ยานข้ามโลก ยิ่งใหญ่ราวกับผืนแผ่นดินที่ลอยได้ มีพื้นที่ถึงพันหมู่ ด้านบนสิ่งก่อสร้างเรียงราย ทั้งศาลาหอสูง ลำธารภูเขาเทียม สิ่งสวยงามตั้งอยู่เต็มไปหมด
ตอนที่บินจากขอบฟ้าไกลๆ เข้ามาส่งเสียงกึกก้อง แสงสมบัติโคจร ทิ้งเงาดำบนแถบหนึ่งบนพื้นดิน
ผู้ฝึกปราณมากมายที่รวมตัวอยู่บริเวณเขาขลุ่ยหิมะกลั้นหายใจ จากนั้นสายตาพลันเปลี่ยนเป็นร้อนเร่าขึ้นมา เผยความปรารถนา
ยานข้ามโลกสามารถทะลวงผ่านกำแพงกั้นโลก ท่องไปยังเส้นทางฟ้าดาราไปเยือนโลกอื่นๆ หากไม่ใช่สำนักโบราณยิ่งใหญ่ไม่สามารถครอบครองได้!
การมียานข้ามโลก ก็เปรียบได้กับสัญลักษณ์หนึ่งของสำนักโบราณ
“มาแล้ว!”
กงหยางฉี่ฝืนกดความตื่นเต้นในใจ เงาร่างทะยานขึ้นฟ้าเข้าไปต้อนรับ
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นยานข้ามโลกลงจอดช้าๆ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากสำนักยุทธ์เตาโอสถถูกกงหยางฉี่มารับด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังโถงใหญ่สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน
……
ผู้ยิ่งใหญ่สำนักยุทธ์เตาโอสถที่มาครั้งนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน ผู้นำคือหม่าไท่เจิ้นผู้อาวุโสแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ เป็นระดับราชันอริยะที่เยี่ยมยอดสมคำร่ำลือ
คนอื่นๆ อีกหกคน มีห้าคนเป็นผู้ดูแล ล้วนเป็นระดับมกุฎมหาอริยะ
อีกคนที่เหลือคืออวี่อวิ๋นเหอ ศิษย์สืบทอดแท้สายในแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถ ทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ พรสวรรค์โดดเด่น รากฐานพลังแข็งแกร่ง ครั้งนี้ติดตามหม่าไท่เจิ้นมาเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
พลังต่อสู้ของเจ็ดคนนี้รวมกัน เพียงพอจะกวาดล้างทั้งโลกลำนำสวรรค์! และนี่เป็นเพียงแค่อานุภาพส่วนหนึ่งของสำนักยุทธ์เตาโอสถเท่านั้น
“นี่ก็คือสิบคนที่ถูกเลือกในครั้งนี้หรือ”
ในโถงใหญ่หม่าไท่เจิ้นกล่าว ผมและหนวดเคราของเขาราวกับหมึกดำ เสื้อคลุมสีฟ้าปักลายเตาโอสถ นั่งอยู่บนที่นั่งหลักตรงกลาง ทุกอิริยาบถล้วนมีบารมีประหนึ่งประมุข
สิบคนที่โดดเด่นในศึกราชันลำนำสวรรค์อย่างพวกมู่ซิวหย่วน หนานชิว ล้วนยืนอยู่ในโถงใหญ่อย่างเคารพนบนอบ
“ตอบกลับผู้อาวุโส เป็นสิบคนนี้แหละ”
กงหยางฉี่สีหน้าอ่อนน้อม แม้เขาจะเป็นเจ้าสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ทว่าเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ระดับหม่าไท่เจิ้น ไม่ว่าพลังปราณหรือฐานะล้วนต่ำกว่าหนึ่งช่วง
“ไม่เลวๆ”
หม่าไท่เจิ้นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม จู่ๆ ก็ถามว่า “ใครคือมู่ซิวหย่วน”
ร่างของมู่ซิวหย่วนสะท้าน พลันก้าวออกมาคารวะแล้วกล่าว “ข้าน้อยมู่ซิวหย่วน คารวะผู้อาวุโส”
ในดวงตาหม่าไท่เจิ้นเผยประกายศักด์สิทธิ์ พินิจมู่ซิวหย่วนอย่างละเอียดครู่หนึ่งแล้วเผยรอยยิ้มพอใจออกมา พูดว่า “ก่อนข้ามา พี่สาวเจ้ามู่ซิวฉีก็บอกว่า หากเจอเจ้า จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่ ตอนนี้พอเจอกันก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งตามคาด โดดเด่นในเหนือคน เป็นต้นกล้าที่ยากจะเห็นต้นหนึ่ง”
มู่ซิวหย่วนสีหน้าตื่นเต้น ในปากกลับพูดอย่างนอบน้อม “ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยไม่กล้ารับ”
ในโถงใหญ่ฮือฮาขึ้นมาระลอกหนึ่ง เผยสีหน้าประหลาดใจ เพิ่งจะรู้ว่ามู่ซิวหย่วนถึงกับมีพี่สาวคนหนึ่งฝึกปราณอยู่ในสำนักยุทธ์เตาโอสถ!
