Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1784

สรุปบท ตอนที่ 1784 บุรุษที่งามสง่ายิ่งยวดคนหนึ่ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1784 บุรุษที่งามสง่ายิ่งยวดคนหนึ่ง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1784 บุรุษที่งามสง่ายิ่งยวดคนหนึ่ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

กลางฟ้าดารา บนห้วงอากาศเบื้องหน้ายานข้ามโลก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มียานสมบัติสีดำใหญ่ยักษ์หาใดเทียบลำหนึ่งปรากฏขึ้น ประหนึ่งอสูรยักษ์ฟ้าดาราสีดำดุร้ายตัวหนึ่ง

ธงที่วาด ‘วิหคเหินกระดูกขาว’ ไว้ผืนหนึ่งปลิวไสวไปตามลมปักอยู่บนยานสมบัติสีดำ

ที่ยานสมบัติที่พวกหลินสวินโดยสารอยู่สั่นโคลงรุนแรง ก็เกิดจากถูกยานสมบัติสีดำลำนี้กีดขวาง

“ยานโจรสลัดวิหคกระดูก!”

เสียงร้องตื่นตะลึงดังขึ้น ฝูทงที่ควบคุมการเดินทางของยานข้ามโลกหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

“เวรเอ๊ย ทำไมต้องมาเจอโจรสลัดฟ้าดาราพวกนี้!”

หม่าไท่เจิ้นที่อยู่ในเรือนก็หน้าเปลี่ยนสี

ฟ้าดาราไพศาล เต็มไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง แม้อยู่บนเส้นทางตายตัวก็เกิดภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดาขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

โจรสลัดฟ้าดาราก็เป็นกลุ่มคนที่ทำให้ผู้ฝึกปราณจากแต่ละโลกใหญ่หวาดกลัวและชิงชังเป็นที่สุด

พวกเขาเป็นเหมือนตั๊กแตนในฟ้าดารา ดำรงชีพด้วยการช่วงชิงปล้นทรัพย์สินจากยานข้ามโลก มาไร้เงาไปไร้รอย หนำซ้ำแต่ละกลุ่มยังเป็นพวกร้ายกาจอำมหิต โหดเหี้ยมหาใดเทียบ

ถ้าพบกับโจรสลัดทั่วไป ขอเพียงเป็นผู้ที่ตามีแววสักหน่อยล้วนจำได้ทั้งนั้นว่ายานข้ามโลกนี้เป็นของสำนักยุทธ์เตาโอสถ และย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาป่วน ถึงขั้นทำได้เพียงหลบไปไกลๆ

แต่กลุ่มโจรสลัดกระดูกขาวไม่เหมือนกัน

ในฟ้าดาราแถบนี้ที่อิทธิพลของโลกต้าอวี่แผ่ขยายมา กลุ่มโจรสลัดวิหคกระดูกเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุด

‘นักพรตวิหคกระดูก’ ที่เป็นหัวหน้า เป็นผู้ฝึกปราณสายมารที่ลือชื่อเรื่องความโหดร้ายผู้หนึ่ง มีพลังต่อสู้น่ากลับระดับราชันอริยะ

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามี ‘สิบสามมหาโจร’ แต่ละคนเป็นมกุฎมหาอริยะที่รับผิดชอบด้านหนึ่งโดยเฉพาะ!

กลุ่มโจรสลัดนี้ไม่สนใจว่าเจ้ามาจากสำนักใด ขอเพียงถูกหมายหัว จะถูกล้างบางเหมือนเป็นเหยื่อล่า

นี่ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงหน้าเปลี่ยนสี

หลินสวินสอบถามเล็กน้อย แล้วพลันเผยสีหน้าพิกล ตอนนี้ยานข้ามโลกของสำนักยุทธ์เตาโอสถลำนี้ถูกตนยึดครองแล้ว แต่กลับพบเข้ากับโจรสลัดกลุ่มหนึ่งเสียได้ พูดได้เพียงว่าชะตาของพวกหม่าไท่เจิ้นย่ำแย่เกินไปหน่อยจริงๆ

เขาไม่รีรอ ผุดลุกขึ้นยืนแล้วมองไป

ไม่นานนักนัยน์ตาหลินสวินก็หดรัด บนยานสมบัติสีดำขนาดมหึมาลำนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น หักพังเสียหายอยู่หายจุด

ศพกองสะเปะสะปะนอนคว่ำอยู่กลางบ่อโลหิต แต่ละศพล้วนถูกเจาะเป็นรูหนึ่งที่หว่างคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนก่อนตายได้พบกับเรื่องน่ากลัวที่สุดในโลก

จิตรับรู้ของหลินสวินแข็งแกร่งปานใด ชั่วพริบตาเดียวก็ตัดสินได้ว่าตอนศพเหล่านี้ยังมีชีวิต เป็นผู้มีปราณระดับมกุฎมหาอริยะกันทุกคน!

