Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1773

อาเก้านามว่าหนานเหลยเผิง หนึ่งในผู้อาวุโสเผ่ามู่ซาง เป็นปฐมาจารย์หลอมยาระดับอริยะแท้ ชื่อเสียงสูงส่งมากในเผ่า

ในบ้านหิน หนานเหลยเผิงและหลินสวินนั่งอยู่กับพื้น

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็เคลื่อนสายตาไปมองหลินสวิน พูดอย่างจริงจัง

“คุณชาย หนานชิวอาจจะไม่รู้ แต่ข้าดูออกว่าคุณชายไม่ธรรมดายิ่ง หวังว่าการมาเยือนของคุณชายจะไม่ได้มีเจตนาร้าย”

หลินสวินประสานหมัดกล่าว “ข้าคนแซ่หลินเป็นเพียงแค่คนต่างแดนที่หลงทาง รอฟื้นฟูพลังกายก็จะจากไป ไม่กระทบทุกอย่างที่นี่แน่”

หนานเหลยเผิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเชื่อคุณชาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่”

หลินสวินส่ายหน้า แสดงออกอ้อมๆ ว่าตนเพียงต้องการทำสมาธิสักระยะก็พอแล้ว

หนานเหลยเผิงจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ให้หลินสวินอยู่ในบ้านหินแล้วหมุนตัวจากไป

ฮู่ว…

หลินสวินถอนหายใจยาว เริ่มสงบจิตนั่งสมาธิ

ที่นี่คือแดนบรรพบุรุษของเผ่ามู่ซาง ไอวิญญาณหนาแน่นอย่างที่สุด สั่งสมพลังเจตะที่รุนแรง แม้สู้พวกถ้ำสวรรค์แดนมงคลหายากไม่ได้ แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินสวิน

สองสามวันหลังจากนั้นหลินสวินไม่ก้าวออกจากบ้านเลย ดูสงบนิ่งมาก นี่ทำให้หนานเหลยเผิงที่จับตามองมาโดยตลอดวางใจลงไม่น้อย

คนแปลกหน้าซึ่งที่มาไม่ชัดเจน จู่ๆ ก็ปรากฏตัวในเผ่า ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางไม่ระแวง

กับเรื่องนี้หลินสวินเองก็สังเกตเห็นแต่ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ความคิดทั้งหมดของเขาอยู่ที่การฟื้นฟูพลัง

ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินจนปัญญาคือ ด้วยระดับในตอนนี้ของเขา อาศัยเพียงการดูดกลืนไอวิญญาณฟ้าดินในการฟื้นตัวนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลานานถึงสามเดือน!

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในเผ่ามู่ซางแห่งนี้เขาไม่กล้าดูดกลืนไอวิญญาณฟ้าดินอย่างเปิดเผย

ไม่เช่นนั้นไอวิญญาณที่หล่อเลี้ยงอยู่ในหุบเขาแห่งนี้จะถูกเขาดูดกลืนไปทั้งหมด ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่เกินไป จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นได้

“ยังขาดโอสถเทพ แกนวิญญาณ…”

วันนี้หลินสวินตื่นจากการทำสมาธิ รู้สึกไม่พอใจเท่าใด

ผ่านไปห้าวันแล้ว พลังของเขาเพิ่งฟื้นคืนกลับมาไม่ถึงหนึ่งในพันของตอนที่อยู่ระดับสูงสุด!

เหตุผลอยู่ที่ว่า หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงแห่ง ‘เลวร้ายกลายสุขสวัสดิ์’ รากฐานและมรรควิถีของเขาก็หนาแน่นทรงพลังกว่าที่ผ่านมาหนึ่งเท่า พลังที่สามารถบรรจุได้ก็ถึงขั้นน่ากลัว ไม่ใช่ระดับที่คนในรุ่นเดียวกันจะเทียบได้

ตอนนี้ทำได้เพียงดูดซับไอวิญญาณฟ้าดินในการฟื้นตัวอย่างเดียว แน่นอนว่าความเร็วย่อมช้าอย่างที่สุด

หลินสวินคิดๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืน ผลักประตูเดินออกไป

สายลมสายเช้าตรู่พัดโชย แสงแดดกำลังดี ในอากาศแฝงกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้าที่น่าหลงใหล บนลานแสดงยุทธ์ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งมากมายกำลังฝึกยุทธ์ ส่งเสียงตะโกนดังมาเป็นระลอกๆ

