว่า ‘ระฆังมหามรรคไร้กฎนั่นเป็นตัวแทนของพลังแห่งสรรพชีวิตทั้งมวล ตอนนั้นที่เหล่าอริยะหลอมขึ้นสำเร็จ ก็เพราะสมบัตินี้ละเมิดข้อห้าม ได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์อย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าจะได้มา ก็ไม่อาจใช้ได้ในเวลาอันสั้น’
‘แต่ถ้าอยากใช้สมบัตินี้ ก็ต้องมีพลังแห่งสรรพชีวิต!’
‘พลังแห่งสรรพชีวิต เกี่ยวข้องกับแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต มีเพียงผู้เก่งกาจที่สักการะอริยมรรคสำเร็จถึงสามารถไปรวบรวมได้’
ตอนนั้นหลินสวินจำได้ชัดเจน ตามตำนานอริยบุคคลดึกดำบรรพ์เผยแพร่มรรคแก่ใต้หล้า สั่งสอนกล่อมเกลาสรรพชีวิต ย่อมได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสรรพชีวิตโดยไม่อาจกำหนดได้ และรวมตัวเป็นพลังลี้ลับอย่างหนึ่ง…
แรงปรารถนา!
เหมือนดั่งรูปปั้นทวยเทพในอาราม ได้รับการบูชากราบไหว้จากปุถุชนมานานปี ย่อมมีกลิ่นอายน่าเกรงขามน่าหวาดกลัวเป็นธรรมดา
กลิ่นอายเหล่านั้นก็คือแรงปรารถนาอันผิวเผินอย่างหนึ่ง
ทว่าแรงปรารถนาสำหรับผู้ฝึกปราณนั้นกลับต่างออกไป เป็นตัวแทนแห่งภาพที่วาดหวังในวิถีบำเพ็ญเพียรอันยิ่งใหญ่ อริยบุคคลที่แท้จริงทุกคนล้วนตั้งปณิธานมหามรรคอันเกริกไกรของตนเอง
เพื่อสิ่งนี้ อริยะบางคนเลือกเข้าสู่สังคม สั่งสอนสรรพชีวิต ส่งเสริมปณิธานอันยิ่งใหญ่ของตน ได้รับศรัทธาและการยอมรับจากสรรพชีวิต ก็จะได้รับแรงปรารถนาของสรรพชีวิตอย่างไม่ขาดสาย
เช่นเดียวกัน อริยะบางคนเลือกออกจากสังคม ใช้ภาพที่วาดหวังของตนพิสูจน์กับหมื่นมรรคทั่วหล้า ยามแผ้ววิถีบำเพ็ญเพียรใหม่หรือบุกเบิกวิชามรรคใหม่ก็จะได้รับแรงปรารถนาเช่นกัน
แรงปรารถนาเช่นนี้ยังถูกเรียกว่า ‘แรงปรารถนามหามรรค’
ไม่ว่าจะเข้าสู่สังคมหรือปลีกตัวออกจากสังคม หากหมายแปรเปลี่ยนจาก ‘อริยะ’ เป็น ‘อริยบุคคล’ ก็ย่อมสัมพันธ์กับแรงปรารถนาอย่างแยกไม่ออก
หลินสวินยังจำได้ ตอนนั้นในป่าต้นหม่อนที่สมรภูมิกระหายเลือด จักจั่นทองลึกลับตัวนั้นก็เคยตั้งปณิธานหนึ่งที่สามารถสะเทือนใต้หล้า เกริกก้องไปชั่วกัปกัลป์…
ฝันว่าสักวันหนึ่ง สรรพชีวิตในใต้หล้าล้วนสามารถกลายเป็นอริยะ!
นี่เป็นปณิธานมหามรรคอย่างหนึ่งเช่นกัน
นึกถึงตรงนี้หลินสวินก็นึกถึงตอนที่ลู่เสวียนจีเผชิญหน้ากับกำแพงหิน และทดลองดำเนินการไปหลายครั้งเมื่อครู่นี้ขึ้นมาอีกคราอย่างอดไม่อยู่
ลู่เสวียนจีเชื่อว่าในภาพหมื่นวิญญาณเซ่นไหว้นี้ซ่อนพลังแห่งสรรพชีวิตไว้ ขอแค่ครอบครองมันได้ก็จะสักการะอริยมรรคสำเร็จ กลายเป็นอริยบุคคลที่แท้จริง ไม่ใช่แค่อริยะ
อริยบุคคลและอริยะ ขาดเพียงหนึ่งอักษร แต่แตกต่างกันสุดขั้ว
มีเพียงคนที่สักการะในระดับมหาอริยะสำเร็จจึงจะเรียกได้ว่าเป็น ‘อริยบุคคล’ สามารถครอบครองพลังแห่งสรรพชีวิต ในภายหน้าก็จะกลายเป็นราชันอริยะบนมกุฎมรรคาได้!