โดยเฉพาะชายชราในชุดนักพรตที่อยู่ในกลุ่มนั้นคนหนึ่ง กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่างแตกต่างกับมกุฎมหาอริยะมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นราชันอริยะผู้หนึ่ง

แต่หว่างคิ้วของชายชราในชุดนักพรตผู้นี้ก็ถูกแทงทะลุเป็นโพรงเลือดอย่างไม่มีข้อยกเว้น!

“สวรรค์ นักพรตวิหคกระดูกกับสิบสามมหาโจรที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเขาดันตายหมดแล้วหรือ”

หม่าไท่เจิ้นที่ปรากฏตัวตามหลินสวินมาติดๆ ร้องเสียงหลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

หลายพันปีมานี้ กลุ่มโจรสลัดที่กำเริบเสิบสานอยู่ทั่วฟ้าดาราเช่นนี้ ไม่รู้ว่าล้างบางคนจากขุมอำนาจต่างๆ ไปเท่าไร ฆ่าคนนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงเหี้ยมโหดลือกระฉ่อน เพราะพวกเขาเคลื่อนไหวเจ้าเล่ห์เพทุบายหาใดเทียบ แทบไม่มีทางถูกกวาดล้างได้ ทำเอาผู้ฝึกปราณจากโลกต้าอวี่ทั้งชิงชังและจนใจ

แต่ตอนนี้ พวกเขาตายสิ้นทั้งกองทัพ!

ใครฆ่าพวกเขากัน

สายตาหลินสวินมองไปที่ตำแหน่งหนึ่ง ที่นั่นมีเก้าอี้กระดูกขาวตั้งอยู่ บนเก้าอี้มีเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น หันหลังให้ทุกคน

ชั่วพริบตาที่หลินสวินมองมา เก้าอี้กระดูกขาวนั้นก็หันมาให้เห็นด้านหน้าของเงาร่างนั้น

“สหายยุทธ์ ไม่ทราบว่าจะรังเกียจไหมถ้าข้าจะขออาศัยยานข้ามแดนไปด้วย”

คนผู้นี้เป็นชายในชุดชมพูคนหนึ่ง บนเสื้อผ้าแต่งแต้มด้วยลายกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมด ผมสีดำขลับทั้งศีรษะปักปิ่นเล่มหนึ่งไว้เฉียงๆ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่สามารถใช้คำว่า ‘งดงาม’ มาบรรยายได้อย่างสมบูรณ์

เขามีเนตรหงส์ที่ให้ความรู้สึกเจ้าชู้สำราญตามธรรมชาติคู่หนึ่ง ผิวพรรณขาวสะอาดดั่งหยกมันแพะ แม้แต่เสียงยังเจือแรงดึงดูดนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์

ไม่ว่าใครได้พบเห็นชายหนุ่มที่เรียกได้ว่างดงามและโดดเด่นเช่นนี้ ต่างต้องตกตะลึง

ทั้งที่เป็นเช่นนั้น เขาที่แต่งกายชุดสีชมพูปักปิ่นปักผม ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ธรรมดานัก มีกลิ่นอายสำราญสบายใจ

“โจรสลัดพวกนี้เป็นเจ้าฆ่าหมดเลยหรือ”

หลินสวินคล้ายใคร่ครวญอะไร

ชายหนุ่มงดงามในชุดชมพูยิ้มพลางพยักหน้า เอ่ยเสียงนุ่มนวล “พวกนี้เป็นคนร้าย ต้องฆ่าให้หมดทุกคน”

หม่าไท่เจิ้น ฝูทงต่างสูดหายใจเฮือก จิตใจสั่นสะท้าน

นั่นเป็นถึงราชันอริยะคนหนึ่งกับมกุฎมหาอริยะสิบสามคน ดันถูกชายงดงามจนทำให้สตรียังละอายในรูปโฉมตนได้เช่นนี้ฆ่าหรือ

เขาเป็นใครกัน

แล้วมาจากไหนกันแน่

ในโลกต้าอวี่เหมือนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกปราณคนไหนชอบแต่งกายด้วยชุดที่แต่งแต้มด้วยลายกุหลายสีชมพูเช่นนี้มาก่อน เป็นเอกลักษณ์เกินไปแล้ว

หลินสวินเอ่ยถาม “พูดเช่นนี้ ทรัพย์สมบัติที่อยู่กับตัวโจรสลัดเหล่านั้นก็ถูกเจ้าเก็บไปหรือ”

ชายหนุ่มงดงามชุดชมพูนิ่งอึ้ง เผยสีหน้าพิกล “สหายยุทธ์ เจ้าคงไม่ได้อยากแบ่งผลประโยชน์ด้วยใช่ไหม”

เขาพูดพลางลุกขึ้นมา ระหว่างที่ยกมือวาดเท้ามีกลิ่นอายสูงส่งผิดธรรมดาอย่างเป็นธรรมชาติ

หลินสวินเอ่ย “ข้าไม่ได้สนใจจะเป็นนักเลงต่อตีกันเอง เจ้าจะขึ้นยานข้ามโลกมาก็ได้ เอาผลึกมรรคมาสามพันก้อน”

ผลึกมรรคสามพันก้อน!