หลินสวินก้าวเดินไปข้างหน้า สัมผัสกับกลิ่นอายของโลกใบนี้

ที่นี่แตกต่างจากดินแดนรกร้างโบราณ และไม่เหมือนแหล่งสถานคุนหลุน กฎเกณฑ์ฟ้าดินของโลกลำนำสวรรค์มั่นคงและหนาแน่นผิดปกติ

เมื่ออยู่ในนี้ทำให้หลินสวินรู้สึกถึงความกดดันบางอย่างรางๆ แบกรับกลิ่นอายกฎระเบียบที่แปลกประหลาด

หลินสวินรู้ดีว่ากฎเกณฑ์กลางฟ้าดินยิ่งรุนแรง หมายความว่าพลังที่สามารถรองรับได้ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งเป็นผลดีต่อผู้ฝึกปราณ

ตรงกันข้าม หากกฎเกณฑ์กลางฟ้าดินอ่อนแอ กลับจะขัดขวางความก้าวหน้าของผู้ฝึกปราณ เพราะไม่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณสัมผัสและเสาะแสวงมหามรรคในระดับที่สูงกว่า!

‘มิน่าระดับจักรพรรดิแต่ละคนล้วนมาทางเดินโบราณฟ้าดารา เพราะมีเพียงที่นี่จึงจะสามารถรองรับพลังของพวกเขาได้ ตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของพวกเขา…’

หลินสวินราวกับคิดอะไรอยู่

“ดูสิ เจ้าหมอนั่นคือผู้ชายที่พี่หนานชิวล่ากลับมา”

ข้างทางไกลออกไป เสียงหัวเราะระลอกหนึ่งดังขึ้น

เด็กหนุ่มเด็กสาวส่วนหนึ่งมองคนแปลกหน้าอย่างหลินสวินด้วยความประหลาดใจ

“หน้าตาถือว่าหล่อเหลามาก ผิวก็ขาวมากนะ ที่แท้พี่หนานชิวก็ชอบผู้ชายแบบนี้นี่เอง”

หญิงสาวคนหนึ่งเม้มปากหัวเราะเบาๆ

หลินสวินอึ้งไป ในใจจนปัญญา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องที่หนานชิวแบกตนกลับมาจะต้องกระจายไปทั้งเผ่ามู่ซางแล้วแน่

นึกถึงเรื่องนี้หลินสวินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตนเป็นถึงมกุฎมหาอริยะ ระดับอริยบุคคลเชียวนะ!

กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งแบกมา…

“หนานชิวไม่มีทางชอบเจ้าหน้าขาวนี่หรอก!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น

จากนั้นชายหนุ่มที่เหี้ยมหาญคนหนึ่งเดินออกมา จ้องหลินสวินอย่างโกรธเคือง “ข้าจะบอกเจ้าไว้ ว่าอย่าคิดเกินเลยกับหนานชิว!”

หลินสวินอึ้ง “เจ้าคือ?”

ชายหนุ่มเหี้ยมหาญสีหน้าอึมครึม “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร เจ้าเพียงจำไว้ว่าหนานชิวหมั้นหมายกับมู่ซิวหย่วน ผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินตั้งนานแล้ว ต่อไปพวกเขาจะต้องไปจากโลกลำนำสวรรค์ มุ่งหน้าไปฝึกปราณที่ ‘มหาโลกาคานสวรรค์’ ด้วยกัน!”

ในใจหลินสวินอดรู้สึกขำไม่ได้ เอ่ยพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”

ท่าทางที่ผ่อนคลายของเขากลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งเดือดดาล “เจ้าคงไม่ได้ไม่รู้จักมู่ซิวหย่วนกระมัง ผู้สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งแห่งสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอันดับหนึ่งแห่งโลกลำนำสวรรค์ อัจฉริยะฝึกปราณที่หมื่นปียังไม่เคยพบเจอคนหนึ่ง! เมื่อเทียบกับเขา เจ้านับเป็นอะไร”

หลินสวินหน่ายใจยิ่ง ข้านับเป็นอะไรหรือ ข้าเป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง เหตุใดพออยู่ในปากเจ้ากลับเทียบมกุฎราชันคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด หลินสวินยังไม่ถึงกับโมโหเพราะเรื่องนี้

“ข้าเข้าใจ เจ้าทำไปเพราะหวังดีกับแม่นางหนานชิว” หลินสวินพูด

สีหน้าของชายหนุ่มเหี้ยมหาญจึงอ่อนโยนลง แค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นเยียบพร้อมเอ่ย “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว หากข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตัดใจจากหนานชิวก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

พูดจบก็หมุนตัวจากไป

หลินสวินมองเขาจากไปแล้วส่ายหน้าน้อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์