ในฟ้าดินมืดมนที่ห่างไกล ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินเคียงกันมา
เงาร่างฝ่ายชายสูงตระหง่าน ยามก้าวเดินผมดำพลิ้วไหว ท่วงท่ายามเคลื่อนไหวมีกลิ่นอายโดดเด่นละโลกีย์ นัยน์ตาดำล้ำลึกดุจหุบเหว
นัยน์ตาคู่งามของหญิงสาววาวระยับ ผิวพรรณพิสุทธิ์ผุดผ่อง งดงามดั่งเซียน แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนปานล่มเมืองแต่กำเนิด รูปโฉมโดดเด่นไม่เหมือนใคร
เป็นหลินสวินและอาหูนั่นเอง
เมื่อเห็นทั้งสองคน ร่างกายของเมิ่งอี้ก็แข็งทื่อ สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ทั้งตัวยากจะนิ่งสงบได้อีก กล่าวร้องเสียงหลง “เจ้า… พวกเจ้า… ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
น้ำเสียงเจือความยากจะเชื่อ ราวกับเห็นผี!
ผู้ฝึกปราณคนอื่นในที่นั้นก็ล้วนประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าพวกเขาประสบเคราะห์ไปแล้วหรือ ทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมาเป็นๆ ได้เล่า
หรือว่าเมิ่งอี้จะพูดโกหก
คิ้วของเหวินฉิงเสวี่ยพลันเลิกขึ้น ดวงตากระจ่างใสเกิดคลื่นสะเทือน เรื่องที่นางกังวลในตอนต้น ท้ายที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว
แต่นางกลับไม่อาจจินตนาการ ว่าพวกหลินสวินหนีออกจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้อย่างไรกันแน่ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เมิ่งอี้ เจ้าตุ๋นข้าซะเปื่อยเลย!”
ถังซูตะโกนโหวกเหวก ดูเกรี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อเห็นหลินสวินนางก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ตายก็ดี ข้ายังไม่ได้สู้กับเจ้าให้สะใจเลย ถ้าตายไปคงน่าเสียดายแย่”
‘ไอ้ระยำเมิ่งอี้นี่ถึงกับกล้าหลอกพวกเรา…’
พวกซาหลิวชิงและคูตู้ที่ซ่อนอยู่พากันโกรธแค้น หลายวันมานี้พวกเขาอัดอั้นตันใจไปไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข่าวลือที่เมิ่งอี้แพร่ออกมา!
นี่ทำให้ทั้งสองคนต่างขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมแล้ว
‘รอเมื่อฆ่าหลินสวินแล้ว ค่อยคิดบัญชีกับเจ้าเมิ่งอี้นี่’
ซาหลิวชิงลอบกัดฟันกรอด
‘ย่อมเป็นเช่นนั้น!’
คูตู้กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
‘เจ้าหมอนั่นก็คือหลินสวินหรือ’
ขณะเดียวกันซวีหลิงคุนที่ยืนห่างออกไปก็สังเกตเห็นหลินสวินแล้ว นัยน์ตาที่เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวันส่องประกายวาววามต่อเนื่อง
เดิมทีเขายังเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้แก้แค้นให้คุนจิ่วหลินด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบันความเสียดายนี้ได้หายไปแล้ว!
‘น่าสนใจ’
ฮว่าซิงหลียิ้มแล้ว บนใบหน้างามที่ซีดเผือดเหมือนป่วยไข้เผยความรู้สึกสนใจวูบหนึ่ง
เขาเชื่อว่าเมิ่งอี้ไม่ได้พูดโกหก
แต่หลินสวินกลับหนีรอดจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ นี่ช่างทำให้ผู้คนอยากรู้นักว่าเขา… ทำได้อย่างไรกันแน่
ในที่นั้นพลันแตกตื่นทันที บรรยากาศก็เปลี่ยนไปแล้ว
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะหลินสวินที่เดิมพวกเขาเชื่อว่าตายไปนานแล้ว รอดชีวิตมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขากะทันหัน!
“พี่เมิ่ง อย่ามัวแต่เหม่อ รีบฆ่าตัวตายให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาเร็วเข้า”
อาหูแย้มยิ้มพิมพ์ใจ เสียงดังก้องสะท้อนไปทั่ว
เมิ่งอี้สีหน้าปรวนแปร เขาสูดหายใจลึกกล่าว “พวกเจ้ารอดชีวิตจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดจริงๆ…”
ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “อย่าพูดมาก ฆ่าตัวตายสิ!”