จิตใจของหม่าไท่เจิ้นกับฝูทงบีบคั้น เพียงกลัวว่าหลินสวินจะล่วงเกินชายชุดชมพูที่ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออกผู้นั้นด้วยเหตุนี้

หลินสวินนิ่วหน้า รู้แล้วว่าหมอนี่หมายใจจะอยู่ต่อ จึงพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ทำตัวดีๆ หน่อยจะดีที่สุด”

พูดจบก็หันกายจากไป

จวินฮวนมองเงาร่างของหลินสวินจากไปไกล จากนั้นคลี่พัดสีชมพูที่วาดภาพหญิงงามไว้มากมายเสียงดังขวับ หัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “น่าสนใจจริงๆ วาสนานี่นะ…”

ตั้งแต่วันนี้ไปชายผู้มีที่มาที่ไปลึกลับ ทั้งยังงดงามโดดเด่นเป็นที่สุดอย่างจวินฮวน ก็กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งบนยานข้ามโลก

เขาชอบนั่งอยู่บนหัวยาน ยกกาสุราขึ้นดื่มเพียงลำพัง ชุดสีชมพูทั้งร่างปลิวไสว สง่างามสำราญอย่างบอกไม่ถูก

นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่ผิดแผกอะไร ดูเรียบร้อยนัก

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือพวกหม่าไท่เจิ้นกับฝูทง ต่างไม่กล้าเพิกเฉยการคงอยู่ของคนผู้นี้ คนที่สามารถทำลายกลุ่มโจรสลัดวิหคกระดูกได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

“หนานชิว หลังจากถึงโลกต้าอวี่แล้วต้องไปสำนักยุทธ์เตาโอสถไม่ได้แน่ ถึงตอนนั้นข้าจะหาสำนักที่เหมาะสมให้เจ้าฝึกปราณสักแห่ง”

วันนี้หลินสวินไปหาหนานชิวเพื่อสนทนากับนาง

หนานชิวพยักหน้า ตอนเผชิญหน้ากับหลินสวินนางสำรวมระแวดระวังขึ้นไม่น้อย ทั้งยังไม่เรียก ‘พี่หลินน้อย’ อีก แตกต่างจากเมื่อก่อน

นี่ทำให้หลินสวินถอนใจเบาๆ แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ที่ทำได้ก็มีเพียงหาที่ดีๆ สักที่ให้หนานชิวก่อนออกจากโลกต้าอวี่

กาลเวลาผันผ่าน คลื่นลมสงบนิ่งตลอดทาง

ตามการคาดคะเนของหลินสวิน อีกประมาณสามวันก็จะถึงโลกต้าอวี่

วันนี้หม่าไท่เจิ้น ฝูทง อวี่อวิ๋นเหอมาหาหลินสวินด้วยกัน พลังปราณของทั้งสามถูกผนึกเอาไว้แล้ว ดังนั้นแม้ตกเป็นเชลยก็ไม่ได้ถูกหลินสวินกักบริเวณ

“สหายยุทธ์ ตกลงเจ้าต้องการจะจัดการพวกเราอย่างไร ควรจะพูดให้มันชัดเจนสิ”

หม่าไท่เจิ้นเอ่ยถามทันที

หลินสวินไม่ตอบ แต่ทอดสายตามองไปที่อวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “เจ้ามาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่หรือ”

อวี่อวิ๋นเหออึ้งไป เอ่ยเสียงอู้อี้ว่า “ใช่แล้ว”

ตั้งแต่ถูกหลินสวินจับไว้ ลูกหลานเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ซึ่งจองหองอวดดีคนนี้ก็ไร้ซึ่งความเหิมเกริม ห่อเหี่ยวลงโดยสิ้นเชิง

หลายวันมานี้กลัวแต่หลินสวินจะโผล่มาฆ่าปิดปาก ใช้ชีวิตอย่างกระสับกระส่ายหาใดเทียบ ดูใจสลายนัก

“เช่นนั้นเจ้าจำสิ่งนี้ได้ไหม”

หลินสวินพูดพลางพลิกฝ่ามือ ป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ด้านบนสลักอักษรโบราณเหนี่ยวจ้วนเป็นตัวอักษร ‘อวี่’ ตัวหนึ่ง

อวี่อวิ๋นเหออึ้งไปเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เผยสีหน้ายากจะเชื่อ ร้องเสียงหลงว่า “นี่เป็นเครื่องประดับติดตัวของ ‘ผู้อาวุโสชิงหยาง’ ของตระกูลข้า ทำไมไปอยู่ในมือเจ้าได้”

จวินฮวนที่กำลังดื่มสุราที่หัวเรือไกลออกไป ขณะนี้หันกลับมาอย่างห้ามไม่ได้ มองมาทางนี้จากไกลๆ สีหน้าครุ่นคิด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์