ด้วยเหตุนี้ลู่เสวียนจีจึงลองหยั่งเชิงดูหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังล้มเหลว
นึกถึงเรื่องในอดีตบางส่วนในปีนั้น เปรียบเทียบกับคำพูดของลู่เสวียนจีอีกครั้งตอนนี้แล้ว หลินสวินสัมผัสได้ยิ่งกว่าเดิมว่าระฆังมรรคใบนั้นที่อยู่ในภาพหมื่นวิญญาณเซ่นไหว้นี้ มีโอกาสสูงที่จะเป็นระฆังมหามรรคไร้กฎ!
‘สักการะอริยมรรคจึงกลายเป็นอริยบุคคล คำว่าบุคคลคำเดียวนี้ ก็แบ่งแยกจากอริยะคนอื่นได้ทั่วหล้า’
‘ดังคำกล่าวที่ว่า ‘พบผู้ประเสริฐจงถือเอาเป็นแบบอย่าง’ สิ่งนี้หมายถึงระดับของขอบเขตการฝึกปราณ และเป็นพลังที่เหนือกว่าอริยะอย่างหนึ่ง’
หลินสวินตกอยู่ในห้วงคิด เขาฝึกปราณถึงขั้นสมบูรณ์ในระดับมหาอริยะขั้นกลางแล้ว ย่อมรู้ชัดถึงความแตกต่างของอริยะและอริยบุคคลเป็นธรรมดา
ด้วยมีเพียงอริยบุคคลที่กลายเป็นราชันอริยะบนมกุฎมรรคาได้!
สำหรับอริยะ บางทีอาจได้เลื่อนขั้นเป็นระดับราชันอริยะ แต่ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับมกุฎมรรคา!
เดิมทีตามแผนการของหลินสวิน เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับมหาอริยะขั้นสมบูรณ์ เขาจึงจะพิจารณาเรื่องอุทิศตนเป็นอริยบุคคล
แต่ตอนนี้เบื้องหน้าก็มีโอกาสเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว!
ในที่สุดหลินสวินก็สูดหายใจลึก ตัดสินใจลองดู
ฮูม…
เขาแผ่จิตรับรู้เข้าไปในภาพหมื่นวิญญาณเซ่นไหว้ที่อยู่บนกำแพงนั่น กายใจเขาพลันสั่นสะท้านทันที ในหัวเหมือนมีเสียงระฆังเก่าแก่ทรงพลังดังขึ้น
ในความรางเลือนเหมือนเห็นระฆังมรรคใบหนึ่งผลุบโผล่อยู่ในกาลเวลามาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน มันยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด สีเขียวสำริดทั่วทั้งใบ ปกคลุมด้วยลายมรรคเก่าแก่แน่นขนัด
เมื่อมันสั่นคลอน เสียงระฆังจะดังก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน พิบัติสวรรค์ หายนะ สิ่งชั่วร้าย ความลำเค็ญที่อัดแน่นบนโลกล้วนสลายหายไปท่ามกลางเสียงระฆัง
สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่ประสบหายนะล้วนซาบซึ้งใจ หมอบคลานลงกับพื้น ก้มกราบด้วยความเลื่อมใสศรัทธา…
แรงปรารถนาของสรรพชีวิตมากมายก่อเกิด ราวกับควันแห่งความเลื่อมใสศรัทธา และถูกระฆังมรรคใบนั้นดูดกลืนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ตูม!
ไม่นานภาพพวกนี้ก็สลายหายไป เหลือเพียงระฆังมรรคใบหนึ่งที่ผลุบโผล่อยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา เสียงเก่าแก่เรียบง่ายดังขึ้น
เสียงระฆังหมายถึงสรรพชีวิต เมื่อเสียงระฆังกังวาน ก็หมายความว่าพลังที่เกิดจากเจตจำนงของสรรพชีวิตสามารถพลิกฟ้าดิน กำจัดภัยพิบัติได้!
พร้อมกันนี้ในใจหลินสวินก็เกิดการหยั่งรู้มากมาย
อริยะ สื่อถึงระดับของการฝึกปราณอย่างหนึ่ง
ผู้ที่อาศัยพลังแห่งตนสั่งสอนสรรพชีวิต ได้รับการยอมรับและความเลื่อมใสศรัทธาจากสรรพชีวิต ย่อมได้ครอบครองพลังแห่งสรรพชีวิต เช่นนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นอริยบุคคล!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์