ทุกคนในที่นั้นสีหน้าพิกล คนไม่น้อยต่างกำลังดูเรื่องสนุก
เมิ่งอี้เป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่านักรบฉงฉี สุภาพหล่อเหลา รากฐานพลังลึกล้ำยากหยั่งถึง แต่ตอนนี้กลับถูกบีบให้จำนนอย่างเห็นได้ชัด
เขาสีหน้าอึมครึม กล่าวเย็นชา “พี่หลิน แค่พูดเล่นประโยคเดียวเจ้ายังจริงจังไปได้ ไม่คิดว่าตัวเองโง่ไปหน่อยหรือ”
หลินสวินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา ก้าวเดินพลางยิ้มไปด้วย “ล้อเล่นรึ ข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อน ตลอดทางช่วยเจ้าเมิ่งอี้ไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่เจ้ากลับวางกับดักใส่ข้า ตอนนี้เจ้ายังมาบอกว่าพูดเล่น ไม่คิดว่าตัวเองต่ำตมเกินไปหน่อยหรือ”
ทุกคนต่างหันมองอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าหลินสวินประสบเคราะห์ที่ยอดเขากักเทพสวรรค์ ด้วยถูกเมิ่งอี้วางกับดักใส่อย่างอกตัญญู!
เมิ่งอี้หน้าเขียว ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกเหวินฉิงเสวี่ยห้ามไว้
นัยน์ตากระจ่างของนางมองไปทางหลินสวินแล้วกล่าว “ไม่ต้องพูดถึงบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้ สถานการณ์ตอนนี้เจ้าหลินสวินก็รู้แน่ชัด หากลงมือไปคงไม่เกิดประโยชน์กับทุกคน ไม่สู้รอให้การแก่งแย่งบนแท่นสักการะสิ้นสุด ค่อยจัดการบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราเป็นอย่างไร”
หลินสวินเผยแววเหน็บแนม “เจ้านับเป็นตัวอะไร”
ในที่นั้นพลันแตกตื่น
เหวินฉิงเสวี่ย หญิงงามอันดับสามของกระดานยอดฟ้าดารา ได้รับความนิยมจากบุคคลแห่งยุคไม่รู้เท่าไร เดินไปที่ไหนล้วนเป็นจุดสนใจของทุกสายตา ณ ที่นั้น
ใครจะกล้าไม่เคารพ
“บังอาจ!”
“พูดจาจาบจ้วง หลินสวินเจ้ารนหาที่ตายหรือ”
ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรพวกนั้นเป็นพวกแรกที่อดรนทนไม่ไหว กล่าวเดือดดาลต่อว่าหลินสวิน
แม้แต่เหวินฉิงเสวี่ยก็อดตะลึงไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคำพูดของหลินสวินจะหยาบคายและไร้มารยาทเช่นนี้ นี่ทำให้นัยน์ตาของนางฉายแววเยียบเย็น
บรรยากาศในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เผ่านักรบเถาอู้ เผ่านักรบกิเลนโลหิต เรือนมรรคจักรวาลต่างแววตาวาววาบ กระเหี้ยนกระหือรือ
บนยอดเขาพญามังกร หลินสวินฆ่าสังหารทั่วทิศ ทำให้ผู้สืบทอดในขุมอำนาจใหญ่ของพวกเขาล้มตายกันเป็นเบือ เกือบพังพินาศทั้งกองทัพ
ยามนี้เมื่อศัตรูพบหน้ากัน ก็ย่อมทวีความโกรธแค้นรุนแรงเป็นธรรมดา
หากผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรเปิดศึกกับหลินสวิน พวกเขาจะฉวยโอกาสลงมือช่วยโดยไม่สนใจอะไรแน่!
“หลินสวิน เจ้าบ้าระห่ำเกินไปแล้ว แค่รอดชีวิตจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว แต่เจ้ายังมาที่เขาคุนหลุนอย่างไม่รู้ดีชั่วซะอย่างนั้น ไม่กลัวว่าจะประสบเคราะห์หรือ”
เมิ่งอี้แววตาวาววาบ กล่าวเย็นชา
แน่นอนว่าเขาก็รู้ดี ว่าที่นี่มีผู้สืบทอดของขุมอำนาจไม่น้อยที่มองหลินสวินเป็นศัตรู!
หลินสวินไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขามุ่งหน้าต่อไป สีหน้าราบเรียบกล่าวว่า “ดูท่าว่าเจ้าไม่คิดจะฆ่าตัวตายแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ตูม!
เขาลงมือโดยไม่ลังเล ฝ่ามือฟันผ่านอากาศลงมาดั่งกระบี่
ปราณกระบี่เทียมฟ้าที่ใหญ่โตหาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งออกมา เจิดจรัสไพศาล มีสุริยันจันทราดาราเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน สำแดงอานุภาพที่ดุดันน่าหวาดกลัวออกมา
“รนหาที่ตาย!”
“เจ้ากล้า…”
“เจ้ามารผจญนี่บ้าระห่ำยิ่งนัก!”
ในที่นั้นพลันมีเสียงบันดาลโทสะดังขึ้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์