อาเก้านามว่าหนานเหลยเผิง หนึ่งในผู้อาวุโสเผ่ามู่ซาง เป็นปฐมาจารย์หลอมยาระดับอริยะแท้ ชื่อเสียงสูงส่งมากในเผ่า
ในบ้านหิน หนานเหลยเผิงและหลินสวินนั่งอยู่กับพื้น
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็เคลื่อนสายตาไปมองหลินสวิน พูดอย่างจริงจัง
“คุณชาย หนานชิวอาจจะไม่รู้ แต่ข้าดูออกว่าคุณชายไม่ธรรมดายิ่ง หวังว่าการมาเยือนของคุณชายจะไม่ได้มีเจตนาร้าย”
หลินสวินประสานหมัดกล่าว “ข้าคนแซ่หลินเป็นเพียงแค่คนต่างแดนที่หลงทาง รอฟื้นฟูพลังกายก็จะจากไป ไม่กระทบทุกอย่างที่นี่แน่”
หนานเหลยเผิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเชื่อคุณชาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่”
หลินสวินส่ายหน้า แสดงออกอ้อมๆ ว่าตนเพียงต้องการทำสมาธิสักระยะก็พอแล้ว
หนานเหลยเผิงจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ให้หลินสวินอยู่ในบ้านหินแล้วหมุนตัวจากไป
ฮู่ว…
หลินสวินถอนหายใจยาว เริ่มสงบจิตนั่งสมาธิ
ที่นี่คือแดนบรรพบุรุษของเผ่ามู่ซาง ไอวิญญาณหนาแน่นอย่างที่สุด สั่งสมพลังเจตะที่รุนแรง แม้สู้พวกถ้ำสวรรค์แดนมงคลหายากไม่ได้ แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินสวิน
สองสามวันหลังจากนั้นหลินสวินไม่ก้าวออกจากบ้านเลย ดูสงบนิ่งมาก นี่ทำให้หนานเหลยเผิงที่จับตามองมาโดยตลอดวางใจลงไม่น้อย
คนแปลกหน้าซึ่งที่มาไม่ชัดเจน จู่ๆ ก็ปรากฏตัวในเผ่า ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางไม่ระแวง
กับเรื่องนี้หลินสวินเองก็สังเกตเห็นแต่ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ความคิดทั้งหมดของเขาอยู่ที่การฟื้นฟูพลัง
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินจนปัญญาคือ ด้วยระดับในตอนนี้ของเขา อาศัยเพียงการดูดกลืนไอวิญญาณฟ้าดินในการฟื้นตัวนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลานานถึงสามเดือน!
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในเผ่ามู่ซางแห่งนี้เขาไม่กล้าดูดกลืนไอวิญญาณฟ้าดินอย่างเปิดเผย
ไม่เช่นนั้นไอวิญญาณที่หล่อเลี้ยงอยู่ในหุบเขาแห่งนี้จะถูกเขาดูดกลืนไปทั้งหมด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่เกินไป จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นได้
“ยังขาดโอสถเทพ แกนวิญญาณ…”
วันนี้หลินสวินตื่นจากการทำสมาธิ รู้สึกไม่พอใจเท่าใด
ผ่านไปห้าวันแล้ว พลังของเขาเพิ่งฟื้นคืนกลับมาไม่ถึงหนึ่งในพันของตอนที่อยู่ระดับสูงสุด!
เหตุผลอยู่ที่ว่า หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงแห่ง ‘เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์’ รากฐานและมรรควิถีของเขาก็หนาแน่นทรงพลังกว่าที่ผ่านมาหนึ่งเท่า พลังที่สามารถบรรจุได้ก็ถึงขั้นน่ากลัว ไม่ใช่ระดับที่คนในรุ่นเดียวกันจะเทียบได้
ตอนนี้ทำได้เพียงดูดซับไอวิญญาณฟ้าดินในการฟื้นตัวอย่างเดียว แน่นอนว่าความเร็วย่อมช้าอย่างที่สุด
หลินสวินคิดๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืน ผลักประตูเดินออกไป
สายลมสายเช้าตรู่พัดโชย แสงแดดกำลังดี ในอากาศแฝงกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้าที่น่าหลงใหล บนลานแสดงยุทธ์ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งมากมายกำลังฝึกยุทธ์ ส่งเสียงตะโกนดังมาเป็นระลอกๆ
หลินสวินก้าวเดินไปข้างหน้า สัมผัสกับกลิ่นอายของโลกใบนี้
ที่นี่แตกต่างจากดินแดนรกร้างโบราณ และไม่เหมือนแหล่งสถานคุนหลุน กฎเกณฑ์ฟ้าดินของโลกลำนำสวรรค์มั่นคงและหนาแน่นผิดปกติ
เมื่ออยู่ในนี้ทำให้หลินสวินรู้สึกถึงความกดดันบางอย่างรางๆ แบกรับกลิ่นอายกฎระเบียบที่แปลกประหลาด
หลินสวินรู้ดีว่ากฎเกณฑ์กลางฟ้าดินยิ่งรุนแรง หมายความว่าพลังที่สามารถรองรับได้ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งเป็นผลดีต่อผู้ฝึกปราณ
ตรงกันข้าม หากกฎเกณฑ์กลางฟ้าดินอ่อนแอ กลับจะขัดขวางความก้าวหน้าของผู้ฝึกปราณ เพราะไม่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณสัมผัสและเสาะแสวงมหามรรคในระดับที่สูงกว่า!
