แดนผนึกแท่นสักการะ
กลางฟ้าดินในส่วนลึกสุดมีภูเขาใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้สูงเก้าหมื่นจั้ง เชื่อมต่อไปนอกเวิ้งฟ้า สูงตระหง่านโดดเด่นยิ่งใหญ่ ทรงพลังดั่งยอดเขาสวรรค์ลูกแรกที่ยันเปิดจักรวาลแรกกำเนิด!
ลือกันว่าเขาลูกนี้ก็คือใจกลางของแหล่งสถานคุนหลุน ถูกเรียกว่า ‘เขาคุนหลุน’ !
นับแต่โบราณมาผู้ฝึกปราณมากมายต่างสงสัยว่าเขาคุนหลุนไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้สมควรมีได้แต่แรก ด้วยงามวิจิตรและทรงพลังเกินไป
ต่อให้เป็นอริยะหลอมกายที่แปลงร่างให้สูงหมื่นจั้งได้ ยามยืนอยู่หน้าเขาลูกนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเหมือนมดปลวก
แท่นสักการะก็ตั้งอยู่บนเขาคุนหลุน
ยามนี้เมิ่งอี้ยืนอยู่หน้าเขาคุนหลุน หว่างคิ้วเจือความตกตะลึง ‘คุนหลุนยิ่งใหญ่ เกรียงไกรยิ่งนัก!’
ที่นี่ไอคลุมเครืออบอวล ราวกับน้ำตกหลายสายทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้า ก้อนหินต้นไม้ล้วนเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์แวววาวผุดผ่อง
กลางอากาศพลังกฎระเบียบมหามรรคนานัปการเหมือนคงอยู่จริง กลายเป็นลักษณ์ประหลาดอย่างรุ้งเทพ ละอองแสง ประกายมงคล แสงอุษาเทพไหลวนกลางอากาศ ส่องประกายเพริศแพร้ว ซ้อนสลับลานตา
มหามรรคไร้รูป กว้างใหญ่ไพศาล แต่เขาคุนหลุนนี้กลับราวสัมผัสได้!
นี่ก็คือหนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน เป็นพื้นที่ลับซึ่งสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามคลุ้มคลั่ง
ลือกันว่าที่นี่ซ่อนความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไว้!
“ตอนนี้ทางขึ้นเขาคุนหลุนถูก ‘กระแสน้ำหลากมหามรรค’ ปกคลุม อย่างน้อยต้องใช้เวลาเจ็ดวันจึงจะค่อยๆ หายไป นี่ก็หมายความว่าก่อนพวกเราจะขึ้นเขาได้ ยังต้องรออีกเจ็ดวัน”
ข้างๆ เหวินฉิงเสวี่ยกล่าวราบเรียบ
ชายเสื้อนางพลิ้วไหว งามพิสุทธิ์ดั่งเซียน ข้างกายห้อมล้อมด้วยผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรมากมาย คล้ายดาวล้อมเดือน ขับเน้นให้ฐานะของนางโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม
ที่เรียกว่า ‘กระแสน้ำหลากมหามรรค’ คือพลังกฎระเบียบมหามรรคที่เหมือนผนึกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ทรงอานุภาพและบ้าคลั่งเกินไป ปกคลุมทางขึ้นเขาคุนหลุนไว้เหมือนน้ำป่าทลายเขื่อน
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้ ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดเข้าใกล้ก็จะถูกม้วนกลืนกำจัด!
ดังนั้นหากต้องการขึ้นเขาไปสักการะ ก็ได้แค่รอ
เมิ่งอี้กล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง สายตาเขาเหลือบมองไปยังจุดที่ห่างออกไป
ใกล้เขาคุนหลุนไม่ได้มีแค่พวกเขากลุ่มเดียว ยังมีพวกฮว่าซิงหลีแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร จอมดาบถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่ง เผ่านักรบตะวันแดง เผ่านักรบวารีดำ เผ่านักรบผีสวรรค์ด้วย…
คนพวกนี้เกือบทั้งหมดเป็นผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ ไม่มีผู้ฝึกปราณทั่วไปคนอื่นเลย
ด้วยพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอ และไม่มีความสามารถมาถึงเขาคุนหลุนได้
ต้องรู้ว่าผู้ฝึกปราณที่เข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้มีเรือนพันเรือนหมื่น แต่ตอนนี้กลับเหลือคนส่วนน้อยแค่นี้เท่านั้นที่มาถึง
ทว่าคนส่วนน้อยพวกนี้ล้วนเป็นบุคคลร้ายกาจที่รับมือได้ยากยิ่ง
บางคนในนั้นถึงขั้นทำให้เมิ่งอี้หวาดกลัวยิ่งนัก
อย่างซวีหลิงคุนทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลซวี บุคคลน่ากลัวคนหนึ่งที่จัดอยู่ในอันดับที่สิบสามของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ยังมีจวนอวี๋เหิงทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจวนอวี๋ที่นิสัยป่าเถื่อน ฝีมือแข็งกร้าว ทั้งจัดอยู่ในอันดับสิบของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราด้วย!
