กลางฟ้าดารา บนห้วงอากาศเบื้องหน้ายานข้ามโลก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มียานสมบัติสีดำใหญ่ยักษ์หาใดเทียบลำหนึ่งปรากฏขึ้น ประหนึ่งอสูรยักษ์ฟ้าดาราสีดำดุร้ายตัวหนึ่ง
ธงที่วาด ‘วิหคเหินกระดูกขาว’ ไว้ผืนหนึ่งปลิวไสวไปตามลมปักอยู่บนยานสมบัติสีดำ
ที่ยานสมบัติที่พวกหลินสวินโดยสารอยู่สั่นโคลงรุนแรง ก็เกิดจากถูกยานสมบัติสีดำลำนี้กีดขวาง
“ยานโจรสลัดวิหคกระดูก!”
เสียงร้องตื่นตะลึงดังขึ้น ฝูทงที่ควบคุมการเดินทางของยานข้ามโลกหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
“เวรเอ๊ย ทำไมต้องมาเจอโจรสลัดฟ้าดาราพวกนี้!”
หม่าไท่เจิ้นที่อยู่ในเรือนก็หน้าเปลี่ยนสี
ฟ้าดาราไพศาล เต็มไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง แม้อยู่บนเส้นทางตายตัวก็เกิดภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดาขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
โจรสลัดฟ้าดาราก็เป็นกลุ่มคนที่ทำให้ผู้ฝึกปราณจากแต่ละโลกใหญ่หวาดกลัวและชิงชังเป็นที่สุด
พวกเขาเป็นเหมือนตั๊กแตนในฟ้าดารา ดำรงชีพด้วยการช่วงชิงปล้นทรัพย์สินจากยานข้ามโลก มาไร้เงาไปไร้รอย หนำซ้ำแต่ละกลุ่มยังเป็นพวกร้ายกาจอำมหิต โหดเหี้ยมหาใดเทียบ
ถ้าพบกับโจรสลัดทั่วไป ขอเพียงเป็นผู้ที่ตามีแววสักหน่อยล้วนจำได้ทั้งนั้นว่ายานข้ามโลกนี้เป็นของสำนักยุทธ์เตาโอสถ และย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาป่วน ถึงขั้นทำได้เพียงหลบไปไกลๆ
แต่กลุ่มโจรสลัดกระดูกขาวไม่เหมือนกัน
ในฟ้าดาราแถบนี้ที่อิทธิพลของโลกต้าอวี่แผ่ขยายมา กลุ่มโจรสลัดวิหคกระดูกเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุด
‘นักพรตวิหคกระดูก’ ที่เป็นหัวหน้า เป็นผู้ฝึกปราณสายมารที่ลือชื่อเรื่องความโหดร้ายผู้หนึ่ง มีพลังต่อสู้น่ากลับระดับราชันอริยะ
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามี ‘สิบสามมหาโจร’ แต่ละคนเป็นมกุฎมหาอริยะที่รับผิดชอบด้านหนึ่งโดยเฉพาะ!
กลุ่มโจรสลัดนี้ไม่สนใจว่าเจ้ามาจากสำนักใด ขอเพียงถูกหมายหัว จะถูกล้างบางเหมือนเป็นเหยื่อล่า
นี่ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หม่าไท่เจิ้นกับฝูทงหน้าเปลี่ยนสี
หลินสวินสอบถามเล็กน้อย แล้วพลันเผยสีหน้าพิกล ตอนนี้ยานข้ามโลกของสำนักยุทธ์เตาโอสถลำนี้ถูกตนยึดครองแล้ว แต่กลับพบเข้ากับโจรสลัดกลุ่มหนึ่งเสียได้ พูดได้เพียงว่าชะตาของพวกหม่าไท่เจิ้นย่ำแย่เกินไปหน่อยจริงๆ
เขาไม่รีรอ ผุดลุกขึ้นยืนแล้วมองไป
ไม่นานนักนัยน์ตาหลินสวินก็หดรัด บนยานสมบัติสีดำขนาดมหึมาลำนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น หักพังเสียหายอยู่หายจุด
ศพกองสะเปะสะปะนอนคว่ำอยู่กลางบ่อโลหิต แต่ละศพล้วนถูกเจาะเป็นรูหนึ่งที่หว่างคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนก่อนตายได้พบกับเรื่องน่ากลัวที่สุดในโลก
จิตรับรู้ของหลินสวินแข็งแกร่งปานใด ชั่วพริบตาเดียวก็ตัดสินได้ว่าตอนศพเหล่านี้ยังมีชีวิต เป็นผู้มีปราณระดับมกุฎมหาอริยะกันทุกคน!
