แต่ยามนี้เมิ่งอี้กำลังประกาศผลงานของตน สีหน้าไม่สะทกสะท้าน ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ทุกท่าน เจ้าชั่วหลินสวินนี่ตายแล้ว ข้าคนแซ่เมิ่งไม่กล้าอ้างความดีความชอบ แต่ข้าคิดว่าทุกท่านต้องยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตัดคู่แข่งเช่นนี้ไปได้”
คำพูดเดียวกระตุ้นจนซาหลิวชิงและคูตู้หน้าดำทะมึน ล้วนมีความรู้สึกว่าอยากจะฆ่าเมิ่งอี้แล้ว
…
ขณะเดียวกันในจุดที่อยู่ห่างเขาคุนหลุนไปหลายพันลี้ หลินสวินและอาหูก้าวเดินอยู่กลางฟ้าดินที่มืดสลัวไร้ขอบเขต
หลินสวินกำลังตรวจสอบและหยั่งรู้ ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’
อาหูกำลังสังเกตทัศนียภาพระหว่างทาง
ความเร็วในการมุ่งหน้าของทั้งสองคนไม่ช้าไม่เร็ว เหมือนเดินเล่นในสวนบ้าน ดูสุขุมและอิสระอย่างบอกไม่ถูก
“หืม?”
ทันใดนั้นอาหูสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายทั่วร่างหลินสวินกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบเชียบ ราวกับลมวสันต์ห้อมล้อมกาย เจือกลิ่นอายอัศจรรย์ที่ดูอบอุ่นและสะอาดบริสุทธิ์
พอมองสีหน้าหลินสวินอีกครั้ง เขาดูเหมือนกำลังก้าวไปข้างหน้า แต่แววตากลับลุ่มลึกแผ่แสงลึกลับ ราวกับดื่มด่ำอยู่ในฟ้าดินหมื่นลักษณ์ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
นี่เขากำลังแจ้งมรรคหรือ
อาหูสูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่ได้
ยิ่งได้ใกล้ชิดหลินสวิน นางก็ยิ่งพบว่าบนการเสาะหามรรควิถี พรสวรรค์และรากฐานของหลินสวินยอดเยี่ยมชวนตะลึงระดับใด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหลินสวินไม่เคยเกียจคร้านมาก่อน ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครรู้ เขาจะขยันบากบั่นอยู่เสมอ!
มีรากฐานพลังไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือมีพลังทั้งยังขยันกว่าคนอื่น ว่าไปแล้วนี่ก็คือคนอย่างหลินสวินกระมัง
ในใจอาหูอดทอดถอนใจไม่ได้ ชะลอฝีเท้าลง
การแจ้งมรรคนั้นหาได้ยากยิ่ง นางไม่อยากทำลายจุดเปลี่ยนการฝึกปราณที่หาได้ยากนี้ของหลินสวินด้วยการเร่งเดินทาง
…
จิตใจของหลินสวินยามนี้เหมือนว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ดื่มด่ำอยู่ในแก่นอัศจรรย์นานัปการที่คัมภีร์มหามรรคหวงถิงอธิบาย
นี่คือการสะท้อนถึงมรรควิถีทั้งร่างของศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผู ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งซึ่งมีพลังต่อสู้ที่สามารถกำราบผู้นำของเจ็ดจักรพรรดิอสูรมารดึกดำบรรพ์ได้!
มรดกเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิ’
ตอนนี้ที่อวัยวะตันห้าในร่างของหลินสวิน ทยอยมีแสงมรรคเจิดจ้า เขียว แดง เหลือง ขาว ดำ ห้าสีปรากฏออกมา
อวัยวะตันห้าถูกมองเป็น ‘จิตอวัยวะตันห้า’
บูรพาไม้เจี่ยอี่อยู่ที่ตับ สีเขียวเป็นหลัก ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ปราณตับพลุ่งพล่านล้างจุดแข็ง เรียงผ่านหกช่องทางสร้างแสงสาม ปราณห้าสีพากันเฟื่องชอุ่ม หลับตามองเข้าไปย่อมได้เห็น’
ในคัมภีร์หวงถิง นี่คือวิชาฝึก ‘จุดจิตแห่งตับ’
ทักษิณไฟปิ่งติงอยู่ที่ใจ สีแดงเป็นหลัก ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ใจเป็นใหญ่คุมห้าราชัน ขับเคลื่อนความคิดตามคุณธรรม สุริยันส่องม่านสายัณห์ที่ปิดซ่อน ทะลวงผ่านปรับสมดุลให้หยินหยาง’
นี่คือวิชาฝึกจุดจิตแห่งใจ
ใจกลางดินอู้จี่อยู่ที่ม้าม สีเหลืองเป็นหลัก ม้ามอยู่เรือนกลาง เก็บจิตวิญญาณของม้าม ใจว่างเปล่าหยั่งถึงได้ถ่องแท้ วิญญาณเทพย่อมรู้แจ้งด้วยตนเอง
ประจิมทองเกิงซินอยู่ที่ปอด สีขาวเป็นหลัก ปอดเหมือนเศวตฉัตรคุ้มเรือนทอง…
อุดรน้ำเหรินขุยอยู่ที่ไต สีดำเป็นหลัก ไตประหนึ่งหอคอยลับเปลี่ยนเรือนน้ำ…
สิ่งที่คัมภีร์มหามรรคหวงถิงอธิบาย ก็คือแก่นอัศจรรย์แห่ง ‘บนมหามรรค ข้าคือศูนย์กลาง’ และรากฐานของมันก็คือการขัดเกลา ‘จิตแห่งอวัยวะตันห้า’!