“ข้ากับพี่สาวเจ้าสนิทสนมกัน รอเจ้าไปสำนักยุทธ์เตาโอสถ หากเจอปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้”
ทันใดนั้นอวี่อวิ๋นเหอที่นั่งอยู่ต่ำกว่าหม่าไท่เจิ้นพูดเสียงกังวาน
รูปลักษณ์ของเขาหล่อเหลา หน้าผากอิ่มเอิบ ยามกะพริบตาเผยปรากฏการณ์ประหลาดอย่างทะเลเมฆพลุ่งพล่าน ฟ้าร้องฟ้าผ่า ดูน่ากลัวอย่างที่สุด
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่ดูแล!”
สีหน้ามู่ซิวหย่วนเผยความดีใจ
หลายคนในที่นั้นอดอิจฉาไม่ได้ ยังไม่ทันมุ่งหน้าไปฝึกปราณที่สำนักยุทธ์เตาโอสถด้วยซ้ำ ทว่าเส้นทางของมู่ซิวหย่วนกลับถูกคนปูไว้แต่แรกแล้ว!
“เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แหละ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สามวัน สามวันหลังจากนี้จะพาสิบคนนี้จากไป กลับสู่โลกต้าอวี่”
ไม่นานหม่าไท่เจิ้นก็ประกาศเสียงกึกก้อง
“พวกเจ้าถอยไปก่อน”
กงหยางฉี่สั่ง ตอนนี้พวกมู่ซิวหย่วน หนานชิวทั้งสิบคน รวมถึงเหล่าศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินที่ไม่เกี่ยวข้องต่างออกจากโถงใหญ่ไป
“กงหยางฉี่ เจ้ามีเรื่องอะไร”
หม่าไท่เจิ้นถาม
ตึง!
ยามนี้กงหยางฉี่กระทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนออกมา มาถึงเบื้องหน้าหม่าไท่เจิ้นก็คุกเข่าลงพื้นโดยตรง กล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ขอผู้อาวุโสโปรดช่วยสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินของข้า!”
พวกหม่าไท่เจิ้นต่างประหลาดใจ รู้สึกงงงัน
สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินเป็นถึงสำนักใหญ่อันดับหนึ่งของโลกลำนำสวรรค์ ฐานะโดดเด่น เจ้าสำนักอย่างกงหยางฉี่ยิ่งเป็นถึงบุคคลอันดับหนึ่งแห่งโลกนี้ อิทธิพลท่วมฟ้า
ทว่าตอนนี้เขากลับคุกเข่าร้องขอให้ช่วยอยู่บนพื้น!
ชั่วขณะนี้ในใจหม่าไท่เจิ้นตัดสินได้แล้วว่า กงหยางฉี่จะต้องเจอปัญหาที่ยากจะรับมืออย่างที่สุดแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดต้องคุกเข่าด้วย
ตอนที่หม่าไท่เจิ้นกำลังใคร่ครวญ อวี่อวิ๋นเหออดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ท่านลองพูดมา”
กงหยางฉี่สีหน้าโศกเศร้าและเคียดแค้น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล่าเรื่องที่หลินสวินปรากฏตัววางอำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหงสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินอย่างโหดร้าย
ปัง!
ฟังจบอวี่อวิ๋นเหอพลันตบโต๊ะยาวตรงหน้า พูดอย่างเดือดดาล “ช่างเป็นเจ้าโจรชั่วที่ใจกล้าคับฟ้านัก ถึงกับกล้าบีบให้น้องชายของศิษย์น้องซิวฉีคุกเข่า รนหาที่ตายชัดๆ!”
หม่าไท่เจิ้นและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างอดยิ้มขื่นไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าอวี่อวิ๋นเหอมีใจให้มู่ซิวฉี และกำลังเกี้ยวพาอยู่
การมาเยือนโลกลำนำสวรรค์ครั้งนี้ ที่อวี่อวิ๋นเหอมาด้วยก็เพื่อพบมู่ซิวหย่วน หมายจะฉวยโอกาสนี้เรียกความรู้สึกดีๆ ต่อมู่ซิวฉี
อวี่อวิ๋นเหอเคลื่อนสายตาไปมองหม่าไท่เจิ้นแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหม่า ในเมื่อพวกเรารู้เรื่องนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ช่วย ท่านคิดว่าอย่างไร”
หม่าไท่เจิ้นถอนหายใจในใจ เดิมทีเรื่องแบบนี้ หากกงหยางฉี่ไม่เสนอผลตอบแทนยิ่งใหญ่ เขาไม่มีทางสนใจ
สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินประสบพิบัติเคราะห์ เกี่ยวอะไรกับสำนักยุทธ์เตาโอสถ
แต่ประโยคเดียวของอวี่อวิ๋นเหอกลับทำให้หม่าไท่เจิ้นรู้ว่า ครั้งนี้ไม่ช่วยคงไม่ได้ แต่ถ้ารับปากง่ายๆ เช่นนี้กลับจะทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์