บุคคลเช่นนี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเรียกได้ว่าเป็นราชันในหมู่คนรุ่นเดียวกัน คือตัวตนที่เหมือนสุริยันผู้กล้า
เมิ่งอี้รู้ดีว่าตนอาจจะไม่กลัวคู่ต่อสู้คนอื่นในที่นั้น แต่หากเจอยักษ์ใหญ่ครองพิภพอย่างซวีหลิงคุน จวนอวี๋เหิง ย่อมถูกลิขิตให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนกับเหวินฉิงเสวี่ย ฆ่าหลินสวินเป็นค่าตอบแทน แลกกับการช่วยเหลือของเหวินฉิงเสวี่ย
เมื่อเป็นเช่นนี้ยามก้าวสู่แท่นสักการะไปแย่งชิงศุภโชค ก็ไม่ต้องกลัวพวกซวีหลิงคุน จวนอวี๋เหิงแล้ว
“พี่เมิ่ง เจ้าแน่ใจว่าหลินสวินนั่น… ตายแล้วจริงนะ”
เหวินฉิงเสวี่ยกล่าวขึ้นมาทันใด
เมิ่งอี้เก็บความคิดยิ้มกล่าว “เทพธิดาฉิงเสวี่ย เจ้ายังไม่เชื่อข้าหรือ”
เขาพลิกฝ่ามือ ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏ สิ่งที่ฉายบนนั้นคือภาพที่พวกหลินสวินและอาหูถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการกำราบ
“เจ้าบ้านี่ก็ซวยเกินไปแล้ว ถึงกับถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการ ความตายนี้ไม่อัดอั้นเกินไปหน่อยหรือ”
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่บ้าระห่ำร้ายกาจ ช่วงนี้ฆ่าคนไปไม่รู้เท่าไหร่ หยิ่งทะนงกำเริบเสิบสานหาใดเปรียบ ตายไปก็ดีแล้ว”
ผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรพวกนั้นพากันเอ่ยปาก ล้วนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นไม่มากก็น้อย
มีเพียงเหวินฉิงเสวี่ยที่สีหน้าราบเรียบ นางเอ่ยถาม “ถ้าเขาไม่ตายล่ะ”
เมิ่งอี้อดหัวเราะไม่ได้ “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ตั้งแต่อดีตมา ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกยอดเขากักเทพสวรรค์พันธนาการย่อมล้วนตายหมด ภายในนั้นยังรวมถึงตัวตนระดับจักรพรรดิคนหนึ่งด้วย”
คนอื่นพากันพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งอี้ ชื่อเสียงของยอดเขากักเทพสวรรค์พวกเขาต่างก็รู้ดี นั่นคือภูเขาแห่งความตายที่ดุร้ายหาใดเปรียบลูกหนึ่ง!
“ข้าพูดว่าถ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ล่ะ”
เหวินฉิงเสวี่ยทวนอีกรอบ
นี่ทำให้เมิ่งอี้ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่กล้าบันดาลโทสะ
เหวินฉิงเสวี่ยดูเหมือนอันดับต่ำมากในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ก้าวมาอยู่แค่ในร้อยอันดับแรกเท่านั้น
แต่มีเพียงเมิ่งอี้ที่รู้ดีว่าร้อยปีมานี้ ‘เทพธิดา’ ของเรือนมรรคยุทธจักรคนนี้เคยได้รับศุภโชคใหญ่เป็นประวัติการณ์มาก่อน ทำให้พลังปราณและรากฐานของนางไม่อาจเทียบกับแต่ก่อนได้นานแล้ว
จากข่าวลับที่เมิ่งอี้สืบมาได้ ไม่กี่ปีหลังจากนี้ยามจัดอันดับกระดานมหาอริยะฟ้าดาราใหม่อีกครั้ง เหวินฉิงเสวี่ยต้องทะยานเหนือฟากฟ้า สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในสามสิบอันดับแรกได้อย่างแน่นอน กระทั่งการจะทะลวงขึ้นสู่สิบอันดับแรกก็มีความหวังอยู่มาก!
และเมิ่งอี้ยังต้องการให้เหวินฉิงเสวี่ยคอยช่วย จึงได้แต่อดกลั้น
เขาคิดไปคิดมาจึงกล่าว “ต่อให้เจ้าหมอนี่รอดชีวิต หากเขาคิดจะมุ่งหน้ามายังเขาคุนหลุนจากยอดเขากักเทพสวรรค์ ก็ต้องผ่านที่นี่”
เขาพูดพลางหยิบแผนที่หนังสัตว์ซึ่งเหลืองเก่าคร่ำคร่าออกมากางตรงหน้าเหวินฉิงเสวี่ย ยื่นมือชี้ไปยังจุดหนึ่งที่อยู่บนนั้น
“นี่คือ ‘ธารโลหิตซ่อนผี’ ที่ขวางอยู่ระหว่างทาง ภายในมี ‘ผีราตรีเหินฟ้า’ เกาะกลุ่มปรากฏตัวเป็นระยะ คนที่อยู่ในระดับอริยะไม่มีใครต้านได้ ต่อให้มีป้ายคำสั่งเซียนเหินก็ไม่รอด!”
เมิ่งอี้สีหน้ามาดมั่น พูดจาคล่องปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์