โดยเฉพาะชายชราในชุดนักพรตที่อยู่ในกลุ่มนั้นคนหนึ่ง กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่างแตกต่างกับมกุฎมหาอริยะมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นราชันอริยะผู้หนึ่ง
แต่หว่างคิ้วของชายชราในชุดนักพรตผู้นี้ก็ถูกแทงทะลุเป็นโพรงเลือดอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
“สวรรค์ นักพรตวิหคกระดูกกับสิบสามมหาโจรที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเขาดันตายหมดแล้วหรือ”
หม่าไท่เจิ้นที่ปรากฏตัวตามหลินสวินมาติดๆ ร้องเสียงหลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หลายพันปีมานี้ กลุ่มโจรสลัดที่กำเริบเสิบสานอยู่ทั่วฟ้าดาราเช่นนี้ ไม่รู้ว่าล้างบางคนจากขุมอำนาจต่างๆ ไปเท่าไร ฆ่าคนนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงเหี้ยมโหดลือกระฉ่อน เพราะพวกเขาเคลื่อนไหวเจ้าเล่ห์เพทุบายหาใดเทียบ แทบไม่มีทางถูกกวาดล้างได้ ทำเอาผู้ฝึกปราณจากโลกต้าอวี่ทั้งชิงชังและจนใจ
แต่ตอนนี้ พวกเขาตายสิ้นทั้งกองทัพ!
ใครฆ่าพวกเขากัน
สายตาหลินสวินมองไปที่ตำแหน่งหนึ่ง ที่นั่นมีเก้าอี้กระดูกขาวตั้งอยู่ บนเก้าอี้มีเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น หันหลังให้ทุกคน
ชั่วพริบตาที่หลินสวินมองมา เก้าอี้กระดูกขาวนั้นก็หันมาให้เห็นด้านหน้าของเงาร่างนั้น
“สหายยุทธ์ ไม่ทราบว่าจะรังเกียจไหมถ้าข้าจะขออาศัยยานข้ามแดนไปด้วย”
คนผู้นี้เป็นชายในชุดชมพูคนหนึ่ง บนเสื้อผ้าแต่งแต้มด้วยลายกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมด ผมสีดำขลับทั้งศีรษะปักปิ่นเล่มหนึ่งไว้เฉียงๆ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่สามารถใช้คำว่า ‘งดงาม’ มาบรรยายได้อย่างสมบูรณ์
เขามีเนตรหงส์ที่ให้ความรู้สึกเจ้าชู้สำราญตามธรรมชาติคู่หนึ่ง ผิวพรรณขาวสะอาดดั่งหยกมันแพะ แม้แต่เสียงยังเจือแรงดึงดูดนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์
ไม่ว่าใครได้พบเห็นชายหนุ่มที่เรียกได้ว่างดงามและโดดเด่นเช่นนี้ ต่างต้องตกตะลึง
ทั้งที่เป็นเช่นนั้น เขาที่แต่งกายชุดสีชมพูปักปิ่นปักผม ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ธรรมดานัก มีกลิ่นอายสำราญสบายใจ
“โจรสลัดพวกนี้เป็นเจ้าฆ่าหมดเลยหรือ”
หลินสวินคล้ายใคร่ครวญอะไร
ชายหนุ่มงดงามในชุดชมพูยิ้มพลางพยักหน้า เอ่ยเสียงนุ่มนวล “พวกนี้เป็นคนร้าย ต้องฆ่าให้หมดทุกคน”
หม่าไท่เจิ้น ฝูทงต่างสูดหายใจเฮือก จิตใจสั่นสะท้าน
นั่นเป็นถึงราชันอริยะคนหนึ่งกับมกุฎมหาอริยะสิบสามคน ดันถูกชายงดงามจนทำให้สตรียังละอายในรูปโฉมตนได้เช่นนี้ฆ่าหรือ
เขาเป็นใครกัน
แล้วมาจากไหนกันแน่
ในโลกต้าอวี่เหมือนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกปราณคนไหนชอบแต่งกายด้วยชุดที่แต่งแต้มด้วยลายกุหลายสีชมพูเช่นนี้มาก่อน เป็นเอกลักษณ์เกินไปแล้ว
หลินสวินเอ่ยถาม “พูดเช่นนี้ ทรัพย์สมบัติที่อยู่กับตัวโจรสลัดเหล่านั้นก็ถูกเจ้าเก็บไปหรือ”
ชายหนุ่มงดงามชุดชมพูนิ่งอึ้ง เผยสีหน้าพิกล “สหายยุทธ์ เจ้าคงไม่ได้อยากแบ่งผลประโยชน์ด้วยใช่ไหม”
เขาพูดพลางลุกขึ้นมา ระหว่างที่ยกมือวาดเท้ามีกลิ่นอายสูงส่งผิดธรรมดาอย่างเป็นธรรมชาติ
หลินสวินเอ่ย “ข้าไม่ได้สนใจจะเป็นนักเลงต่อตีกันเอง เจ้าจะขึ้นยานข้ามโลกมาก็ได้ เอาผลึกมรรคมาสามพันก้อน”
ผลึกมรรคสามพันก้อน!
จิตใจของหม่าไท่เจิ้นกับฝูทงบีบคั้น เพียงกลัวว่าหลินสวินจะล่วงเกินชายชุดชมพูที่ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออกผู้นั้นด้วยเหตุนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์