เมื่อบรรลุคัมภีร์นี้ถึงขั้นอัศจรรย์ ในจุดอวัยวะตันห้าจะเหมือนมีเทพนั่งบัญชา ประกายศักดิ์สิทธิ์ทะลวงเหนือเมฆ ต่างฝ่ายต่างยึดกุมมรรควิถีของตน
โดยเฉพาะยามต่อสู้ รูปจำลองของเทพห้าองค์จะวิวัฒน์เป็นร่างแยกห้าร่าง
ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิเมื่อนานมาแล้ว จอมจักรพรรดิหวงถิงเก่ออวี้ผูก็เคยแบ่งร่างเป็นเทพห้าองค์ รูปจำลองของเทพแต่ละองค์ล้วนมีอานุภาพเทียมฟ้าดิน สังหารจนคู่ต่อสู้ทั้งหมดกระเจิดกระเจิงไม่เป็นขบวน เลือดหลั่งรินบนฟ้าดารา!
หลังจากฝึก ‘จิตแห่งอวัยวะตันห้า’ ร่างกายจะเท่ากับครอบครองปริศนาแห่งห้าเร้น ความลับแห่งห้าธาตุ ความอัศจรรย์แห่งห้ากลิ่น แก่นแห่งห้าธรรม!
นี่ก็คือ ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ เป็นยอดคัมภีร์มรรคที่บุกเบิกสรรสร้างโดยเก่ออวี้ผู ใช้จิตแห่งอวัยวะตันห้าเป็นรากฐาน คุณสมบัติล้ำเลิศ น่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ
ร่างแยกห้าองค์ที่เคี่ยวกรำออกมานี้ ถูกเรียกว่าธรรมกายห้าธรรม!
…
พร้อมๆ กับเสียงโคจรกึกก้อง ในจุดอวัยวะตันห้าของหลินสวินมีแสงไหวเคลื่อนห้าสีไหลบ่า ชะล้างเรือนมรรคทั้งห้าอย่างใจ ตับ ม้าม ปอด ไตดั่งกระแสน้ำ
ภายในเรือนมรรคพลังชีวิตเอ่อท้น มีหมอกแสงลึกลับน่าอัศจรรย์พวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง ในความรางเลือนราวกับมีเงาร่างที่ว่างเปล่าเป็นสายๆ กำลังรวมตัวกันในเรือนมรรคต่างๆ
‘ไม้เขียวอี่ พลังชีวิตเป็นหลัก เปิดประตูชีวิตของธรรมธาตุไม้…’
การหยั่งรู้ที่อัศจรรย์ลึกล้ำผุดขึ้นในใจของหลินสวินเป็นระลอก
เขาเพิ่งเข้าใจว่าการเคี่ยวกรำจิตแห่งอวัยวะตันห้าของคัมภีร์มหามรรคหวงถิง ยังมีความอัศจรรย์ของไตรมรรคอย่างการหลอมกาย หลอมปราณ หลอมจิตอยู่ด้วย
นี่ก็คือไตรวิถีมกุฎ!
เพียงแต่มกุฎมรรคาที่ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูเสาะหา ใช้ ‘อวัยวะตันห้า’ เป็นรากฐาน สร้างวัฏจักรอันสมบูรณ์ที่ก่อเกิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุดเหมือนปัญจธาตุรวมเป็นหนึ่ง
นี่ต่างจากมรรคาที่หลินสวินเสาะหาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ในคัมภีร์มหามรรคหวงถิงยังมีความอัศจรรย์มากมาย ทำให้หลินสวินได้เปิดโลกทัศน์ สัมผัสได้ชัดเจน เจริญปัญญารู้แจ้ง
ในการหยั่งรู้นี้ทำให้ความเข้าใจของหลินสวินที่มีต่อมรรคและวิชาลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมแล้ว ส่วนมรรควิถีของเขาก็ทะยานสูงตามไปด้วย!
กระทั่งต่อมาหลินสวินก็เข้าใจโดยคร่าวว่า ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ แบ่งเป็นสี่ระดับใหญ่
คือระดับห้าเร้น ระดับห้าสี ระดับห้ากลิ่น ระดับห้าธรรม!
ตอนนี้หลินสวินใช้พลังปราณระดับมกุฎมหาอริยะของตน ก้าวเข้าไปในระดับห้าเร้นได้อย่างสบายๆ สั่งสมแก่นวิญญาณของเรือนมรรคเป็นสายๆ ไว้ที่อวัยวะตันห้า
แก่นวิญญาณของเรือนมรรคพวกนี้เหมือนรูปจำลองมายา เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอย่างเขียว แดง เหลือง ขาว ดำออกมา
หากบรรลุถึงระดับห้าสี แก่นวิญญาณห้าองค์นี้จะควบรวมเสมือนจริง ปรากฏเป็น ‘สีสัน’ ต่างกันไป อย่างแก่นวิญญาณไม้เขียวก็จะเผยสีสันของ ‘ความเขียวชอุ่มชั่วกาล พลังชีวิตคงอยู่นิรันดร์’ ออกมา
กระทั่งมาถึง ‘ระดับห้ากลิ่น’ แก่นวิญญาณห้าองค์จะมี ‘กลิ่นอาย’ เป็นของตัวเอง ราวกับว่าทุกคนเผยเสน่ห์ที่ต่างกันไปออกมา
ส่วน ‘ระดับห้าธรรม’ ก็จะมีจิตรับรู้และมรรควิถีต่างกันไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์