‘มิน่าระดับจักรพรรดิแต่ละคนล้วนมาทางเดินโบราณฟ้าดารา เพราะมีเพียงที่นี่จึงจะสามารถรองรับพลังของพวกเขาได้ ตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของพวกเขา…’
หลินสวินราวกับคิดอะไรอยู่
“ดูสิ เจ้าหมอนั่นคือผู้ชายที่พี่หนานชิวล่ากลับมา”
ข้างทางไกลออกไป เสียงหัวเราะระลอกหนึ่งดังขึ้น
เด็กหนุ่มเด็กสาวส่วนหนึ่งมองคนแปลกหน้าอย่างหลินสวินด้วยความประหลาดใจ
“หน้าตาถือว่าหล่อเหลามาก ผิวก็ขาวมากนะ ที่แท้พี่หนานชิวก็ชอบผู้ชายแบบนี้นี่เอง”
หญิงสาวคนหนึ่งเม้มปากหัวเราะเบาๆ
หลินสวินอึ้งไป ในใจจนปัญญา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องที่หนานชิวแบกตนกลับมาจะต้องกระจายไปทั้งเผ่ามู่ซางแล้วแน่
นึกถึงเรื่องนี้หลินสวินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตนเป็นถึงมกุฎมหาอริยะ ระดับอริยบุคคลเชียวนะ!
กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งแบกมา…
“หนานชิวไม่มีทางชอบเจ้าหน้าขาวนี่หรอก!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นชายหนุ่มที่เหี้ยมหาญคนหนึ่งเดินออกมา จ้องหลินสวินอย่างโกรธเคือง “ข้าจะบอกเจ้าไว้ ว่าอย่าคิดเกินเลยกับหนานชิว!”
หลินสวินอึ้ง “เจ้าคือ?”
ชายหนุ่มเหี้ยมหาญสีหน้าอึมครึม “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร เจ้าเพียงจำไว้ว่าหนานชิวหมั้นหมายกับมู่ซิวหย่วน ผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินตั้งนานแล้ว ต่อไปพวกเขาจะต้องไปจากโลกลำนำสวรรค์ มุ่งหน้าไปฝึกปราณที่ ‘มหาโลกาคานสวรรค์’ ด้วยกัน!”
ในใจหลินสวินอดรู้สึกขำไม่ได้ เอ่ยพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”
ท่าทางที่ผ่อนคลายของเขากลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งเดือดดาล “เจ้าคงไม่ได้ไม่รู้จักมู่ซิวหย่วนกระมัง ผู้สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งแห่งสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอันดับหนึ่งแห่งโลกลำนำสวรรค์ อัจฉริยะฝึกปราณที่หมื่นปียังไม่เคยพบเจอคนหนึ่ง! เมื่อเทียบกับเขา เจ้านับเป็นอะไร”
หลินสวินหน่ายใจยิ่ง ข้านับเป็นอะไรหรือ ข้าเป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง เหตุใดพออยู่ในปากเจ้ากลับเทียบมกุฎราชันคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด หลินสวินยังไม่ถึงกับโมโหเพราะเรื่องนี้
“ข้าเข้าใจ เจ้าทำไปเพราะหวังดีกับแม่นางหนานชิว” หลินสวินพูด
สีหน้าของชายหนุ่มเหี้ยมหาญจึงอ่อนโยนลง แค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นเยียบพร้อมเอ่ย “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว หากข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตัดใจจากหนานชิวก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
พูดจบก็หมุนตัวจากไป
หลินสวินมองเขาจากไปแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์